ตอนที่ 1746 เรียนรู้และลงมือในทันที

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

มู่หยวนชุนนั้นไม่เข้าใจอย่างมาก!

เจ้าหมอนี่ดูอย่างไรมันก็ไม่รู้ศาสตร์แห่งโอสถของเผ่าอสูร ทำไมผู้อาวุโสยังจะยอมให้มันได้ลองทดสอบอีก?

เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันต่างจากสิ่งที่ฉีหยูเห็นอย่างสิ้นเชิง!

สิ่งที่เขาเห็นคือความโง่และไม่รู้ในทักษะของเย่หยวน

แต่สิ่งที่ฉีหยูเห็นนั้นคือการพัฒนาของเย่หยวน!

เพราะจริงๆ ตั้งแต่จบรอบแรกไปเขาก็จ้องมองดูเย่หยวนอย่างตาไม่กะพริบ

เมื่อรอบที่สองเริ่ม ตั้งแต่ที่ผู้เข้าสอบคนแรกเดินขึ้นสนามไป เย่หยวนจ้องมองดูบนนั้นอย่าไม่กะพริบตา

จากระดับต้นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ พัฒนาไปสู่ระดับที่ยังหยาบกระด้างไปบ้าง

การพัฒนานี้มันเหนือล้ำจนเกินไป

ฉีหยูนั้นเชี่ยวชาญในด้านนี้มาก ในสายตาของเขาแล้วเรื่องแบบนี้มันจะสุดยอดแค่ไหน?

การพัฒนานี้ของเย่หยวนมันทำให้ผู้คนได้แต่ถอนหายใจด้วยความตะลึง!

เพราะอย่างไรเสียก่อนหน้านี้เขาก็ยังเป็นแค่มือใหม่ที่ไม่รู้เรื่องใดๆ

ฉีหยูอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเมื่อถึงตาเย่หยวนแล้วเขาจะทำได้ถึงขั้นไหน

เหล่าผู้เข้าสอบต่างเดินขึ้นไปทีละคนๆ แต่คนที่ผ่านไปได้นั้นเรียกว่ามีน้อยแค่หยิบมือ

แน่นอนว่าคนที่เก่งกาจผสานไม้ได้เกินสามสิบชนิดมันก็มี

และความสำเร็จของคนเหล่านั้นมันก็ยิ่งเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมแก่เย่หยวน

ไม่นานนัก ก็ถึงตาของมู่หยวนชุน เขาหันมามองเย่หยวนด้วยความเหยียดหยามก่อนครั้งหนึ่ง

เมื่อเขาเริ่มลงมือ มู่หยวนชุนก็ทำให้ทุกผู้คนต้องตกตะลึง

เพราะเขานั้นขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ใช้เวลาแค่น้อยนิดในการผสานไม้หลายต่อหลายชนิด

ยี่สิบห้านั้นมันไม่ใช่เป้าหมายของเขา

“สุดยอด ดูท่าแล้วเขาคงผสานได้เกินกว่าสี่สิบชนิดแน่ๆ ใช่ไหม?”

“แม้ว่ารอบแรกจะถูกเจ้าเด็กนั่นแย่งความสนใจไป แต่ฝีมือของมู่หยวนชุนเองก็เก่งกาจจริงๆ!”

“เด็กคนนี้มันเป็นได้แค่มือใหม่ในด้านโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็กลัวแทบตายว่าตัวเองจะได้มาเจอยอดนักหลอมโอสถเข้า!”

ศาสตร์หลอมอสูรของมู่หยวนชุนนั้นมันยอดเยี่ยมมาก แข็งแกร่งกว่าทุกผู้คนไประดับหนึ่งอย่างชัดเจน

สายตาของพวกเขาทั้งหลายตอนนี้ถูกมู่หยวนชุนดึงดูดไปโดยไม่มีใครหันมาสนใจเย่หยวนอีก ไม่มีใครรู้เลยว่าที่มุมปากของเย่หยวนนั้นค่อยๆ เผยอรอยยิ้มออกมากว้างขึ้นและกว้างขึ้น

“สี่สิบห้า!”

“สี่สิบหก!”

“ห้าสิบ!”

“ห้าสิบเอ็ด! อะ ร่วงแล้ว!”

“จำนวนมากขนาดนี้มันเหมือนกว่านักบวชกงหลินเสียอีก!”

ที่ด้านหลังคนทั้งหลายต่างเริ่มนับไม้ให้แก่มู่หยวนชุน

ในที่สุดหลังมู่หยวนชุนผสานไม้ชนิดที่ห้าสิบเอ็ด ไม้ของเขาก็ร่วงลงจากกัน

แต่จำนวนห้าสิบเอ็ดนั้นมันก็เป็นจำนวนที่ทำให้มู่หยวนชุนได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม

เพราะอย่างไรเสียกงหลินที่ว่าเป็นยอดอัจฉริยะไร้เปรียบก็ยังทำได้แต่สี่สิบเจ็ดชนิดในการทดสอบครั้งก่อน

ส่วนมู่หยวนชุนนั้นทำได้มากกว่าถึงสี่ชนิด!

ฉีหยูพยักหน้ารับ เพราะเขานั้นตัดสินใจจะรับมู่หยวนชุนเป็นศิษย์โดยตรงมาแต่แรกแล้ว พลังฝีมือของเขาย่อมต้องอยู่ในระดับนี้

เพราะหากเขาทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ มันก็คงไม่เหมาะสมจะมาเป็นศิษย์โดยตรงของฉีหยูแล้ว

ได้ยินเสียงชื่นชมจากรอบด้านเช่นนั้นมู่หยวนชุนก็เริ่มกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง

และเพราะว่ารอบก่อนมันมีคนตกรอบไปมากมาย คนต่อไปที่จะได้ขึ้นสอบจึงกลายเป็นเย่หยวน

มู่หยวนชุนยิ้ม “มือใหม่เราจะขึ้นสนามแล้ว มาดูกันว่ามันจะผสานไม้ได้กี่ชนิดกัน ทำไมพวกเราไม่ลองมาเดากันหน่อยล่ะ?”

เมื่อคำพูดนั้นลอยออกมาคนทั้งหลายก็รู้สึกพร้อมที่จะร่วมวงด้วยทันที

“ข้าว่าคงไม่เกินสิบชนิด!”

“สิบ? เจ้าตาบอดเรอะ? ไอ้หมอนี่อะนะจะทำได้ถึงสิบ? ข้าว่าอย่างมากก็ห้า!”

“เหอะ! เจ้านี่มันไม่ได้รู้อะไรเลยนะ? ข้าว่ามันไม่ได้สักชนิดแหละ!”

ได้ยินคำพูดของพวกเขาทั้งหลายนั้นมู่หยวนชุนก็แสดงสีหน้าท่าทางถึงพอใจออกมา

แต่เย่หยวนกลับหันมาบอก “พวกเจ้าทุกคนจงเตรียมหน้าไว้ เดี๋ยวข้าจะมาตบเรียงตัวเลย!”

พูดจบเย่หยวนก็เดินขึ้นไป

ต่างจากท่าทางมั่นใจในรอบแรก ครานี้เขานั้นมีท่าทางกังวลและระมัดระวังมาก

เพราะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ใช้ศาสตร์หลอมอสูร

เย่หยวนค่อยๆ ปล่อยปราณเทวะออกมาดึงไม้จากกล่องแรก

ไม้นั้นมันสั่นอย่างไม่หยุด ราวกับว่ามันจะตกลงพื้นได้ทุกเมื่อ

ชัดเจนเลยว่าศาสตร์หลอมอสูรของเย่หยวนนั้นยังหยาบกระด้างอยู่มาก แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขานั้นเป็นมือใหม่จนไม่รู้จะใหม่อย่างไร

เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ นี่เรอะที่จะเอามาตบหน้าเรา? มาสิ ข้ายื่นหน้ารอแล้วเนี่ย มาตบเลย!”

“บ้าบอเสียจริงๆ! เจ้าคิดว่าจะเรียนรู้ศาสตร์หลอมอสูรและลงมือทำได้ในทันทีเลยเรอะ?”

“เจ้าจะดูถูกศาสตร์โอสถของเผ่าอสูรเราเกินไปแล้ว! หากเจ้าแค่มองก็เรียนรู้ได้พวกข้าจะลำบากเป็นพันๆ ปีไปเพื่ออะไรกันเล่า?”

ท่าทางนั้นของเย่หยวนทำให้เกิดเสียงหัวเราะเยาะขึ้นมาทันที

แต่เรื่องนี้ เย่หยวนไม่ได้ยินมันแล้ว

ตอนนี้สมาธิทั้งหมดของเขากำลังทุ่มอยู่กับการควบคุมปราณอสูรเทวะ

การวิเคราะห์และจินตนาการนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่การลงมือทำจริงนั้นมันเป็นอีกเรื่องอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเขาเริ่ม เขาก็รู้สึกได้ถึงความไม่คุ้นมือ

แต่ว่าเย่หยวนนั้นมีศาสตร์หลอมวิญญาณขั้นสูง

ตั้งแต่ที่เขาปลุกวิญญาณมังกรได้ จิตศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของเขาก็แข็งแกร่งกว่าผู้คนธรรมดามากมายหลายเท่า พลังวิญญาณของเขานั้นนับได้ว่าไร้ขีดจำกัด

เพราะฉะนั้นแม้จะขึ้นอาณาจักรพระเจ้ามา เขาก็ไม่คิดที่จะกังวลเรื่องพลังวิญญาณอีก

เพราะตอนนี้เขามีสิ่งรับประกันแล้วว่าตัวเองจะสามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงได้

ศาสตร์หลอมอสูร แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้ลองใช้มัน แต่ด้วยพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับศาสตร์หลอมวิญญาณเขาจึงไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องนี้ไปเสียทีเดียว

และแน่นอนว่าด้วยความพยายามของเย่หยวน ในที่สุดเขาก็ดึงไม้จากกล่องที่สองและนำมาผสานได้

การผสานแรกนั้นมันเป็นอะไรที่ง่ายที่สุด

แต่ยิ่งจำนวนไม้เพิ่มมากขึ้น ความยากของมันก็จะยิ่งเยอะตาม

“หึ อันแรกก็ลำบากขนาดนี้แล้ว ข้าว่าอย่างมากก็สามแหละ” มู่หยวนชุนหัวเราะ

“ดูอย่างไรก็มือใหม่ ทั้งอย่างนั้นยังคิดจะวางท่า โดนสวรรค์ลงทัณฑ์เสียแล้วมั้ง?”

“ด้วยฝีมือแค่นี้กลับบอกว่าจะมาตบหน้าพวกเรา ไม่รู้เลยจริงๆ ว่ามันไปเอาความมั่นใจผิดๆ แบบนี้มาจากไหน”

เมื่อมู่หยวนชุนพูด ทุกคนต่างก็เสริมขึ้นทันที

หลังผสานครั้งแรกสำเร็จ เย่หยวนก็เริ่มเข้าใจความรู้สึก

นั่นทำให้การควบคุมปราณอสูรเทวะของเขาค่อยๆ เสถียรขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้นเขาก็เริ่มทำการผสานไม้ชนิดที่สาม

คราวนี้มันง่ายกว่าครั้งก่อน

จากนั้นก็เป็นชนิดที่สี่ ที่ห้า ที่หก…

เรื่องนี้ทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสี

อะไรกัน?

ตามหลักแล้วยิ่งจำนวนไม้มากมันควรจะยิ่งยากขึ้น!

กับมือใหม่แล้วเรื่องแบบนั้นมันเป็นความยากที่เหนือล้ำ

แต่ทำไมเย่หยวนถึงให้ความรู้สึกว่ายิ่งผสานเขายิ่งเข้าใจและเก่งกาจขึ้น?

เรื่องนี้มันจะเกินสามัญสำนึกไปหน่อยแล้ว!

ในพริบตาเดียวเย่หยวนก็ได้ผสานไม้เข้าด้วยกันหลายชนิด ที่สำคัญความเร็วของเขานั้นมีแต่จะยิ่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้น

ที่ด้านบนผู้อาวุโสทั้งสามเบิกตาออกกว้างด้วยความตื่นเต้น

ทั้งสามหันมองหน้ากันก่อนจะเงยหน้าขึ้นข้าและหัวเราะลั่นออกมา

อัจฉริยะระดับนี้ชีวิตนี้คงไม่ได้พบเจออีกแล้ว

ความสามารถในการวิเคราะห์และเข้าใจนี้มันช่างเหนือล้ำผู้คนมากจนเกินไปนัก

มู่หยวนชุนเองก็หน้าเสียและกล่าวออกมา “บ้าน่า! บ้าไปแล้ว! ดูอย่างไรทีแรกมันก็เป็นแค่มือใหม่ที่ไม่รู้ศาสตร์หลอมอสูรแท้ๆ มันจะมาผสานไม้ได้มากชนิดขนาดนี้ได้อย่างไร? หรือว่าเมื่อกี้มันแกล้งทำ? จริงๆ แล้วมันรู้ศาสตร์หลอมอสูรดี? ไอ้เด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์นัก!”

…………………………