‘แดงทั่วธาร’ ของโลกนี้! โดย Ink Stone_Fantasy

ตอนกลางคืน

ใกล้ได้เวลาแถลงข่าวแล้ว คลื่นลมก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สื่อของญี่ปุ่นและเกาหลีกับประชาชนของพวกเขาต่างกำลังด่าจางเย่อยู่ ต่อมาถึงขึ้นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีและญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่เริ่มออกมาส่งเสียงด้วย ต่างประเมินค่าจางเย่ไว้ต่ำสุด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอย่างต่อเนื่อง

สุดท้ายก็ทำให้ชาวเน็ตจีนที่ดูอยู่โกรธจนทยอยลุกขึ้นมาสนับสนุนจางเย่

“ทำอะไรน่ะ!”

“ดูไม่ออกหรือไงว่าข่าวปลอม?”

“เจ้าหน้าที่รัฐของเกาหลีกับญี่ปุ่นมาก่อปัญหาเพิ่มทำไมอีก?”

“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของทางฝั่งนั้นที่สร้างเรื่องก็ได้!”

“ใช่ เป็นไปได้!”

“เรื่องนี้ฉันยืนอยู่ฝั่งจางเย่!”

“ฉันด้วย คนพวกนั้นไม่มีเหตุผลเลย!”

“จะมาด่าจางเย่ได้ยังไง?”

“จางเย่หาเงินบริจาคมาให้พวกคุณ แล้วยังถ่ายทำโฆษณาการกุศลให้อีก นี่เป็นเรื่องดีที่ทั้งเอเชียได้ประโยชน์ ลงแรงไปกับพวกคุณไม่น้อย พวกคุณกลับตอบแทนเขาแบบนี้ แค่พริบตาเดียวก็ไม่รู้จักกันเสียแล้ว? แทงข้างหลังกันแล้ว? พวกคุณยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างไหมหา? หมาแม่งกินไปหมดแล้วหรือไง?”

“ดูแล้วโกรธจริงๆ!”

“แถมดาราเกาหลีพวกนั้นยังช่วยโหมไฟเข้าไปอีก!”

“พวกสื่อเกาหลีญี่ปุ่นเองก็ด้วย เห็นได้ชัดว่าพุ่งไปที่จางเย่!”

“สนับสนุนจางเย่!”

“วุ่นวายแบบนี้ต่อไปจางเย่จะไม่ถูกฝั่งญี่ปุ่นเกาหลีแบนเอาเหรอ?”

“เชี่ย พวกเขากล้าเหรอ!”

“ดูว่าจางเย่จะพูดยังไงเถอะ!”

ชาวเน็ตล้วนติดตาม

ในวงการก็จดจ้อง

คนในวงการบันเทิงเองก็กำลังดูอยู่

การถกเถียงเล็กน้อยกับทางฝั่งเกาหลีและญี่ปุ่นในสมัยก่อนไม่เห็นจะเคยมีใครหยิบมาพูดเป็นประเด็นใหญ่โตมาก่อน ข่าวในปีนั้นก็มีลง แต่ความยาวของข่าวไม่มาก ผลกระทบเองก็นิดเดียว แต่นั่นเป็นเพราะตอนนั้นจางเย่ยังไม่มีชื่อเสียงอะไร เป็นแค่ศิลปินธรรมดาๆ คนหนึ่งในประเทศจีน ทว่าตอนนี้กลับไม่เหมือนกันแล้ว ช่วงนี้จางเย่ก้าวหน้าเกินไป โผล่มาที่เวทีระดับเอเชียหลายต่อหลายครั้ง เส้นกราฟการปรากฏตัวพุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง ความนิยมในเอเชียเองนับวันก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวมากมายในสมัยก่อนจึงถูกคนขุดกลับมาใหม่อีกครั้ง เพื่อใช้ตอบโต้และเป็นอาวุธที่จะดึงจางเย่ลงจากตำแหน่ง

คนมาเจตนาไม่ดี

คนเจตนาดีไม่มา

ในตอนนั้นเอง การถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวก็เริ่มขึ้น!

……

ที่ญี่ปุ่น

“เชี่ย!”

“มาแล้ว!”

“จางเย่ออกมาแล้ว!”

“ด่าเขาเลย!”

“ให้เขาขอโทษ!”

“ใช่ ต้องขอโทษพวกเรา!”

……

ที่ประเทศเกาหลี

“เขายังมีหน้ามาถ่ายทอดสดอีก?”

“จางเย่! นายต้องขอโทษพี่อันซู!”

“ยังมีปาร์คแจซังด้วย!”

“นายต้องชดใช้ให้พวกอปป้าด้วย!”

“ใช่ ขอโทษเลยนะ!”

“ขอเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวทูตสันถวไมตรีขององค์กรการกุศล!”

“ใช่! เปลี่ยนทูตสันถวไมตรีองค์กรการกุศล!”

“ให้อันธพาลประเภทนี้ไสหัวออกไปจากวงการบันเทิงของเอเชีย!”

……

สถานที่จัดงาน

ระหว่างการถ่ายทอดสด

นักข่าวและสื่อจากแต่ละประเทศในเอเชียมาถึงแล้ว ที่หน้างานชุลมุนมาก

ขณะนี้เอง จางเย่ก็เดินเข้ามา

ที่ด้านข้าง ตัวแทนจากกาชาดแห่งเอเชียเอ่ยเสียงต่ำว่า “อาจารย์จางครับ วันนี้สื่อของญี่ปุ่นกับเกาหลีจะต้องพุ่งปลายหอกมาที่คุณแน่ คุณพยายามตอบคำถามให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพวกเขามากเกินไป เรื่องข่าวผมเองก็ได้ยินมาแล้ว ส่วนมากเป็นข่าวปลอม จุดนี้ทุกคนล้วนเข้าใจ คุณวางใจเถอะ พวกเรายืนอยู่ข้างคุณ ข่าวลือยังไงก็เป็นแค่ข่าวลือ มันจะทำลายตัวมันเองแน่ๆ พวกเราทำการกุศล จะมากลัวสิ่เหล่านี้ไม่ได้”

จางเย่ยิ้ม “ครับ”

ตัวแทนเอ่ยว่า “อีกเดี๋ยวพวกเราพยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนักข่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือลดเวลาการตอบคำถามลง รอจนคุณเขียน ‘แดงทั่วธาร’ เสร็จพวกเราก็หมดธุระแล้ว”

จางเย่ตอบ “ครับ ไม่มีปัญหา”

แชะ แชะ เสียงกล้องถ่ายรูปดังระรัวไม่หยุด!

สายตาของเหล่านักข่าวเอเชียล้วนจับจ้องมายู่ที่เขา!

จางเย่เดินขึ้นไปบนเวที ยิ้มให้ทุกคนเล็กน้อย แล้วก็นั่งลง

ที่ด้านข้างมีคนขององค์กรทยอยเดินขึ้นมานั่งลงข้างจางเย่

สตาฟของกาชาดเอเชียจำนวนไม่น้อยและเหล่าอาสาสมัครที่อยู่รอบๆ ล้วนพากันกังวล

มีบางคนล้อมวงพูดคุยกันเสียงเบา

“ทำยังไงดี?”

“จริงๆ ก็รังแกกันเกินไปแล้ว!”

“อาจารย์จางเป็นคนดีมากนะ”

“ใช่ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าคนทำการกุศลแบบนี้เองก็จะถูกคนเกลียดด้วย!”

“คนเขาบริจาคร้อยล้านดอลลาร์แล้ว ออกเงินออกแรงออกอุปกรณ์ของตัวเองช่วยพวกเราถ่ายโฆษณาการกุศลก็แล้ว ขอถามหน่อย มีสักกี่คนบ้างที่ทำได้ถึงขั้นนี้?”

“ยิ่งไปกว่านั้นคนของอาจารย์จางก็เยี่ยมมาก นิสัยดีสุดๆ”

“ฉันก็ไม่เคยเห็นเขาฉุนเฉียวมาก่อนเลย”

“อาจารย์จางเย่ทำงานการกุศลด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ”

“พวกคุณดูสิ ขนาดตอนนี้อาจารย์จางยังยิ้มอยู่เลย มีความอดทนมากเลย”

“ใช่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ยังไม่โกรธ เขาจิตใจดีมากจริงๆ”

อาสาสมัครหนุ่มสาวของกาชาดเอเชียได้รู้จักกับจางเย่ไม่กี่วันก็รู้สึกเคารพนับถือเขา ต่างสนับสนุนเขาเป็นเสียงเดียวกัน ดังนั้นสายตาที่มองพวกนักข่าวเกาหลีญี่ปุ่นเหล่านั้นจึงไม่ค่อยดีนัก ใครบอกว่าอาสาสมัครที่ทำงานการกุศลจะโกรธไม่เป็นกัน?

ในที่สุดงานก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

ตัวแทนจากองค์กรการกุศลหยิบไมโครโฟนบนโต๊ะ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้คืองานแถลงข่าวเปิดตัวทูตสันถวไมตรีขององค์กรการกุศลแห่งเอเชีย พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เชิญอาจารย์จางเย่มารับหน้าที่เป็นตัวแทนของพวกเรา และรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้แบ่งปันข่าวดีนี้แก่สื่อในเอเชีย อาจารย์จางเย่เองก็คงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับพวกคุณแล้ว ก่อนหน้านี้ อาจารย์จางเองก็เป็นคนทำงานแนวหน้าในงานการกุศลมาตลอด อย่างเช่น โฆษณาการประหยัดไฟฟ้าที่ออกอากาศในประเทศจีนเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทั้งโฆษณาเลิกบุหรี่ ไม่รู้ว่าทุกคนจะยังจำกันได้ไหม?”

อีกฝ่ายพูดอยู่นาน

ในที่สุดก็วนมาถึงคราวจางเย่พูดแล้ว

จางเย่ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยว่า “ขอบคุณทุกคนมากนะครับ แล้วก็ขอบคุณองค์กรการกุศลแห่งเอเชียด้วยที่เชื่อมั่นในตัวผม ให้รับหน้าที่นี้ พูดตามตรงผมเองก็มีความกดดันอยู่ แต่ก็รู้สึกมีแรงขับเคลื่อนด้วย ผมจะทำสุดความสามารถ ทำให้เต็มที่ ช่วยเหลือคนที่ผมสามารถช่วยได้”

อาสาสมัครจำนวนไม่น้อยมองมาที่เขาด้วยความเคารพ

พอจางเย่พูดจบพวกเขาก็ปรบมือให้แบบเอาเป็นเอาตาย!

คนจากสื่อประเทศจีนเองก็ค่อยๆ ปรบมือดังขึ้น!

มีเพียงสื่อจากเกาหลีและญี่ปุ่นเท่านั้นที่ไม่ได้กระตือรือร้นอะไร ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ

ตัวแทนลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ลำดับต่อไปเป็นช่วงเวลาถามคำถามของนักข่าว” เขามองนาฬิกาแล้วเอ่ยต่อ “เนื่องจากเวลาถ่ายทอดสดมีจำกัด ดังนั้นให้เพียงแค่สามคำถาม”

ยังไม่ทันเรียกคน นักข่าวญี่ปุ่นคนหนึ่งก็พลันลุกขึ้นยืน นักข่าวเกาหลีมองแวบหนึ่งแล้วก็ทยอยถามคำถามเช่นกัน ไม่ได้สนใจกฎเกณฑ์อะไรแล้ว

“ขอถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จางเย่จะขอโทษเรื่องที่เคยใช้ความรุนแรงในอดีต?”

“อาจารย์จางเย่ ทำไมคุณถึงลงมือโจมตีลีอันซู?”

“เรื่องที่คุณโจมตีปาร์คแจซัง คุณมีคำอธิบายอะไรไหม?”

“ฉันอยากถามคนของกาชาดว่าพวกคุณมีมาตรฐานอะไรในการคัดเลือกทูตสันถวไมตรี?”

“จางเย่ ขอให้คุณกล่าวคำขอโทษด้วย!”

“ตอนนี้เป็นการถ่ายทอดสดของเอเชีย คนทั้งเอเชียกำลังจับตาดูคุณอยู่ คุณรับหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรีของเอเชียแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี ควรมีมารยาทสักหน่อย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด คุณควรขอโทษอย่างเป็นทางการที่คุณเคยทำร้ายประชาชนชาวญี่ปุ่นและเกาหลี แบบนี้ถึงจะได้รับความเคารพและการให้อภัยจากทุกคน!”

นักข่าวเกาหลีและญี่ปุ่นล้วนลุกขึ้นต่อต้าน ภาพฉากนั้นประหนึ่งตกลงกันมาก่อนแล้วอย่างไรอย่างนั้น!

งานแถลงข่าวเหมือนจะกลายเป็นงานประณามไปเสียแล้ว!

……

ที่ญี่ปุ่น

“ใช่!”

“ขอโทษ!”

“ขอโทษ!”

……

ที่เกาหลี

“รีบขอโทษอย่างเป็นทางการเดี๋ยวนี้!”

“ขอโทษในงานถ่ายทอดสดเลย!”

“เร็วสิ!”

……

ที่จีน

“ขอโทษน้องสาวแกสิ!”

“เชี่ย!”

“ได้คืบจะเอาศอกเหรอ?”

“ทำไมจางเย่ไม่พูดอะไรเลยล่ะ!”

“เจ้าหมอนี่ยังมัวแต่วางท่าอยู่อีกเหรอ?”

“เฮ้อ อาจารย์จางทำงานการกุศลจนโง่งมไปแล้ว!”

……

ในงานแถลงข่าว

สถานการณ์ถูกควบคุมไว้อย่างรวดเร็ว

สื่อเกาหลีกับญี่ปุ่นชุลมุนวุ่นวาย อาสาสมัครและสตาฟจึงเข้าไปห้ามแต่ผลลัพธ์เองก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่

ตัวแทนตัดสินใจจบช่วงถามคำถามของนักข่าวอย่างรวดเร็ว “ลำดับต่อไปจะขอเชิญอาจารย์จางมาเขียนพู่กันให้พวกเราอีกครั้ง ผลงานการเขียนพู่กันนี้จะนำมาประมูลในงานประมูลภายในหนึ่งเดือน เงินที่ได้รับมาทั้งหมดจะนำมาใช้ในการทำการกุศลของเอเชีย พวกเราขอขอบคุณในความใจกว้างของอาจารย์จางเป็นอย่างมาก”

เสียงปรบมือดังขึ้นเปาะแปะ

ส่วนใหญ่เป็นเสียงปรบมือจากอาสาสมัคร

พู่กัน หมึก กระดาษ แท่นฝนหมึกถูกยกขึ้นมาแล้ว ทั้งหมดถูกเตรียมไว้เรียบร้อยก่อนหน้านี้

ตัวแทนรีบเอ่ยว่า “อาจารย์จาง เชิญ”

จางเย่พยักหน้า “ครับ”

คนส่วนมากรู้ว่าผลงานเขียนพู่กันที่จางเย่จะแสดงในวันนี้คือ ‘แดงทั่วธาร-ไร้ขอบเขต’ นี่เป็นกลอนที่มีชื่อเสียงอย่างมากในยุคใกล้[1] เนื้อหาแสดงถึงความรักอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต เข้ากับสถานการณ์มาก นำผลงานนี้มาแสดงเป็นอย่างสุดท้ายก็นับว่าเป็นการปิดฉากที่สวยงาม การกุศลไม่แบ่งแยกชนชาติแล้วก็มีเป้าหมายให้ทุกคนเปิดใจ ตัวแทนกาชาดเองก็หวังว่างานเขียนพู่กันของจางเย่จะสามารถทำให้เสียงด่าทอจากทางฝั่งเกาหลีและญี่ปุ่นสงบลงได้บ้าง

เหล่าอาสาสมัครเองก็เข้าใจ

คนอื่นๆ เองก็เข้าใจจุดประสงค์นี้

ทว่ากลับมีนักข่าวเกาหลีและญี่ปุ่นอีกสองสามคนโวยวายขึ้นมา

“ขอโทษ!”

“ขอโทษ!”

“ขอโทษเดี๋ยวนี้เลย!”

จางเย่จับพู่กันขึ้นมาแล้ว เขามองนักข่าวเกาหลีและญี่ปุ่นเหล่านั้นด้วยใบหน้าสงบนิ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ปลายพู่กันจรดลงไป!

‘แดงทั่วธาร’

เหล่าอาสาสมัคร

“อักษรที่ดี!”

“ว้าว!”

“งดงามมาก!”

สื่อจีน

“อักษรสิงซู!”

“อักษรตวัดกึ่งบรรจงสิงซูอีกแล้ว!”

“จริงๆ แล้วแดงทั่วธาร – ไร้ขอบเขตก็ไม่เลวเลย!”

“ฉันเองก็ชอบกลอนบทนี้”

ทว่าตอนที่จางเย่จรดปลายพู่กันลงไปอีกรอบ คนจำนวนมากก็พากันงุนงง

“เล็กๆ?”

“อักษรสองตัวแรกเป็นตัวนี้เหรอ?”

“ไม่ใช่นี่?”

“ใช่ ฉันจำได้ว่าไม่ใช่”

“เอ๋ เขาเขียนผิดเหรอ?”

“เฮ้อ อาจารย์จางที่ยอดเยี่ยมในด้านวรรณกรรมไม่น่าผิดพลาดร้ายแรงในจุดเล็กๆ แบบนี้นะ?”

“แต่เขาเขียนผิดจริงๆ นี่นา!”

“แย่แล้ว กำลังออกอากาศอยู่ด้วย!”

ตัวแทนงุนงง!

เหล่าอาสาสมัครงุนงง!

นักข่าวเกาหลีญี่ปุ่นพากันหัวเราะ ท่าทางเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก!

เขียนผิดเหรอ?

สมน้ำหน้า!

สมน้ำหน้าแกแล้ว!

ฮ่าๆๆๆๆๆ!

ทว่าปลายพู่กันของจางเย่ยังพลิ้วไหวต่อไป ตอนที่แสดงพลังผ่านการเขียนอักษรแต่ละตัว เสียงหัวเราะของสื่อเกาหลีญี่ปุ่นก็หยุดลงทันที สื่อจีนปากอ้าตาค้าง เหล่าอาสาสมัครของกาชาดตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ประชาชนชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลีและประเทศอื่นๆ ที่กำลังดูอยู่หน้าจอโทรทัศน์เองก็ประหลาดใจจนผุดลุกขึ้น!

ทุกตัวอักษรล้วนทำให้ตกตะลึง!

ทุกตัวอักษรล้วนดุดัน!

“โลกใบเล็กจ้อย แมลงวันน้อยๆ พุ่งชนกำแพง”

“ร้องหึ่งๆ บ้างโศกเศร้า บ้างสะอื้นไห้”

“คนตัวเล็กจ้อยลำพองอวดโอ่ประเทศ คนยกตนสูงหรือจะพูดถึงความเปลี่ยนแปลง”

“ลมตะวันตกพัดใบไม้โปรยลงฉางอัน ลูกธนูนกหวีดลอยละล่อง”

“เรื่องมากมายเร่งเรื่อย ฟ้าดินหมุนเปลี่ยน เวลาผันแปร”

“หมื่นปีนานเกินไปไฉน เร่งคว้าไว้ทุกโมงยาม”

“สี่สมุทรป่วนเมฆน้ำกราดเกรี้ยว สั่นสะเทือนห้าแดนดิน”

“กวาดล้างคนชั่วให้สิ้น จึ่งไร้เทียมทาน”

จบแล้ว!

ปิดท้าย!

ทำสำเร็จลุล่วง!

ในปีนี้

ในวันนี้

ในนาทีนี้

‘แดงทั่วธาร – กับสหายกัวโม่รั่ว!’[2] ปรากฏบนเวทีอย่างสั่นสะเทือน!

—————————

[1] ยุคใกล้เป็นยุคตั้งแต่ 1849 – 1949 หลังสงครามฝิ่น เป็นยุคที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เริ่มเสื่อมอำนาจ

[2] นักประพันธ์ชาวจีน