ตอนที่ 692 ยังค้างคาใจ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 692

ยังค้างคาใจ

“เสร็จแล้ว….”หลี่เซียนวางเชือกที่พึ่งแก้มัดออกจากมือของชิวซุยลงบนพื้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จนแล้วจนรอดมันก็ไม่แตะเนื้อต้องตัวชิวซุยเลยแม้แต่นิดเดียวทำเอาชิวซุยอดไม่ได้ที่จะมองตามมันไปด้วยท่าทีสงสัย หากเป็นโจรคนอื่นคงไม่มีท่าทีใสซื่อแบบนี้แน่ๆ อย่างกับว่ามันไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงมาก่อนเลยไม่มีผิด

แถมฟังจากที่มันพูดกับเพื่อนกลุ่มโจรของมันแล้ว เหมือนหลี่เซียนคนนี้จะแยกตัวชิวซุยออกมาเพราะไม่อยากให้คนที่ชื่อซีเฉินทำอะไรชิวซุย แม้แต่ตัวมันก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรชิวซุยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนกำลังพยายามช่วยปกป้องไม่มีผิด

“………”ตอนนี้ชิวซุยที่กำลังสงสัยมองไปทางหลี่เซียนด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น หลี่เซียนเป็นชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ ใบหน้าธรรมดาไม่ได้หล่อเหลาอะไร ตอนแรกนึกว่าจะหน้าตาโฉดชั่วสมเป็นโจรกว่านี้เสียอีก แต่พอมองประกอบกับท่าทีของมันชิวซุยกลับรู้สึกว่าหลี่เซียนผู้นี้มีใบหน้าอ่อนโยนเสียมากกว่าดุร้ายไม่สมกับร่างกายใหญ่โตที่แบกดาบยักษ์เท่าท่อนซุงเลย แต่โจรคนนี้จะไว้ใจได้งั้นหรือ….

.

.

เพราะก่อนหน้านี้ชิวซุยเห็นท่าทีของพวกโจรไม่ค่อยดีนักชิวซุยก็เลยคิดว่าการใช้งานพวกโจรเหล่านี้คงไม่ใช่เรื่องดี ชิวซุยเลยอาศัยช่วงที่หลี่เซียนนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องนอนที่ขังนางไว้แอบหนีออกมาเพื่อสำรวจค่ายโจร ยามนี้นางถอดเสื้อผ้าพ่อค้าเหลือเพียงชุดที่ทำจากใยแมงมุมของตนแล้วทำให้นางสามารถเดินเล่นในหมู่บ้านได้โดยไม่มีใครมองเห็นแม้แต่คนเดียว และสิ่งที่นางคิดก็เริ่มเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ

แม้ภายนอกพวกมันจะอยู่กันเหมือนชาวบ้านปกติทั่วไป แต่ยามได้ยินเวลาพวกมันคุยกันชิวซุยก็ยิ่งได้แต่ถอนหายใจ พวกมันคุยกันเรื่องสิ่งที่เคยทำมา ความสนุกสนานที่ผิดเพี้ยนไปจากคนปกติ แม้แต่เด็กที่ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ก็ยังมีความคิดที่ผิดเพี้ยน และที่แย่ที่สุดก็คือคนพวกนี้กล่าวโทษจักรพรรดิไป๋ในอดีตที่ทำให้พวกมันไม่เหลือที่ทำกินอย่างสมัยก่อน หรือก็คือพวกมันโทษท่านตาของชิวซุยที่กวาดล้างพวกโจรจนแทบไม่เหลือที่อยู่จนต้องมาดักปล้นตามชายแดนแบบนี้นั่นเอง

มาถึงจุดนี้ชิวซุยคิดจะกวาดล้างกลุ่มโจรพวกนี้ให้หมดแล้วกลับไปคิดแผนใหม่เสียเลย แต่เพราะมีเรื่องข้องใจอย่างหนึ่งทำให้นางยังไม่ลงมือทำอะไร แต่กลับเดินกลับมาที่บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ภายในหมู่บ้านของพวกโจร

กว่าชิวซุยจะกลับมาก็เวลามืดค่ำแล้ว ดูเหมือนหลี่เซียนจะไม่ได้บุกเข้าไปภายในห้องของชิวซุยก็เลยไม่มีท่าทีแตกตื่นเพราะนางหายไปเลย แต่หลี่เซียนคนนี้กำลังนั่งเขียนอะไรอยู่บนโต๊ะอยู่ตั้งแต่ชิวซุยลอบเข้ามาแล้ว

“ไม่ได้….”หลี่เซียนพึมพำออกมาขณะกุมขมับกับกระดาษตรงหน้า เพราะเห็นแบบนั้นชิวซุยเลยอดสงสัยไม่ได้เดินเข้าไปดูว่าหลี่เซียนกำลังเขียนอะไรอยู่กันแน่

“……….”สิ่งที่ชิวซุยได้เห็นคือแผนการของกลุ่มโจร ทั้งตารางการดักปล้น รวมถึงการลาดตระเวนในแต่ละวันและรายละเอียดการป้องกันต่างๆของหมู่บ้าน ดูเหมือนว่าหลี่เซียนกำลังวางแผนอะไรสักอย่างด้วยท่าทีตั้งใจอย่างมาก

“อีกสามวันสินะ”หลี่เซียนถอนหายใจออกมาก่อนจะวงกลมไปที่จุดหนึ่งบนแผนที่ที่หลี่เซียนวาดขึ้นเอง แม้ตอนแรกจะไม่เข้าใจว่าหลี่เซียนกำลังวางแผนอะไร แต่พอลองพิจารณาดูแล้วก็พบว่ามันคือเส้นทางหลบหนีนั่นเอง หลี่เซียนผู้นี้กำลังค้นหาเส้นทางออกจากหมู่บ้านที่อยู่บนยอดเขาชันได้อย่างปลอดภัย แต่มันเป็นลูกพี่ของกลุ่มโจรอยู่แล้วไม่ใช่หรือทำไมต้องมานั่งหาทางหลบหนีแบบนี้ด้วย

แน่นอนว่าเรื่องนั้นหาคำตอบได้ไม่ยาก เส้นทางหลบหนีที่หลี่เซียนนั่งหาอยู่นานสองนานนั้นหาได้ยากมากนั่นเพราะหลี่เซียนต้องเผื่อเวลาให้คนธรรมดาสามารถหนีออกไปได้ หรือก็คือมันหาเส้นทางที่จะให้ชิวซุยที่มันเข้าใจว่าไม่มีพลังวิญญาณหนีออกไปจากค่ายโจรนั่นเอง

“……….”แปลกเกินไปแล้ว ทำไมโจรอย่างหลี่เซียนต้องมานั่งหาทางหนีให้ตนเองด้วย ไม่ว่าจะอย่างไรสำหรับชิวซุยแล้วหลี่เซียนผู้นี้ก็ต่างออกไปจากคนอื่นในหมู่บ้านแห่งนี้ มันไม่เหมือนคนที่สามารถทำเรื่องเลวร้ายได้โดยไม่คิดอะไรแบบพวกโจรคนอื่นๆ แถมยังหาทางช่วยหญิงสาวที่ไม่รู้จักกันอีกต่างหาก

วูบ….

ระหว่างกำลังทบทวนแผนอยู่นั้น อยู่ๆสายลมหอบหนึ่งก็พัดเข้ามาในบ้านของหลี่เซียนพร้อมไอเย็นวูบหนึ่งที่ทำให้หลี่เซียนรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว และสายลมเย็นๆเมื่อครู่ก็ทำให้หลี่เซียนนึกได้ว่าบนยอดเขาแห่งนี้อากาศเย็นกว่าปกติ แม้ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณจะสัมผัสไม่ได้ แต่เป็นคนธรรมดาอาจจะทนไม่ไหวก็ได้

“!!……”ชิวซุยที่กำลังเหม่อมองแผ่นการของหลี่เซียนเห็นมันกำลังเดินไปที่ห้องนอนที่ตนสมควรอยู่ข้างในก็สะดุ้งโหยงรีบพุ่งตัวออกไปข้างนอกแล้วกลับเข้ามาในห้องนอนทางหน้าต่างพร้อมล็อกกลอนแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว

กึก…

หลี่เซียนเปิดประตูห้องนอนออกอย่างระมัดระวังก่อนจะมองเข้ามาในห้อง ตอนนี้ชิวซุยกำลังแกล้งหลับอยู่บนเตียงทำให้หลี่เซียนถอนหายใจออกมาน้อยๆก่อนจะนำผ้าห่มเข้ามาวางเอาไว้ข้างๆตัวชิวซุยเพิ่มอีกผืนเพราะมันกลัวว่าผ้าห่มที่มีติดห้องนอนแค่ผืนเดียวจะไม่พอ

“เจ้าไม่น่าใช้เส้นทางนั้นเลย”หลี่เซียนว่าพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีสงสาร สำหรับมันแล้วนางดูเป็นเด็กสาวบอบบางไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้เสียด้วยซ้ำ แม้จะพูดอะไรมากไม่ได้เพราะตัวเองก็อยู่ในกลุ่มโจรที่ดักปล้นชิวซุย แต่มันก็ช่วยเหลือนางเท่าที่ทำได้

“ท่านเป็นห่วงข้าหรือเจ้าคะ”ระหว่างหลี่เซียนกำลังมองชิวซุยด้วยท่าทีกังวล อยู่ๆชิวซุยก็ลืมตาขึ้นมองก่อนจะเอ่ยปากถามหลี่เซียนขึ้นมาเสียดื้อๆ

ตึง…!!

เพราะคิดว่าชิวซุยหลับไปแล้วหลี่เซียนที่โดนนางทักเข้าถึงกับตกใจถอยหลังไปพิงกำแพงจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั้งบ้านทันทีทำเอาชิวซุยที่มองอยู่อดยิ้มออกมาไม่ได้ นางแค่เอ่ยปากถามนิดหน่อยเองทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย

“ท่านเอาผ้าห่มมาให้ข้านี่เอง ท่านเป็นคนใจดีมากเลยนะเจ้าคะ”ชิวซุยมองไปที่ผ้าห่มที่หลี่เซียนพึ่งเอามาให้ นางหยิบมันมาถือเอาไว้ในมือพลางยิ้มหวานให้กับหลี่เซียนที่กำลังพิงกำแพงด้วยท่าทีลนๆ พอเห็นนางยิ้มให้แบบนั้นหลี่เซียนก็หน้าแดงรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นทันที

“ถะ ถ้าเจ้าหนาวตายไปก่อนพวกข้าก็เอาเจ้าไปขายไม่ได้นะสิ”หลี่เซียนว่าพลางขยับตัวเองออกมาจากกำแพงเล็กน้อย

“ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณเจ้าค่ะ”ชิวซุยว่าพลางมองหลี่เซียนด้วยท่าทีสนใจ ท่าทีของมันเหมือนไม่เคยคุยกับผู้หญิงเลย แค่มองตานางมันยังไม่กล้าเลย

“คิกๆ….”ชิวซุยหัวเราะออกมาเพราะท่าทีของหลี่เซียน มันตัวโตอย่างกับหมีแต่กลับทำอะไรไม่ถูกเพราะแค่พูดคุยกับผู้หญิงเนี่ยนะ

“อีกสามวันข้าจะเอาเจ้าไปขายให้พ่อค้าทาสของอาณาจักรข้างๆ เตรียมใจเอาไว้ด้วยล่ะ”หลี่เซียนว่าพลางเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีทำอะไรไม่ถูก แต่พอเห็นแบบนั้นแล้วชิวซุยก็แอบอมยิ้มออกมาด้วยท่าทีเอ็นดู แม้ชิวซุยจะไม่ค่อยได้พบเจอพวกโจรนัก แต่ทั้งโจรที่ยึดครองหมู่บ้านที่อาณาจักรซาน หรือโจรที่หมู่บ้านนี้ก็ตาม ในกลุ่มคนพวกนั้นไม่มีใครเลยที่เหมือนกับหลี่เซียนผู้นี้ มันไม่เหมือนโจรเลยแม้แต่น้อยทำเอาชิวซุยอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าคนอย่างหลี่เซียนมาลงเอยที่หมู่บ้านโจรแบบนี้ได้อย่างไร

หลังจากออกไปจากห้อง หลี่เซียนก็ไปนั่งทบทวนแผนที่โต๊ะตัวเดิมเหมือนตอนที่ชิวซุยพึ่งกลับมา มันครุ่นคิดอยู่นานเพื่อไม่ให้แผนผิดพลาด ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนแผนที่จะเอาตัวชิวซุยไปขายให้พ่อค้าทาสเลยสักนิด

เวลาเลยผ่านไปจนถึงกลางดึก ดูเหมือนว่าหลี่เซียนจะทบทวนแผนจนเสร็จเรียบร้อยแล้วมันเลยพักสมองด้วยการฟุบตัวลงกับโต๊ะและหลับไปทั้งๆแบบนั้น ภาพเช่นนั้นทำเอาชิวซุยที่ใช้เนตรแมงมุมมองจากภายในห้องนอนอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ มีโจรที่ไหนกันที่พยายามช่วยเหยื่อที่จับมาหนีอย่างจริงจังเช่นนี้ แถมยังขังนางเอาไว้ในห้องนอนของตนทำให้ตัวเองต้องนอนกับโต๊ะแบบนั้น

“ทำไมท่านถึงได้มาเป็นโจรกัน”ชิวซุยพูดด้วยท่าทีสงสัย แผนการของนางล่มไปแล้วเพราะนางไม่อยากให้พวกโจรข้างนอกมาแตะต้องเซี่ยจินเย่กับอาทู้ แต่เพราะความสงสัยที่มีต่อหลี่เซียนทำให้นางยังอยู่ที่นี่และยังไม่ทำลายหมู่บ้านโจรแห่งนี้เสียให้หมด

.

.

“…………” หลี่เซียนที่เผลอหลับไปเมื่อคืนเพราะทบทวนแผนพาชิวซุยหลบหนีตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีงุนงง บ้านของมันยามนี้ทั้งหน้าต่างทั้งประตูเปิดกว้างอย่างที่มันไม่เคยทำมาก่อน สำหรับมันแล้วบ้านที่ได้รับมาหลังนี้ก็เป็นเพียงที่พักผ่อนมันไม่เคยได้สนใจอะไรอยู่แล้ว แค่เข้ามานอนแล้วก็ออกไปทำงานเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าพอเปิดหน้าต่างและประตูทุกบานแล้วภายในบ้านจะสว่างขนาดนี้ แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจของหลี่เซียนนั้นก็คือกลิ่นบางอย่างที่ลอยมาเตะจมูกตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถือจานอาหารมาวางบนโต๊ะตรงหน้าหลี่เซียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทำเอาหลี่เซียนที่ยังเมาขี้ตาอยู่ตื่นเต็มตาในทันที

“นี่เจ้าออกมาได้ยังไง”หลี่เซียนว่าพลางลุกขึ้นพรวดจนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ล้มลงพื้น

“เมื่อคืนท่านคงลืมล็อกประตูเจ้าค่ะ ข้าก็เลยออกมาได้”ชิวซุยหัวเราะพลางเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อนำอาหารที่เตรียมเอาไว้ออกมาวางไว้บนโต๊ะ

“นี่เจ้า..ทำอะไรกัน”หลี่เซียนมองภาพตรงหน้างงๆด้วยท่าทีไม่เข้าใจ

“ข้าเห็นว่าบ้านท่านรกก็เลยช่วยทำความสะอาดให้ ข้าเปิดหน้าต่างกับประตูเพื่อให้อากาศถ่ายเท แล้วก็ทำอาหารเช้า”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีสบายๆราวกับกำลังอยู่ในบ้านของตนเองไม่มีผิด ท่าทีกังวลของคนที่ถูกจับตัวมาไม่มีแม้แต่น้อย ยามนี้ชิวซุยข้องใจเรื่องของหลี่เซียนที่สุด นางเลยตัดสินใจจะตีสนิทหลี่เซียนเพื่อจะถามความเป็นมาของมันก่อนจะทำลายหมู่บ้านแห่งนี้เสีย