ตอนที่ 812 ท้อง(1) โดย Ink Stone_Romance
แต่ถังเจวี๋ยดูท่าทางไม่ได้สนใจเรื่องของพวกเขาโดยที่ขณะนี้กำลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านอยู่ แขนยาวพาดผ่านตัวหญิงสาวข้างกายไว้ที่เก้าอี้ด้านหลัง ดวงหน้าติดเย็นชาแต่กลับมีเสน่ห์ล้นเหลือนั่นโน้มหาหญิงสาวเล็กน้อย “อยากทานอะไร? ให้ถังซ่งสั่งให้เลย”
คนอย่างถังเจวี๋ยขนาดตอนพูดปกติทุกคำยังเหมือนกำลังหยอกเย้า หญิงสาวข้างกายตั้งรับไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าใสซื่อขึ้นสีระเรื่อ ตอบกลับเสียงเรียบ “ฉันได้หมดค่ะ”
คล้ายถังซ่งจะเดาใจไป๋ซู่เย่ออกเลยอธิบาย“คุณเข้าใจผิดแล้ว ถึงเธอจะเป็นพี่สะใภ้ผมแต่ไม่เกี่ยวกับถังเจวี๋ย เธอเป็นภรรยาของพี่ห้าของผม…”
“ฉันกับถังอี้ยังไม่ได้แต่งงานกัน” โม่เหลียงเยียนที่อยู่ข้างๆ ดูจะไม่ค่อยพึงพอใจนักกับคำแนะนำตัวของเขา เธอยิ้มให้ไป๋ซู่เย่น้อยๆ ก่อนแนะนำตัวอย่างใจกว้าง “โม่เหลียงเยียน เรียกฉันว่าเหลียงเยียนก็พอค่ะ”
“ไป๋ซู่เย่ พวกเขาเรียกฉันว่าซู่ซู่”
ถังซ่งพลิกเมนูอาหาร ตอบกลับเสียงไม่แฝงอารมณ์ใด “ถึงยังไม่ได้แต่งงาน แต่นั่นก็เรื่องในไม่ช้าก็เร็วไม่ใช่เหรอ?”
โม่เหลียงเยียนไม่ตอบแค่มองถังซ่งแวบหนึ่ง แต่ถังซ่งไม่ได้เงยหน้ามองเธอแต่อย่างใด เธอจึงละสายตาเบนไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่าง ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้เลย
————
จากนั้นถังซ่งกำลังมัววุ่นกับการลับฝีปากกับพี่สะใภ้คนนั้นของเขา แต่สุดท้ายโม่เหลียงเยียนก็ถือไพ่เหนือกว่า
ถังซ่งขุ่นเคืองกับผลลัพธ์นี้ สุดท้ายได้แต่ตอบกลับเธออย่างขอไปที “ช่างเถอะ เห็นแก่ที่คุณเป็นพี่สะใภ้ผม ผมไม่ถือสาคุณแล้วกัน”
ได้ยินประโยคนี้โม่เหลียงเยียนไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนถังซ่งจะดูออกว่าอารมณ์เธอดิ่งลง แม้จะไม่ทราบสาเหตุแต่ก็ยังหันหน้ามาชวนเธอคุย เอาใจเธอ แต่เธอแค่ตอบกลับสั้นๆ ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับถังซ่งอีก หลังจากนั้นถังซ่งเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา มื้ออาหารนี้เลยดำเนินไปด้วยใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ส่วนอีกฟากหนึ่งเย่เซียวกับถังเจวี๋ยกำลังคุยเรื่องธุรกิจอยู่ เห็นได้ชัดว่าถังเจวี๋ยลุ่มหลงหญิงสาวข้างกายมาก จับมือเธอเล่นใต้โต๊ะตลอดเวลา
“ถังเจวี๋ย อย่าซนสิ…ให้ฉันทานข้าวดีๆ ได้มั้ย?” เธอกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล เหมือนจะมีพลังที่ช่วยปลอบประโลมให้จิตใจคนฟังสงบลงจริงๆ
นานทีถังเจวี๋ยจะเชื่อฟังขนาดนี้พลางปล่อยเธอเป็นอิสระ เธอหยิบอุปกรณ์ทานข้าวเหยียดตัวอ้อนแอ้นนั่งหลังตรง ดูเรียบร้อยมีการอบรมที่ดี
ทางนี้ไป๋ซู่เย่กำลังหั่นเนื้อสเต๊กอย่างยากลำบาก
“ผมทำให้เอง” เย่เซียวแย่งมีดและส้อมในมือเธอไป จากนั้นก็เอะใจนิดหน่อย “ปกติคุณทานสุกครึ่งเดียวไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ทานสุกเต็มร้อยล่ะ?”
เขามองเธอ “ครัวทำผิดเหรอ?”
“เปล่า ฉันเลือกสุกเต็มร้อยเอง”
เย่เซียวหั่นให้เธอทีละชิ้นๆ “เปลี่ยนรสชาติไปตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่ช่วงนี้ดูเหมือนรสชาติคุณจะแปลกขึ้นนะ ของชอบเมื่อก่อนตอนนี้ก็ไม่ค่อยทานแล้ว ของที่ไม่ค่อยชอบกลับเริ่มทานขึ้นมา ผมต้องทำความเข้าใจคุณใหม่หรือเปล่า?”
“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ?” ไม่รอไป๋ซู่เย่เอ่ยปากถังซ่งที่หูแหลมเงยหน้าขึ้น “นายบอกว่าช่วงนี้เธอเปลี่ยนรสชาติเหรอ?”
“อืม แปลกมากเหรอ?” เย่เซียวมองถังซ่ง
“แปลก แปลกสิ” ถังซ่งเงยหน้ากวาดตามองไป๋ซู่เย่อย่างประเมินหนึ่งรอบ จากนั้นหันไปหาเย่เซียว “ช่วงนี้เหมือนเมียนายจะอ้วนขึ้นนิดหน่อยสินะ?”
“ไม่นี่ ฉันคิดว่าตอนนี้กำลังดี”
ถังซ่งหมดคำจะพูด เย่เซียวเป็นแฟนคลับของภรรยาเขา ต่อให้เจ้าตัวอ้วนสักร้อยกิโลกรัม ในสายตาเขาคงคิดว่ากำลังพอดีอยู่ดี
ไป๋ซู่เย่รู้ว่าถังซ่งคงเดาบางอย่างได้จึงตัดสินใจวางมีดส้อมลง โน้มตัวกระซิบข้างหูเย่เซียวเสียงเบา
เย่เซียวชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ามามองเธอ “คุณว่ายังไงนะ?”
เธอยิ้มสดใส“ฉันบอกว่า…คุณจะเป็นคุณพ่อแล้ว”
ประโยคสุดท้าย เธอเน้นทีละคำ
วันนี้เพิ่งได้ผลตรวจจากโรงพยาบาลมา เดิมทีอยากแอบกลับไปบอกเขาที่บ้านแต่ไม่คาดว่าจะถูกถังซ่งผู้สายตาไวมองออก
“คุณบอกว่า…ผมจะเป็นคุณพ่อแล้ว?” เย่เซียวตื่นเต้นเล็กน้อย พูดย้ำประโยคนี้
เขาที่มีท่าทางแบบนี้ช่างดูซื่อได้น่ารักเสียจริง
ไป๋ซู่เย่คว้ามือเขามานาบลงหน้าท้องน้อยตัวเองเบาๆ อย่างรู้สึกซาบซึ้งใจ “ฉันไปตรวจค่าฮอร์โมนมาโดยเฉพาะเลยนะ ทุกอย่างปกติดี คุณหมอบอกว่าเด็กเติบโตได้ดี”
อาจจะเพราะมีลูกแล้วน้ำเสียงเธอเลยอ่อนโยนขึ้นอย่างมาก
ความจริงเธอสงสัยเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์มานานแล้วแต่ไม่กล้าบอกเขาเพราะกลัวจะดีใจเก้อในตอนท้าย คราวก่อนที่เสียลูกไปได้สร้างบาดแผลแก่เธออย่างใหญ่หลวง แน่นอนว่าสำหรับเขาด้วย
ดีที่…
สุดท้ายลูกรักของพวกเขา ก็มาจนได้…
เธอกับเย่เซียวรอคอยมานาน
“รู้ว่าท้องยังใส่รองเท้าส้นสูงอีกเหรอ?” เย่เซียวที่ตั้งสติได้ขมวดคิ้วมองรองเท้าส้นสูงบนเท้าเธอ
“ส้นรองเท้าไม่สูง ไม่เป็นไรหรอก”
“หลังจากนี้ห้ามใส่อีก เชื่อฟังนะ” เขาโบกมือเรียกบริกรมา “ยกเลิกไอศกรีม อาหารเย็นทั้งหมด ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งทาน”
ประโยคสุดท้ายหันมาบอกเธอ
“…” ไป๋ซู่เย่มองไอศกรีมที่ตัวเองเพิ่งทานได้สองคำตาละห้อย อ้อนด้วยเสียงปนคร่ำครวญ “เย่เซียว ทานนิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอก…”
“รอหลังคลอดลูกผมจะซื้อให้คุณตู้หนึ่งเลย แล้วแต่คุณจะทานเท่าไหร่ก็ได้” เขาที่ทนเสียงอ้อนเธอไม่ไหวได้แต่พูดกล่อม
“แน่ใจว่าแล้วแต่ฉัน?”
“ทานไอศกรีมหมดหนึ่งตู้ ไม่เป็นหวัดก็ต้องท้องเสีย ทำลายลำไส้อีก” ถังซ่งพูดเสียงเรียบ จากนั้นมองไปที่เย่เซียว “ต้องระมัดระวัง!”
“…” ถังซ่ง ทำไมน่ารำคาญขนาดนี้!
อย่างที่คิดเลยว่าเย่เซียวเปลี่ยนคำพูด“หลังคลอดลูกก็อนุญาตให้ทานแต่พอดี”
————
ผลสุดท้าย…
ขากลับเย่เซียวถอดรองเท้าส้นสูงเธอมาถือไว้ในมือเอง อุ้มเธอลงไปภายใต้สายตาที่มองมาของทุกคน
ตลอดทางจนเข้าลิฟต์ มีคนมองอยู่มากมาย ไป๋ซู่เย่ทนไม่ไหวรีบกระซิบบอก “เย่เซียว คุณปล่อยฉันลงให้ฉันเดินเอง”
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ต่อให้เดินเท้าเปล่าเหยียบพื้นก็ไม่เย็น
แต่เย่เซียวไม่สนใจคำขอร้องเธอไม่แม้แต่มองเธอ อุ้มเธอกลับขึ้นรถทันที
————
พอพวกเย่เซียวกลับไปถังซ่งกับโม่เหลียงเยียนก็ตามกลับไปด้วย
หญิงสาวข้างถังเจวี๋ยลุกขึ้นส่งพวกเขาอย่างมีมารยาท ถังเจวี๋ยกลับนั่งตรงนั้นอย่างสบายใจเฉิบไม่ขยับตัว รอพวกถังซ่งไปภายในร้านอาหารนอกจากพนักงานทั้งหลายก็เหลือแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
หญิงสาวหันไปมองถังเจวี๋ยแวบหนึ่ง “เราเองก็กลับกันเถอะ”
“ฉี้ฉี้ มานั่งนี่” ถังเจวี๋ยเรียกเธอด้วยเสียงใสที่จับอารมณ์ไม่ได้
ปกติถังเจวี๋ยเป็นคนคาดเดายากอยู่แล้ว ฉี้ฉี้เดาใจเขาไม่ถูกแต่ก็เดินย้อนกลับไป แต่ยังไม่ทันนั่งลงไปมีแรงกระชับที่เอว ทันใดนั้นเธอถูกถังเจวี๋ยโอบไปนั่งบนหน้าขาโดยตรง
เขาสูงมากยิ่งขับให้เธอดูตัวเล็กลง นั่งบนตักเขาเงียบๆ เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
………………………