Ch.3 – ทีมคลื่น7
Translator : Asiran / Author
ตอนที่****3 – ทีมคลื่น7
มหาวิทยาลัยตงเจียงให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวมาก ภายในรั้วมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้มากมายที่คนเรียกชื่อยังไม่ถูก ทุกที่ถูกปกคลุมไปด้วยแมกไม้สีเขียว ที่เดียวที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นท้องฟ้าได้ก็คงจะมีแต่ที่สนามกีฬากว้าง ๆ เท่านั้น
เหออวี้ไปที่ร้านค้าสำหรับนักศึกษาทางด้านทิศตะวันตกของสนามกีฬา ซื้อน้ำอัดลมมาขวดหนึ่งแล้วนั่งดื่มช้า ๆ บนม้านั่งตรงหน้าประตู นี่เป็นเพียงวันเข้ารายงานตัวของปีการศึกษาใหม่แต่ก็มีนักเรียนที่เข้าไปเล่นฟุตบอลในสนามกีฬาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ทางเดินที่อยู่ระหว่างสนามกีฬากับร้านค้าสำหรับนักศึกษากลับคึกคักกว่ากันมาก
สองฟากของทางเดินเต็มไปด้วยโต๊ะที่ตั้งเรียงราย ชมรมของนักศึกษาต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยตงเจียงไม่อาจอดทนรอที่จะมาตามล่าสมาชิกใหม่ได้เมื่อมีนักศึกษาใหม่เข้าสู่สถาบัน บ้างก็มีป้ายแบนเนอร์สีสันสดใสแขวนอยู่บนต้นไม้ด้านหลังโต๊ะ บ้างก็มีป้ายประกาศที่เด่นสะดุดตา บ้างก็ใช้โทรโข่งร้องแนะนำชมรมของตัวเอง แล้วก็ยังมีบางชมรมที่ส่งคนไปแจกแผ่นพับกับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตรง ๆ อีกด้วย
โจวม่อนั่งอยู่คนเดียวหลังโต๊ะตัวหนึ่งมองดูชมรมที่ยุ่งวุ่นวายพวกนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา เขาที่อยู่ตรงนี้ไม่มีป้ายประกาศที่เด่นสะดุดตา สมาชิกที่นั่งอยู่ก็มีเพียงเขาตัวคนเดียว นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็ถูกชมรมขนาดใหญ่ที่มีอำนาจพวกนั้นดึงดูดความสนใจไป มีคนน้อยมาก ๆ ที่สังเกตเห็นโต๊ะของเขา เขาไม่อยากที่จะพลาดโอกาสใด ๆ ไป เมื่อใดที่มีสายตาของใครลอยมาทางเขา เขาก็จะรีบยิ้มแย้มอย่างคาดหวังทันทีแล้วลุกขึ้นทักทายอย่างอบอุ่นว่า “ไงเพื่อน สนใจฟังเรื่องของทีมคลื่น7 หน่อยไหม”
“อะไรนะ” นักศึกษาคนนั้นเพียงแค่กวาดสายตาผ่านโจวม่อก็ถูกเรียกเอาไว้แล้ว เขาที่ได้แต่มองอย่างอึ้ง ๆ ไม่ทันได้ฟังด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่โจวม่อพูดอะไรกับเขา
“ทีมคลื่น7 เล่น The Kings of Glory น่ะ นายเล่นเปล่า” โจวม่ออธิบายอย่างอดทน
“The Kings of Glory เหรอ The Kings of Glory ไม่ได้อยู่ตรงโน้นหรอกเหรอ” นักศึกษาคนนั้นมองไปด้านขวาอย่างสงสัย แต่ก็พบว่าไม่ได้ดูผิดไป ทางซ้ายและขวาของโต๊ะนั้นมีแสตนดี้ของฮีโร่จากในเกมสองตัวอย่างเซี่ยงอวี่กับอวีจีคอยประกบคุ้มครองอยู่ ชมรมของ The Kings of Glory อยู่ตรงนั้นอย่างแน่นอน
“นั่นเป็นชมรม พวกเราเป็นแค่ทีม สมาชิกทุกคนมาช่วยกันแข่ง ไต่แรงค์ เข้าร่วม…”
“แต่ผมเข้าร่วมกับชมรม The Kings of Glory ไปแล้วนะ” นักศึกษาคนนั้นขัดคำพูดของเขาตรง ๆ
“ก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรกันนิ พวกเราก็แค่เป็นทีมที่มีสมาชิกค่อนข้างตายตัวเท่านั้นแหละ” โจวม่อกล่าว
“ใช่ ตายตัวมาก ๆ ทั้งทีมมีกันแค่สองคน” อยู่ ๆ ก็มีคนพูดแทรกคำพูดของโจวม่อขึ้นมา มีคนอีกคนเดินมาถึงข้างกายนักศึกษาคนนั้นแล้วตบไหล่เขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมาก
“รุ่นพี่จาง” นักศึกษาคนนั้นหันหน้ากลับไปดูก็จดจำได้ว่านี่เป็นรุ่นพี่ปีสามที่เพิ่งจะรับเขาเข้าชมรม The Kings of Glory ไปเมื่อครู่นี้เอง ดูเหมือนว่าหัวหน้าหน่วยชักจูงคนของชมรม The Kings of Glory จะมาแล้ว
“พี่ก็เพิ่งจะบอกนายไปไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากจะหาทีม ในชมรมพวกเราก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่ว่านายจะถนัดฮีโร่แบบไหนพวกเราก็แนะนำทีมที่เหมาะสมกับนายที่สุดให้ได้” จางเฉิงห่าวกล่าว
“ผมรู้ครับ แต่รุ่นพี่คนนี้เขา…”
“ทีมพวกเขาทั้งทีมมีกันอยู่แค่สองคน นายจะไปทำอะไรกับพวกเขา เล่นสนามรบฉางผิงหรือไง” จางเฉิงห่าวพูดจบ นักศึกษาหลาย ๆ คนที่เดินมาพร้อมกับเขาก็หัวเราะขึ้นมา สนามรบฉางผิงนั้นแม้แต่ผู้เล่นเก่าแก่ของ The Kings of Glory ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคย นี่เป็นโหมดแข่งแบบสามต่อสามของเกมนี้ ปกติแล้วผู้เล่นส่วนใหญ่จะเล่นกันอยู่ที่โหมดจัดอันดับกับเพื่อนฝูง และแผนที่ที่ใช้ในเกมพวกนี้ก็คือแผนที่ห้าต่อห้าของหุบเขากษัตริย์ เป็นสนามรบเดียวกับการแข่งขัน KPL ซึ่งเป็นแหล่งรวมของสุดยอดผู้เล่น ดังนั้นสนามรบฉางผิงจึงถือได้ว่าเป็นโหมดการเล่นที่จริงจังน้อยกว่า จางเฉิงห่าวพูดมาด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยมากแต่โจวม่อก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าจางเฉิงห่าวพูดความจริง ทีมคลื่น7 ของพวกเขามีสมาชิกแค่ 2 คนจริง ๆ
“สนามรบฉางผิงแล้วไง นายกล้าไหมล่ะ”
จู่ ๆ ก็มีเสียงเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทุกคนที่ได้ยินต่างหันไปมองก็เห็นนักศึกษาหญิงหน้าตาดีคนหนึ่งสาวเท้าเข้ามา มีคนไม่น้อยในที่แห่งนั้นที่มีสายตาเจิดจ้าขึ้นมา แต่จางเจิงห่าวและพวกกลับไม่รู้สึกชื่นชมสาวงามคนนี้เลยสักนิดแต่กลับมีสีหน้าถมึงทึง แต่เพียงไม่นานก็ยังเค้นรอยยิ้มออกมาได้ “ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่เกา*นี่เอง!” (คนแปล: พี่เกาในที่นี่คือ เกาเกอ แปลว่า พี่ชายแซ่เกาค่ะ)
คำว่า “เกอ” ที่เขาพูดถูกลากเสียงยาวอย่างยียวน ผู้คนที่ไม่รู้จักนักศึกษาหญิงคนนี้ต่างก็มีสีหน้าแปลกประหลาด โดยเฉพาะนักศึกษาใหม่คนนั้นยิ่งจ้องมองนักศึกษาหญิงคนนั้นอย่างสนเท่ห์
“บ้าบอ” นักศึกษาหญิงคนนั้นเอือมระอามาก เธอแซ่เกาชื่อเกอ* (เกอ (歌) แปลว่าเพลง) เนื่องจากเป็นคำพ้องเสียงจึงทำให้ผู้คนทั้งมีเจตนาและไร้เจตนาคิดคลาดเคลื่อนไปว่าเป็นคำว่า “พี่ชาย” เธอถูกแซวแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว มีเพื่อนบางคนแนะนำให้เธอเปลี่ยนชื่อไปเสีย แต่เธอไม่เห็นด้วยอย่างมาก “ชื่อของฉันไม่เห็นผิดตรงไหน พวกคนที่ล้อเลียนชื่อของฉันมันหยาบคายและงี่เง่าเอง ทำไมฉันต้องเปลี่ยนด้วย”
เพื่อนอึ้งจนพูดไม่ออก เกาเกอย่อมไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ เธอไม่เคยเก็บเอาพวกคนที่ล้อเลียนชื่อของเธอมาใส่ใจอย่างจริงจังสักครั้งเดียว ตอนนี้ก็ไม่ได้เหลือบแลจางเฉิงห่าวสักแวบเดียวแต่หันไปหานักศึกษาใหม่ที่ถูกโจวม่อชักจูงมาครึ่งค่อนวันคนนั้นว่า “ถึงจะเป็นแค่สนามรบฉางผิงแต่ถ้าเล่นจริงจังก็ยังสนุกมากนะ อยากจะลองดูหน่อยไหม”
เห็นได้ชัดว่านักศึกษาใหม่คนนั้นยังคงติดสตันจากชื่อประหลาด ๆ อย่าง “พี่เกา” จนป่านนี้ก็ยังสติแตกอยู่เลย จางเฉิงห่าวที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าเกาเกอไม่สนใจเขาก็อับอายจนทนไม่ได้ รีบพูดแทรกขึ้นมาว่า “เธอเอาจริงเหรอ สนามรบฉางผิงเนี่ยนะ ใครมันจะไปเล่นโหมดนั้นกัน ฝึกแข่งในฉางผิงนาน ๆ แล้วจะได้แรงค์ conqueror หรือไง”
“ก็ได้ พูดไปพูดมาก็กลับมาที่เรื่องนี้อีกแล้ว สนามรบฉางผิง นายกล้าไหมล่ะ” เกาเกอหันไปมองจางเฉิงห่าวในที่สุด
“ทำไมจะไม่กล้า” จางเฉิงห่าวก็ไม่ยอมแพ้และโต้กลับไปทันที แต่คำพูดเพิ่งจะหลุดจากปากก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ตรงข้ามกับเกาเกอที่ตอบโต้กลับไปอย่างรวดเร็วว่า “งั้นมาเล่นกันสักตาไหมล่ะ”
“เล่นสักตาเหรอ พวกเธอคลื่น7 มีคนสามคนพอที่จะเล่นกันสักตางั้นเหรอ” จางเฉิงห่าวในใจหวั่นไหวแต่ก็ยังปากดี
“ง่ายจะตาย ที่นี่ก็มีคนตั้งมาก นายจิ้มมาสักคนให้พวกเราก็ได้ จะเอาชนะนายก็แค่ไม่กี่นาทีหรอก” เกาเกอกล่าว
“จิ้มมาเหรอ” จางเฉิงห่าวอึ้งไป บรรดานักศึกษาที่เล่นเกมนี้เป็นต่างก็รู้สึกทึ่ง แม้ว่า The Kings of Glory จะเป็นที่นิยมมาก แต่โลกมันกว้างใหญ่ขนาดนี้ คนที่ไม่เคยแตะเกมนี้มาก่อนจะต้องมีจำนวนมากกว่าเยอะแน่ ๆ อย่าว่าแต่ความแข็งแกร่งของผู้เล่นทั้งหลายตั้งแต่ระดับ bronze ไปถึงระดับ conqueror แล้วก็ยังมีระดับมืออาชีพที่มีอย่างหลากหลาย จิ้มมาสักคนเหรอ อย่างนั้นก็มีโอกาสเจอกับไก่มากกว่าผู้ช่วยเหลือดี ๆ มากเลย คนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเกมนี้บ้างต่างก็รู้ว่านี่ก็เหมือนกับการแข่งขันสองต่อสาม
“ใช่ จิ้มมาเถอะ จะเป็นใครก็ได้” เกาเกอพูดขุดหลุมฝังตัวเองอีกครั้ง
“เฮ้ย…” คราวนี้ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นโจวม่อเพื่อนของเกาเกอเองที่อดไม่ได้จนต้องเรียกเธอออกมาคำหนึ่งด้วยสีหน้าที่สับสนงุนงงมาก เกาเกอหันไปมองโจวม่อ ในแววตามีแต่ความดื้อรั้น แล้วก็ยังมีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้วย แต่น้ำเสียงก็ยังสบาย ๆ “เล่นสามคนยังไงก็ง่ายกว่าเล่นห้าคนมากป่ะ”
โจวม่ออึ้งไป แต่จากประโยคนี้ก็สามารถเข้าใจจิตใจของเกาเกอแล้ว
ตอนแรกที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขากับเกาเกอเองก็เป็นสมาชิกของชมรม The Kings of Glory เหมือนกัน ในฐานะที่เป็นชมรมเกมซึ่งมีแต่นักศึกษาชายเป็นส่วนใหญ่ สาว ๆ ทุกคนต่างก็ได้รับความนิยมอย่างมาก อย่าว่าแต่เกาเกอที่เป็นเด็กสาวที่สวยมากคนนี้ เธอจะเล่นเกมได้รึเปล่าก็ไม่มีใครตั้งข้อแม้ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะตั้งข้อแม้กับเกาเกอ กลับเป็นเกาเกอที่ตั้งข้อรังเกียจพวกเขาก่อน
ความรักที่เกาเกอมีต่อเกมนี้มันมากมายเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ คนส่วนใหญ่ต่างก็เล่นเกมแค่เพียงเพื่อผ่อนคลายแล้วก็เป็นกิจกรรมยามว่าง แต่เกาเกอเล่นเกมอย่างมีความทะเยอทะยาน เป็นความใฝ่ฝัน เป็นเป้าหมายที่จะต้องต่อสู้ดิ้นรน เธอทนไม่ได้ที่เพื่อนร่วมทีมต่างก็เล่นเกมกันอย่างไม่จริงจัง ส่วนเพื่อนร่วมทีมก็ทนไม่ได้ที่เธอมีข้อเรียกร้องต่อพวกเขาอย่างมากมาย สุดท้ายแล้วในชมรมก็แทบไม่มีใครที่ยอมเล่นเกมกับเธอเลย เกาเกอจึงได้แต่ถอนตัวออกมาจากชมรม แล้วก็มาตั้งทีมคลื่น7 เอาเอง ผลก็คือสองปีผ่านไปมีแต่โจวม่อที่เป็นเพื่อนร่วมทีมอยู่คนเดียว ทุก ๆ เทอมก็อยากจะหาคนมาห้าคนเพื่อเข้าร่วมในการแข่งขันลีก The Kings ก็ยังยากถึงสิบส่วน เกาเกอมีชื่อเสียงโด่งดังมากแล้ว ผู้เล่น The Kings ในสถาบันต่างก็หลบลี้หนีหน้าเธอกันหมด
ตอนนี้ที่มาท้าดวลกับจางเฉิงห่าวก็เป็นเพราะไม่มีวิธีอื่นใดที่จะหลบเลี่ยงจากสถานการณ์ที่น่าขายหน้านี้ได้เลย พวกเขาไม่สามารถบังคับให้คนอื่นหันมาเห็นด้วยกับมุมมองที่มีต่อเกมของพวกเขาได้ จึงได้แต่ทำให้ผู้อื่นประทับใจจากด้านอื่นแทน เช่นว่า ความแข็งแกร่ง! ถึงจางเฉิงห่าวจะหันมาเล่นเกม The Kings of Glory ช้ากว่าพวกเขามาก เริ่มเล่นตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยแล้วเท่านั้นเอง แต่เล่นมาสองปีก็เล่นมาจนถึงระดับ conqueror โดยไม่เคยตกชั้นเลย ทีมประจำของเขาที่ชื่อหวงเฉาก็มีผลงานในลีกภายในสถาบันค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าเกาเกอกับโจวม่อแค่สองคนจิ้มสมาชิกสุ่ม ๆ มาอีกคนก็เอาชนะจางเฉิงห่าวกับทีมหวงเฉาของเขาได้จริง ๆ ก็จะเป็นที่ฮือฮาและยืนยันถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาได้เป็นอย่างดี คนอย่างนักศึกษาใหม่ที่อยู่ตรงหน้านี้ก็อาจจะอยากลองมาเข้าร่วมทีมคลื่น7 ของพวกเขาบ้างก็ได้
หลังจากเข้าใจแล้วโจวม่อก็ไม่ลังเลอีกต่อไปแต่ยืนอยู่ข้าง ๆ เกาเกออย่างมั่นคง เช่นเดียวกับตลอดสองปีที่ผ่านมาที่เขาเป็นสมาชิกที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของทีมคลื่น7 โดยไม่เคยละทิ้งไปไหน
จางเฉิงห่าวเองก็หันไปบอกกับเพื่อนของตัวเองว่า “ไปตามโจวมู่ถงกับสู่ไคหวยมา”
เกาเกอพูดมาถึงขนาดนี้ จางเฉิงห่าวก็ได้แต่ต่อสู้ด้วยแล้ว โจวมู่ถงกับสู่ไคหวยเป็นผู้เล่นหลักของทีมหวงเฉา ไม่ว่าอย่างไรช่างเหล็กก็ยังต้องการเครื่องมือของตัวเอง จางเฉิงห่าวก็ตัดสินใจว่าจะใช้ผู้เล่นที่เก่งกาจที่สุดของฝั่งตนเองแล้วสู้อย่างเต็มที่ ส่วนพวกคลื่น7 นั้น…
“ให้พวกเธอเลือกคนหรือให้ฉันเลือก” จางเฉิงห่าวถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ เกาเกอก็บอกไปแล้วว่าให้เขาหาใครก็ได้มามั่ว ๆ แล้วเธอก็เป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นมาตลอด เป็นไปไม่ได้ที่จะมาเปลี่ยนคำพูดเอาตอนนี้
“นายเลย” แน่นอนว่าเกาเกอก็พูดแบบนั้น
จางเฉิงห่าวมองซ้ายมองขวา ใจก็แอบอยากจะเลือกต้นไม้ให้เกาเกอไปเลย แม้ว่าจะเรียกตัวสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองคนในทีมมาแล้วแต่ว่าในใจของเขาก็ยังรู้สึกกระสับกระส่าย การเผชิญหน้ากับเกาเกอนั้นทำให้เขาเหมือนกับมีเงามืดในจิตใจ เขากับเกาเกอต่างก็เป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม ตอนที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยมาเขายังเป็นหน้าใหม่ของเกม The Kings หลังจากเข้ามาในชมรมแล้วเวลาที่ต้องสู้กับเกาเกอก็ถูกตีจนแทบบ้า พอมาเป็นเพื่อนร่วมทีมก็ถูกด่าจนแทบบ้า หัวใจของเขาที่อยู่ในระดับ bronze ถูกทำร้ายอย่างสาหัส ตอนนี้เขาเล่นอยู่ในระดับ conqueror แล้ว แต่ตอนเผชิญกับเกาเกอ แม้ว่าใจจะเกลียดชัง ปากจะพูดแขวะ แต่ก็ยังต้องยอมรับว่าความเก่งของเกาเกอเป็นของจริง บวกด้วยโจวม่อที่แข็งแกร่งพอ ๆ กัน หากเล่นกันจริง ๆ แบบสามต่อสามแล้วจางเฉิงห่าวก็ไม่มั่นใจเต็มที่เหมือนกัน
ดังนั้นทางที่ดีก็หาคนที่เล่นไม่เป็นดีกว่า
จางเฉิงห่าววางแผนการเช่นนี้อยู่ในใจ แต่ว่าคนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ อย่างสนอกสนใจเรื่องตื่นเต้นนี้ย่อมต้องใส่ใจ The Kings of Glory อยู่บ้าง คนพวกนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเล่นเป็น ถ้าอย่างนั้น…
จางเฉิงห่าวกวาดตามองไปรอบหนึ่งก็คิดแผนการในใจได้หนึ่งอย่างแล้วจึงพูดว่า “เกือบทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นคนรู้จัก ถ้าเลือกไปก็กลัวว่าเธอจะบอกว่าฉันเลือกสายลับไปฆ่าพวกเธอ” ว่าแล้วสายตาของเขาก็กวาดผ่านฝูงคนไป มองไปแวบเดียวก็เห็นนักศึกษาคนหนึ่งนั่งดื่มน้ำอัดลมอยู่บนม้านั่งที่ประตูทางออกของร้านค้าสำหรับนักศึกษา เขานั่งอยู่อย่างไม่สนใจใยดีเรื่องตื่นเต้นตรงนี้เลยแม้แต่น้อย ดู ๆ ไปแล้วก็น่าจะวางใจได้
“เอาเป็นนักศึกษาชายตรงนั้นแล้วกัน!” เขาชี้นิ้วออกไป
ทุกคนหันไปมองตามนิ้วที่ชี้ออกไปของจางเฉิงห่าว เกาเกอชมดูจนอึ้ง จากนั้นก็แย้มยิ้มอย่างน่ารักมากออกมา ยกมือขึ้นไปตบบ่าของจางเฉิงห่าวอย่างเป็นมิตรแล้วกล่าวว่า “สายตาดีจริง ๆ!”