Ch.1 – อดีตดาวรุ่ง

Translator : Asiran / Author

ตอนที่ 1 – อดีตดาวรุ่ง

 

“ยินดีต้อนรับสู่ The Kings of Glory เรียกครีปในอีก 5 วินาที เตรียมตัวต่อสู้!”

เสียงของเกมดังกึกก้องไปทั่วสนามแข่งอันใหญ่โต บรรดาผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นคึกคักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต่างส่งเสียงกรีดร้องเชียร์ทีมที่ตนเองสนับสนุนอย่างสุดความสามารถจนเกิดเสียงดังอื้ออึง ผู้บรรยายลู่โหยวและถวนจื่อที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นก็ถูกบรรยากาศแพร่ระบาดใส่จนอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน นี่คือการแข่งขัน KPL รอบไฟนอลของฟอลซีซั่นของปีนี้ เป็นเกมตัดสินระหว่างทีมจงหนานกับทีมเทียนเจ๋อ ผมผู้บรรยายลู่โหยว”

“ผมผู้บรรยายถวนจื่อ”

“KPL ซีซั่นนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ตอนนี้มาถึงช่วงนาทีสุดท้ายแล้ว แค่ช่วง BP* ผมก็ยังรู้สึกถึงความตึงเครียดและกดดันเหมือนกับได้เห็นการเผชิญหน้าของสุดยอดนักกระบี่สองคนที่กำลังจะปะทะกันเลยนะครับ ไม่รู้ว่าคุณถวนจื่อมีความรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า” ลู่โหยวพูดบรรยายต่อ

“แน่นอนสิครับ BP ของทั้งสองฝ่าย คุณมาผมไป ต่างฝ่ายต่างลงมือ แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”

“แต่จงหนานทำสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าไม่มีใครแปลกใจเลย ก็คือการแบนหลี่ไป๋ของเหอเหลียง”

“แน่นอนสิครับ พวกเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าหลี่ไป๋ที่นักเล่นเกมธรรมดาใช้กับหลี่ไป๋ที่นักเล่นเกมอาชีพใช้เหมือนจะเป็นฮีโร่คนละตัวกันเลย แต่ในซีซั่นนี้เราก็ได้พบกับหลี่ไป๋แบบที่สาม นั่นก็คือ—หลี่ไป๋ของเหอเหลียง” ถวนจื่อเนะนำอย่างจริงจัง

หลี่ไป๋ของเหอเหลียง!

เหออวี้ที่นั่งดูการถ่ายทอดสดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เมื่อได้ยินคำประเมินนี้ก็อดเลือดลมพลุ่งพล่านไม่ได้ เพราะว่าคนที่ใช้หลี่ไป๋ได้เก่งกาจเหนือใคร ๆ คนนั้นเป็นพี่ชายของเขาเอง

“ใช่แล้วครับ หลี่ไป๋ของเหอเหลียง ผมก็ไม่รู้ว่าจะบรรยายมันยังไงดี ได้แต่ใช้ข้อมูลหนึ่งอย่างบอกกับทุก ๆ คนแล้ว เวลาที่ทีมเทียนเจ๋อมีหลี่ไป๋นั้นอัตราการชนะก็คือ—ร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่ก็บอกได้แล้วว่าหลี่ไป๋ของเหอเหลียงนั้นน่ากลัวขนาดไหน” ลู่โหยวไม่ประหยัดถ้อยคำในการโปรโมตดาวรุ่งพุ่งแรงคนนี้เลย นั่นก็เป็นเพราะว่าการแสดงออกของเหอเหลียงนั้นยอดเยี่ยมเกินไปจริง ๆ

“ดังนั้นจะว่าไปแล้วผมคิดว่าเหอเหลียงน่าจะเลิกล้มความคิดที่จะใช้ฮีโร่หลี่ไป๋ตัวนี้ได้แล้วนะครับ เพราะว่าจะไม่มีทีมไหนยอมให้เขาได้ใช้หลี่ไป๋แน่ ๆ” ถวนจื่อพูดยิ้ม ๆ

“ใช่แล้ว ดังนั้นในเกมตัดเชือกวันนี้เราจึงได้เห็นว่าสุดท้ายแล้วเหอเหลียงก็ได้เล่นตั๊กม้อตำแหน่งป่า”

“อืม…ตั๊กม้อ ฮีโร่ตัวนี้เล่นได้หลายตำแหน่งทีเดียว เปิดก็ได้ แล้วในเวลาเดียวกันก็ใช้การเงินไม่เยอะด้วย การเลือกตั๊กม้อลงป่า น่าจะเป็นการลดการเก็บค่าประสบการณ์ไปเล่นตำแหน่งดาเมจมากกว่า” ถวนจื่อวิเคราะห์

“ตอนนี้เกมเริ่มแล้วครับ หลังจากทั้งสองฝ่ายมาเจอกันก็ลองเชิงกันนิดหน่อย ไม่ได้ปะทะอะไรกันมาก นี่เป็นการเริ่มที่ค่อนข้างจะสันติทีเดียว” ลู่โหยวเริ่มอธิบายเกม

“บัพฟ้าของทีมเทียนเจ๋อถูกมอบให้เลนกลางตรง ๆ บัพแดงให้แครี่…โห ผมเพิ่งพูดว่าตั๊กม้อที่ลงป่าต้องสละค่าประสบการณ์ไปบ้าง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะสละกันดุเดือดขนาดนี้!”

ผู้เล่นเลนกลางของเทียนเจ๋อคือโจวจิ้น ได้ชื่อว่าเป็นเลนกลางอันดับหนึ่งของ KPL ในเกมออนไลน์มักจะถูกบอกว่าถ้าเขาทำดาเมจได้ไม่ถึง 50% ก็คือเขาแพ้แล้ว แม้แต่ในสนาม KPL เปอร์เซ็นต์ค่าดาเมจของเขาก็ยังมีค่าเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 40% บางครั้งบางคราวก็ขึ้นไปได้สูงกว่า 50% อีกด้วย น่าทึ่งจริง ๆ

แครี่ของเทียนเจ๋อคือจางสือฉือ เป็นคนที่มีการยืนตำแหน่งที่ละเอียดอ่อนมาก มาร์โคโปโลที่ใช้ก็มักจะถูกคู่แข่งแบนเหมือนกัน แต่ในเกมนี้มาร์โคโปโลของเขาถูกปล่อยเอาไว้ เทียนเจ๋อจึงช่วยเขาคว้าเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก

ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเจตนาของเทียนเจ๋อคือการใช้ฮีโร่ทั้งสองที่กินบัฟฟ้ากับบัฟแดงเป็นแกนหลัก ทั้งคู่ต่างก็เป็นมืออาชีพชั้นท๊อป การจัดการเช่นนี้ก็ไม่ได้น่าแปลกใจ ในสายตาของเหออวี้ ไม่ว่าจะเป็นโจวจิ้นหรือจางสือฉือต่างก็แข็งแกร่งมาก แต่มันมีจุดอ่อนข้อหนึ่ง — พวกเขาสามารถระเบิดพลังโจมตีออกมาได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าคู่แข่งแบบหมดจดทันท่วงทีได้เลย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวดาเมจของพวกเขาเกินไป ดังนั้นพอถึงเวลาที่ต้องฆ่าก็พบว่าตนเองตีขาดไปอีกนิดหน่อย

ตอนนี้แกนหลักทั้งสองคนของเทียนเจ๋อไปปั้นตัว ก็คือหวังว่าทั้งสองคนจะใช้การเงินที่เหนือกว่าแก้ปัญหา “ลาสช็อต” ที่ขาดไปงั้นเหรอ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นให้เหอเหลียงใช้แอสซาซินมาลงป่าจะแก้ปัญหาได้ดีกว่ารึเปล่า

เหออวี้กังขาในใจ แต่การแข่งขันก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ

“ตอนนี้ทั้งสองทีมเริ่มจะเดินเกมไปทางมังกรตัวแรกแล้วครับ แต่ตัวป่าของเทียนเจ๋อคือตั๊กม้อนี่เอาแต่ฟาร์มเงินเลเวลตอนนี้ยังไม่ถึงเวลสี่เลย จะไปตีมังกรตัวนี้ได้เหรอเนี่ย”

“จงหนานเห็นตั๊กม้อเลเวลน้อยกว่าสี่ก็ตรงไปตีมังกรทันทีเลยครับ!”

“ดูเหมือนเทียนเจ๋อก็ไม่ยอมเหมือนกัน! พวกเขามากันแล้วครับ! ตั๊กม้อเข้าหลุมไปแล้ว! ไม่มีใครมาหยุดเขาเหรอ Punish! ทั้งสองฝ่ายน่าจะกดสกิล Punish ไปพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายเป็นตั๊กม้อของเหอเหลียงที่ฆ่ามังกรตัวนี้ไปได้ แต่ว่าดูเหมือนเขาจะหนีไปไม่ได้นะครับ…เชี่ย เฟิร์สบลัด… ตั๊กม้อเสียเฟิร์สบลัดไปแล้วครับ แต่ก็ได้มังกรมา การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็ยังถือว่ายอมรับได้”

“อืม ยังไงซะ ตัวลงป่าของเทียนเจ๋อเกมนี้ก็เป็นกึ่ง ๆ ตัวซัพพอร์ตอะนะครับ…”

เหออวี้ที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์มีสีหน้าเคร่งขรึมลง เพราะว่าจิตใจและสไตล์ของโจวจิ้นกับจางสือฉือที่ว่าปลอดภัยไว้ก่อนทำให้ไม่ได้กดดันอีกฝ่ายมากพอในตอนที่แย่งชิงมังกรกัน ที่ตั๊กม้อพุ่งเข้าหลุมไปแทนที่จะเรียกว่าเป็นการต่อสู้ความจริงแล้วเรียกเป็นการแอบขโมยดีกว่า สุดท้ายก็ได้แต่พึ่งพาเหอเหลียงใช้การจับจังหวะที่แม่นยำที่สุดใช้สกิลฆ่ามังกรตัวนี้มาจนได้ นี่ต้องอาศัยดวงเป็นอย่างมาก ถ้าเขาทำไม่สำเร็จล่ะ แจกมังกรแล้วยังแจกเฟิร์สบลัดไปอีก ทีมเทียนเจ๋อคงจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในอีกไม่ช้า

….

….

“ดี รอบนี้ ตีป้อมแตกแล้วครับ ตั๊กม้อขึ้นหน้าไปแล้ว เปิดท่าอัลติ ดีมาก…เอ๊ะ? แครี่กับซัพพอร์ตไม่ตามมาอะ…ตั๊กม้อตีป้อมไปสองป้อม รอบนี้…อีกฝ่ายส่งกำลังสนับสนุนมาแล้ว…อยากจะมาฆ่าสินะ…โอ้…ตายแล้ว…รอบนี้เทียนเจ๋อเล่นพลาดไปหน่อยนะครับ!”

“ใช่ครับ ถ้าประสานงานวางตำแหน่งกันดี ๆ ถึงตั๊กม้อจะตายก็ยังจะเป็นหนึ่งแลกสองได้ ถือโอกาสนี้ตีป้อมต่อไปจนแตกยังได้เลยนะครับ”

“อืม…ตอนนี้ตั๊กม้อ 0-2-0 นี่เริ่มทนดูไม่ได้แล้วนะครับ”

….

….

“ตั๊กม้อกลับเข้าสนาม เปิดอัลติใส่สามคน! สวยงาม! เอิ่ม…แต่ตัวดาเมจของเทียนเจ๋อทั้งสองคนถูกดันกลับไป…พวกเขาเลือกที่จะเผ่นหนี น่าเสียดายจริง ๆ…”

“ตั๊กม้อ 0-3-0”

….

….

“รอบนี้จงหนานบุกไปเลนกลางแล้วครับ!”

“ตั๊กม้อเข้าไปปั่นป่วนศัตรู! ทางเลือกนี้ของเหอเหลียงค่อนข้างฉลาดทีเดียว”

“เอ๊ะ? สี่คนของเทียนเจ๋อถอยไม่ทันเลยเข้าไปตีงั้นเหรอครับ”

“นี่มัน…ห้าต่อสี่ แป๊บเดียวกลายเป็นหนึ่งต่อสี่แล้ว…”

“จงหนานบุกตีฐานอย่างหนักหน่วง ตั๊กม้อรีบวิ่งกลับไป…”

“มาช้าไปแล้ว…น่าจะช้าไปแล้วล่ะครับ…”

“โอเค! ยินดีด้วยครับทีมจงหนานที่เป็นแชมป์ KPL ของฟอลซีซั่นปีนี้! ยินดีกับพวกเขาด้วย!!”

สนามแข่งถูกแบ่งเป็นสองส่วน ฝ่ายหนึ่งเป็นความยินดีในชัยชนะ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นความเศร้าโศกของความพ่ายแพ้ เหอเหลียงยืนอยู่ในมุมมืดของสนามแข่งอันปราศจากแสงไฟ มองไปที่จอภาพขนาดยักษ์ที่ฉายภาพไฮไลน์ของการแข่งขันนี้ ในหัวใจเต็มไปด้วยความเสียดาย มีหลายช่วงเวลาเหลือเกินที่หากเขาเปลี่ยนแปลงอะไรไปนิดหน่อยก็อาจจะไม่ได้จบลงแบบนี้

“อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปเลย คุณเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง ในฐานะเด็กใหม่การเล่นของคุณถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วล่ะ” ตอนที่กรรมการที่ออกมาจากเกมเดินผ่านเขาก็ตบไหล่เขาแล้วพูดขึ้นมา ผู้เล่นหลักอีกสี่คนของเทียนเจ๋อก็ออกมายืนนอกสนามแข่งตั้งนานแล้ว มองดูกรรมการชื่นชมเหอเหลียงด้วยสายตาที่เย็นชา

“ขอบคุณครับ” เหอเหลียงกล่าวแสดงความขอบคุณ รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว ใช่แล้ว นี่ก็เป็นแค่การเริ่มต้น นี่เป็น KPL ซีซั่นแรกของเรา อนาคตยังอีกยาวไกล ฉันจะต้องได้ยืนอยู่ตรงกลางเวทีแข่งขันแห่งนี้แน่ ๆ เขามองไปที่กึ่งกลางเวทีซึ่งกำลังจะมีการมอบรางวัลอย่างหมายมาด แต่ด้านหลังก็มีเสียงที่หมดความอดทนดังขึ้นมา

“จะไปไม่ไป”

“อืม มาแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเพื่อนร่วมทีมเหอเหลียงก็รีบวิ่งเข้าไปรวมกลุ่ม เมื่อต้องสัมภาษณ์หลังจากจบเกมเขาก็ไม่ก้มศีรษะอย่างหดหู่แต่เต็มไปด้วยความคาดหวัง “ซีซั่นหน้าจะพยายามเป็นสองเท่า”

เมื่อได้เห็นพี่ชายที่เป็นแบบนี้จากหน้าจอเหออวี้ก็หัวเราะออกมา เขาเชื่อว่าวันหนึ่งพี่จะต้องได้ยืนอยู่ตรงกลางเวทีแห่งนั้นและชูถ้วยแชมป์ขึ้นอย่างแน่นอน

ก็แค่ซีซั่นหน้า…

ซีซั่นหน้าหน้า…

ซีซั่นหน้าหน้าหน้า…

ผ่านไปห้าปี สิบซีซั่น

หลังจากวันนั้นทีมเทียนเจ๋อก็ไม่เคยเข้าไปถึงรอบไฟนอลอีกเลย หวือหวาเหรอ เป็นที่คาดหวังเหรอ อัจฉริยะด้านการลงป่าเหรอ ยิ่งขึ้นสูงก็ยิ่งเจ็บหนักเวลาตกลงมา

“ถูกเยินยอความสามารถจนเกินตัว ความสามารถแท้จริงไม่ได้อยู่ในระดับที่จะเป็นผู้เล่นหลักของทีมชั้นนำ”

“ไม่เคยคิดพัฒนาตัวเอง หลังจากเข้าร่วมทีมชั้นนำก็ประมาท”

“เห็นแก่ตัวไปแล้ว เอาแต่ฉายเดี่ยว ไม่ยอมสื่อสารและร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีม”

คำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหอเหลียงจากซีซั่นแรกที่มีแต่คำชมอย่างไม่ออมรั้งค่อย ๆ กลายเป็นคำตำหนิต่าง ๆ นานา สุดท้ายแล้วเมื่อห้าปีผ่านไปก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกแล้ว เพราะไม่มีใครแล้วที่คาดหวังในตัวเหอเหลียง ดาวรุ่งในอดีตเหมือนจะไม่เป็นอะไรมากไปกว่าผู้เล่นธรรมดาสามัญในสนาม KPL แห่งนี้

“ซีซั่นหน้าจะพยายามเป็นสองเท่า”

ประโยคนี้หลังจากปีที่ห้า ซีซั่นที่สิบ เหอเหลียงก็ไม่พูดออกมาแล้ว

ไม่กี่วันต่อมา เหออวี้ก็เห็นข่าวของพี่ชาย : โฆษกทางการของทีมเทียนเจ๋อประกาศว่า—เหอเหลียงวางมือแล้ว ในคอมเม้นต์ใต้ข่าวนี้ไม่ค่อยมีความผิดหวังสักเท่าไหร่ มีแต่แฟนเก่า ๆ บางคนที่บ่นแค้นเหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า

ในอดีตที่ผ่านมาเวลาที่เขาเห็นคนด่าพี่ชาย เหออวี้ก็จะเข้าไปร่วมถกเถียงอย่างใจเย็นได้ แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้น เขารีบวิ่งออกไปจากบ้านพลางส่งข้อความหาพี่ชาย เพิ่งลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นกระเป๋าเล็กใหญ่วางกองอยู่ กับเหอเหลียงซึ่งที่ผ่านมาห้าปีเอาแต่ตั้งใจฝึกซ้อมและแข่งขันจนไม่เคยกลับบ้านเลย

“พี่ครับ…” เหออวี้รู้สึกลำคอตีบตัน

“พี่กลับมาแล้ว” เหอเหลียงพูดยิ้ม ๆ ห้าปีที่แล้วเขายังยิ้มออกมาได้หลังจากประสบความล้มเหลว แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้น เขามั่นใจในอนาคตของตัวเองเป็นอย่างมาก รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง ตอนนี้ห้าปีผ่านไป เขาล้มเหลว เขายิ้ม แต่ในรอยยิ้มนั้นเป็นความสิ้นหวังจะขมขื่นใจที่ไม่อาจปกปิดได้

“ไม่โทษพี่หรอก” เหออวี้กล่าว นี่เป็นคำพูดที่เขาปลอบใจเหอเหลียงตอนที่แพ้รอบไฟนอลแรก หลังจากนั้นทุกซีซั่นที่เหอเหลียงแพ้และตกรอบเขาก็ยังเชื่อแบบนี้และส่งข้อความให้กำลังใจพี่ชายเช่นนี้ทุกครั้ง

“พี่ไม่เก่งพอ ครั้ง…” เหอเหลียงส่ายหน้า คำตอบของเขาก็เป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ หลังจากพูดประโยคครึ่งแรกเขาก็กล้ำกลืนคำพูดครึ่งประโยคหลังลงไปหลังจากพูดได้เพียงคำเดียว

“ปีหน้านายขึ้นม.หกแล้วใช่ไหม ต้องเตรียมเอ็นทรานซ์แล้วใช่ปะ” เหอเหลียงกล่าวเปลี่ยนเรื่อง

“ใช่”

“สู้ ๆ นะ!”

“แล้วพี่ล่ะ”

“พี่เหรอ” เมื่อเหอเหลียงได้ยินคำถามนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง “ปีนั้นพี่ไม่ได้เข้าสอบเอ็นเพื่อเข้าวงการอาชีพ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หยุดการเรียนซะทีเดียว ได้ปริญญาจากการเรียนทางไกลมา ก่อนอื่นก็ต้องหางานก่อนแล้วค่อยคิดดูอีกที่ว่าอยากจะเรียนอะไร”

“ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ ผมหมายความว่า แล้ว The Kings of Glory ล่ะ” เหออวี้ระบุ

“The Kings of Glory…ถ้านายอยากจะลองเล่น พี่ก็ช่วยแบกให้ได้นะ!” เหอเหลียงหัวเราะ

“พี่ก็รู้ว่าผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้…”

“พี่รู้ว่านายอยากจะพูดอะไร เป็นมืออาชีพมาห้าปี นายอยากจะถามพี่ว่าเต็มใจรึเปล่าสินะ พยายามมาตั้งหลายปีขนาดนี้ สิ่งที่ทำได้ก็ทำหมดแล้ว ที่จริงก็ไม่มีอะไรที่จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจอีกแล้วล่ะ การเลือกวางมือก็เป็นเพราะพี่ปล่อยวางได้แล้ว พี่ไม่รู้สึกเสียดายในใจเลย ดังนั้น ก็เป็นแบบนี้แหละ!”

เหอเหลียงวางกระเป๋าลงแล้วยกมือขึ้นตบบ่าบอกกับเหออวี้

“พี่ครับ…”

“พี่ขึ้นไปก่อนนะ พ่อแม่อยู่บ้านเปล่า นายก็อย่ากลับมาดึกนักล่ะ” จากนั้นเหอเหลียงก็หันกลับเข้าทางเดินไป เมื่อเหออวี้มองดูแผ่นหลังของเหอเหลียงก็ยังรู้สึกโศกเศร้าจนพูดไม่ออก เขารู้ว่าพี่ชายพูดแบบนี้ แต่ว่าจะเป็นไปได้อย่างไรที่ในใจจะไม่มีเงามืดอยู่เลย แต่นี่เป็นจุดสิ้นสุดของเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดต่อจริง ๆ

“พี่ครับ เดี๋ยวผมช่วยยกกระเป๋าให้นะ” เหออวี้ตะโกนแล้วรีบตามไป แต่เพิ่งจะไปถึงประตูหน้าคอนโดจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นดังมาจากทางเดิน เหออวี้ยืนอึ้งอยู่กับที่แต่ก็ไม่ได้เข้าไป ได้ยินเพียงเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นการร้องไห้อย่างหนักหน่วง

เต็มใจหรือเปล่างั้นเหรอ

จะเสียใจไหม

เรื่องบ้า ๆ แบบนั้นทำไมฉันต้องถามออกไปด้วยนะ

…………………………………………………………..

*BP ย่อมาจาก ban pick คือก่อนจะเริ่มเกมเขาจะให้แต่ละทีมเลือกว่าจะเล่นฮีโร่ตัวไหน (เลือกได้ 5 ตัว) และห้ามอีกฝ่ายเล่นตัวไหน (ห้ามได้ 4 ตัว) สลับกัน เช่น

ทีม ก เลือกก่อน ก็เลือกว่าจะแบนฮีโร่ตัวไหน สลับกับอีกฝ่าย แบนจบก็จะเลือก (pick) ฮีโร่สลับกัน เริ่มจากทีม ก เหมือนเดิม

 

มาตอนแรกก็ดราม่าเลย จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างจริงจังกว่าเรื่องที่ผ่าน ๆ มาของคุณผีเสื้อมาก ๆ เลยค่ะ เรื่องอื่น ๆ พระเอกเทพทรูทำอะไรก็ชนะตลอด แต่เรื่องนี้เหมือนเป็นคนธรรมดาที่ค่อย ๆ ไต่เต้ากันไปชวนให้สงสารเห็นใจ น่าเชียร์กว่ามากค่ะ

 

ตอนที่ 2 – เด็กหนุ่มผู้แนะนำการเล่น

 

ปล. เรื่องนี้คงมาวันเว้นวันนะคะ เรื่องที่แล้วมาราธอนมากเพราะมีตั้งเก้าร้อยกว่าตอน แต่เรื่องนี้มันมีแค่หกสิบตอนอะ เลยไปชิว ๆ ได้หน่อย

ปล.2 ใครเล่นเกมนี้แล้วรู้สึกว่าศัพท์เกมไหนมันแปลก ๆ ก็บอกมาได้เลยนะคะ