Ch.1 – ตอนที่ 1-2 สหายซูเจี๋ยนผู้ใจสลาย ไม่หลงเหลือกล่องดวงใจอยู่อีกแล้ว
Translator : Akanirawan / Author
ซูเจี๋ยนจำได้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด แม้แต่ตัวซูเจี๋ยนเองก็ยังคิดว่าตนย่อมต้องตกตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากฝืนยกเปลือกตาตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบาก สิ่งแรกที่เขามองเห็นก็คือภาพฉากสีขาวบริสุทธิ์ผืนหนึ่ง
ตอนแรกซูเจี๋ยนก็คิดง่ายๆ แค่ว่าตัวเองคงจะได้อยู่บนสวรรค์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นในใจก็ยังแอบประชดประชันขึ้นเงียบๆ : สวรรค์นี่ก็ขาวโพล๊นขาวโพลนไปซะหมด ดูไปก็เหมือนโรงพยาบาลเลยไม่ใช่รึไงกันเนี่ย?
จนกระทั่งกวาดตามองอย่างละเอียดแล้ว จึงได้แต่เหม่อลอยอึ้งงันไป : อ๊ะ นี่มันโรงพยาบาลจริงๆ นี่หว่า!
ซูเจี๋ยนตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันใด ดูเหมือนเขาจะเป็นพวกบุญหนักศักดิ์ใหญ่ อยู่หน้าปากทางไปปรโลกแล้วยังรอดพ้นกลับมาได้!
ทว่าตื่นเต้นดีใจอยู่ได้เพียงครู่เดียว ซูเจี๋ยนก็พลันนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ไหนๆ ก็ไม่ตายแล้ว จะยังไงก็ขออย่าให้ต้องพิการเลยเถอะ ไม่งั้นก็คงอนาถเกินไปแล้ว!
คิดได้ดังนั้นเขาก็รีบเปิดผ้าห่มสำรวจดูร่างกายของตัวเอง โชคดีที่แขนขายังอยู่ครบ แม้ว่าท่อนขาจะถูกห่อพันไว้หนาเตอะก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ต้องเข้าเฝือกทั้งสองข้าง อีกทั้งพอลองขยับดูก็พอได้ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีที่ยังมีความรู้สึก มั่นใจได้ว่าไม่พิการแน่ๆ แล้ว ดูเหมือนว่าคงจะมีอะไรแตกหักไปบ้างเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไรใหญ่โต มีสิ่งเดียวที่ดูจะไม่ถูกต้อง ก็คือดูเหมือนท่อนขานั้นจะเรียวบางลีบเล็กลงไปมากทีเดียว เรื่องนี้ทำให้ซูเจี๋ยนรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา : หรือเป็นเพราะนอนนิ่งๆ บนเตียงนานเกินไป กล้ามเนื้อเลยหดลีบเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว? น่าจะใช่… ดูๆ ไปแล้ว เหมือนว่าขนขาที่เคยขึ้นเรียงตัวพรึ่บอยู่เต็มไปหมดนั่นก็เหี่ยวแห้งร่วงโรยไปตามกันด้วย ……
ซูเจี๋ยนพ่นลมหายใจเหยียดยาวออกมาอย่างโล่งอก ล้มตัวนอนผึงกลับลงไปบนเตียง กางแขนกางขาออกจนสุดด้วยความสบายอารมณ์ ในใจรู้สึกถึงแสงอาทิตย์อบอุ่นสาดส่องเฉิดฉาย ประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ รอดมาได้แบบไม่ตายไม่พิการ อนาคตของผู้แซ่ซูคนนี้ต้องสดใสรุ่งโรจน์แน่นอน วะฮ่ะฮ่ะฮ่า!
ซูเจี๋ยนฉีกยิ้มโง่งมด้วยความดีอกดีใจอยู่อย่างนั้น แล้วจู่ๆ ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อรู้สึกคันยุบยิบบนใบหน้า พอยื่นมือออกไปก็คว้าจับได้เส้นผมยาวเหยียดเส้นหนึ่ง ซูเจี๋ยนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงจับดึงด้วยความตั้งใจว่าจะหยิบมันโยนทิ้งไป ไม่คาดว่าเส้นผมนี้กลับไม่ใช่ผมไร้รากที่ติดปลายนิ้วมาเปล่าๆ กลับดึงเอาหนังศีรษะที่อยู่ข้างใต้ขึ้นมาด้วยจนรู้สึกเจ็บแปล๊บ
ซูเจี๋ยนตกตะลึงไปชั่วขณะ เอื้อมมือไปสัมผัสด้วยความตกใจ สุดท้ายก็หยิบเอาปอยผมสีดำเงางามมาได้ปอยหนึ่ง นิ่งอึ้งโง่งมไปในฉับพลัน นี่เป็นผมของเขาจริงๆ เหรอเนี่ย? แต่ว่า ผมของเขายาวสลวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาสลบไสลไม่ได้สติแบบนี้มาสองสามปีแล้ว?
แต่แล้วซูเจี๋ยนก็ต้องขมวดคิ้วฉับ เมื่อจู่ๆ ก็เหลือบมองเห็นอะไรบางอย่าง นั่นมันอะไร ทำไมหน้าอกของเขาถึงได้โค้งนูนออกมาแบบนั้น? เดี๋ยว เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อนเลย! เหยดแม่ ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าเขามีหน้าอกก้อนนี้ขึ้นมาได้ยังไง?!
ด้วยจิตใจที่เต้นระทึก ซูเจี๋ยนค่อยๆ ยกมือสั่นเทากดลงไปบนหน้าอกตัวเอง
ทั้งนุ่มนิ่มละมุนละไมและใหญ่โต……
ซูเจี๋ยนอกสั่นขวัญหาย อะไรอีก! นี่มันไม่ใช่แล้วมั้ง? นี่เป็นอาการประสาทหลอนหลังฟื้นขึ้นมาจากสภาพหมดสติหรือว่าเป็นเพราะผลข้างเคียงจากยากันแน่ น้องชายคนนี้ก็แค่หลับตาแล้วลืมตาขึ้นมาอีกทีเองนะ หน้าอกก็ใหญ่ขึ้นได้ขนาดนี้แล้วเหรอ? นี่ถ้าเป็นสาวน้อยอกแบนที่ไหนสักคนก็อาจจะนับได้ว่าเป็นเรื่องดี แต่พอเป็นชายหนุ่มโตเต็มวัยอย่างฉันนี่มันก็ออกจะพิลึกกึกกือเกินไปแล้วไม่ใช่รึไง!
ซูเจี๋ยนรีบแก้ปมเสื้อออกดูทันที และแล้วก็ได้พบกับทรวงอกทั้งสองเต้า ทั้งกลมกลึงและอวบอิ่ม ทั้งขาวเนียนละเอียดและบอบบาง กะประมาณคร่าวๆ น่าจะสักคัพ C34 เห็นจะได้ หากเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงคิดว่านี่เป็นเครื่องเคราชั้นเลิศประดุจดั่งพวกดาราสาวญี่ปุ่นในฝันของบรรดาสหายหนุ่มๆ ทั้งหลาย เป็นสาวงามผู้ยากจะพานพบในทั้งสามโลกที่เหล่าชายฉกรรจ์พากันเฝ้าถวิลหาทั้งวันทั้งคืนอะไรแบบนั้น แต่อนิจจา สิ่งที่ใฝ่ฝันหาทั้งกลางวันกลางคืนนี้กลับมาปรากฏอยู่บนร่างกายตัวเอง…….
ซูเจี๋ยนร้อนใจจนพ่นลมออกมายาวเหยียด : เหยดแม่ นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องต้มตุ๋นหลอกลวงป๊ะป๋าคนนี้แบบธรรมดาๆ ซะแล้วนี่หว่า!
จู่ๆ มาเจอแบบนี้ก็รู้สึกว่าทนรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ซูเจี๋ยนรีบแก้ชุดคนไข้ออกดูร่างกายผอมบางของตัวเองอย่างละเอียด หน้าอกคู่นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ใครจะรู้ได้ว่าตำแหน่งอื่นๆ จะมีอาการข้างเคียงประหลาดๆ อะไรโผล่ขึ้นมาอีกหรือไม่
ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้ว หลายครั้งหลายหน ยิ่งหวาดกลัวสิ่งไหน มันก็ยิ่งชอบเกิดขึ้น
หลังจากเปิดกางเกงออกดูครึ่งหนึ่ง ซูเจี๋ยนที่ทำใจกล้าทั้งที่เดิมทีก็หนาวยะเยือกๆ อยู่แล้วพลันกลายเป็นเยือกแข็งจนแทบตกตายไปตรงนั้น นั่นมันอะ อะ อะไร! ค…ค…ใครก็ได้บอกฉันทีว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เป็นเขาที่ตาฝาดมองผิดไปเองใช่มั้ย? นี่มันต้องเป็นแค่ภาพในจินตนาการแน่นอน! หรือว่าที่จริงแล้วเป็นดวงตาของเขาที่ได้รับบาดเจ็บ? ทะ ทะ ทะ ทำไมเขาถึงไม่เห็นซูเจี๋ยนน้อยของเขาล่ะ!
หนังตาของซูเจี๋ยนสั่นสะท้านไปหมด ค่อยๆ เหล่มองตรงหว่างขาอีกครั้งด้วยจิตใจจดจ่อเคร่งเครียด
ฟ้า-ถล่ม-ดิน-ทลาย!
เช็ดแมมมมมมม่! เจ้าไก่น้อยของเขามลายสลายสิ้นไปแล้วจริงๆ! เจ้าลูกตุ้มแสนรักทั้งสองใบนั่นก็ไม่เหลือแล้วด้วย!
ซูเจี๋ยนรู้สึกคล้ายมีขบวนตัวอักษรคำว่า ‘เช*ดแม่’ ลอยอึกทึกครึกโครมเป็นพรวนผ่านไปตรงหน้าเหมือนฝูงม้าแห่ง ‘เช่าหนี่มา’ ที่ย่ำผ่านปลักหญ้าโคลนเลนไปรัวๆ [1] ทั้งหัวใจตับม้ามไตล้วนถูกกระทืบจนแหลกละเอียด……
อุบัติเหตุรถชนครั้งนี้กล่าวได้ว่าร้ายแรงมากอย่างแท้จริง แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่เขายังอยู่ในสภาพครบถ้วนขนาดนี้ แขนขาไม่ได้ขาดหายไปสักข้างเดียว ที่แท้กลับเป็นตำแหน่งนี้เองที่ขาดหายไป! แม้เขาจะภาวนาแค่ว่าไม่ให้แขนขาขาด แต่ก็ไม่ได้ยินยอมพร้อมใจให้ตำแหน่งสำคัญอย่างนี้ต้องมาบาดเจ็บเสียหายสักหน่อย! ไก่น้อยแสนสำคัญหนึ่งเดียวของท่านชายแบบนี้ กลับต้องกลายเป็นไก่บินหายไข่ไก่แตกกระจาย นี่สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรกับเขา เล่นตลกอะไร เล่นตลกอะไรกันแน่…….
เดี๋ยวนะ! ไม่ใช่แล้ว!
ซูเจี๋ยนขยับอุ้งมือสั่นระริก ค่อยๆ ควานคลำสำรวจบริเวณตำแหน่ง ‘เจ้าไก่น้อยบินหายไข่ไก่แตกกระจาย’ ของตัวเองอย่างเชื่องช้า เพียงครู่เดียวก็รีบชักมือกลับแทบไม่ทัน หัวจิตหัวใจยิ่งสั่นสะท้าน ซูเจี๋ยนเบิกตาจ้องมองแขนขาเรียวยาวขาวเนียนละเอียดพร้อมกับมือเท้าเรียวเล็กเพรียวบางไปทั้งเนื้อทั้งตัวของตนเองด้วยความแตกตื่นหวาดกลัวขั้นสุด ขานี่ไม่มีขน แถมยังเป็นเรียวขาแสนงามคู่หนึ่ง เส้นผมยาวสลวยนี่ก็อีก แถมยังมีหน้าอกนุ่มนิ่มคู่ใหญ่ แล้วก็ ‘เจ้าไก่น้อยที่บินหาย เจ้าไข่ไก่ที่แตกกระจาย’ นั่น และยังมีมือเท้าเล็กเรียวคู่นี้…….
ซูเจี๋ยนคิดว่า เขาจะต้องกำลังฝันร้ายมากๆ อยู่แน่ ดังนั้นเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด พร้อมกับหลับตาลง ทุ่มเทความพยายามโน้มน้าวตัวเองอย่างหนักหน่วง : นี่ไม่ใช่ความจริง นี่ไม่ใช่ความจริง นี่ไม่ใช่ความจริง……..
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หน้าอก ก็ยังกลมกลึงอยู่เหมือนเดิม เจ้าไก่ ก็ยังคงสูญหายไปเหมือนเดิม ซูเจี๋ยนตระหนักได้ว่า ชีวิตนี้ คงไม่ง่ายดายอย่างที่คิดซะแล้ว……
……………………………….
เชิงอรรถ
[1] ฝูงม้าย่ำผ่านทุ่งหญ้าโคลนเลน (草泥马- cǎonímǎ) พ้องเสียงกับ ‘เช่าหนี่มา’ (肏你妈- càonǐmā) ที่แปลว่า f*ck your mother
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง จึงได้แผดร้องออกมาสุดเสียงด้วยหัวใจที่แตกสลาย : “กระจก! กระจก! ฉันอยากได้กระจก!”
แม้จะบอกว่าแผดร้องตะโกนโหยหวนอย่างสุดเสียง ทว่าเสียงร้องที่เปล่งออกมานั้นกลับเป็นเพียงสุ้มเสียงแหลมเล็กกังวานใสด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว ซูเจี๋ยนสะดุ้งโหยงสะท้านขึ้นทั้งร่าง เขาคิดว่าหากไม่ใช่โลกนี้มันบ้าไปแล้ว ก็คงเป็นเขาเองนี่แหละที่บ้า
ได้ยินเสียงกรีดร้อง พยาบาลจึงรีบวิ่งเข้ามาดูทันที
แม้คำร้องขอกระจกของซูเจี๋ยนจะชวนให้รู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่คุณนางพยาบาลคนนั้นก็ช่วยไปหากระจกมาให้เขาบานหนึ่งอย่างใจดี คิดเอาเองว่าเขาคงเป็นกังวลเรื่องว่าจะเสียโฉมหรืออะไรเทือกๆ นั้น จึงยื่นกระจกให้เขาพร้อมกับพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “คุณผู้หญิงอัน คุณวางใจเถอะค่ะ ใบหน้าของคุณไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร ยังดูสวยน่ารักอยู่เหมือนเดิมค่ะ”
ซูเจี๋ยนได้ยินถ้อยคำปลอบโยนประโยคนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้หนักกว่าเดิม เอื้อมมือสั่นเทาหยิบกระจกมาส่องดูใบหน้าของตัวเองอย่างเชื่องช้า ครู่ต่อมา ซูเจี๋ยนก็ต้องแข็งค้างไป
หากจะให้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเป็นกลางแล้ว ใบหน้าที่อยู่ในกระจกนั้นเรียกได้ว่าดูดีอย่างยิ่งจริงๆ ดวงตากลมโต ขนตายาวงอนเรียงตัวเป็นแพ ริมฝีปากบางดุจผลเชอร์รี่ ใบหน้าเรียวเล็ก โดยเฉพาะผิวพรรณที่ทั้งขาวทั้งเนียน แทบมองไม่เห็นรูขุมขนเลยสักนิด สาวงามที่สะสวยชวนมองโดยไร้การเติมแต่งเช่นนี้นับว่าเป็นของหาได้ยากยิ่งในโลกยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเครื่องหน้าทั้งห้าที่เข้ากันได้ดีอย่างไร้ที่ติ ทั้งสวยสง่าทั้งน่ารักมีเสน่ห์ ทั้งยังบังเอิญเป็นแบบที่เขาชอบพอดี หากเป็นเวลาปกติ เขาคงตื่นเต้นหวั่นไหวจนต้องชูกำปั้นกู่ร้องว่า : ‘น่าร้ากก!’ ไปแล้ว
ทว่ายามนี้ ใบหน้าแสนน่ารักนั้นดันมาปรากฏอยู่บนหน้าของตัวเอง……
กระจกในมือซูเจี๋ยนค่อยๆ ร่วงหล่น
เมื่อเห็นสีหน้าแข็งทื่อและดวงตาที่เหม่อลอยราวกับไร้วิญญาณของซูเจี๋ยน พยาบาลจึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ : “คุณผู้หญิงอันคะ คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ซูเจี๋ยนค่อยๆ หันไปมองเธออย่างเชื่องช้า เค้นเสียงถามออกมาทีละคำ : “ฉัน-เป็น-ใคร”
คุณพยาบาลยิ่งมีสีหน้าเป็นกังวลหนักกว่าเดิม : “คุณ…..ก็คือคุณผู้หญิงอันไงคะ คุณประสบอุบัติเหตุรถยนต์ กระดูกขาซ้ายหัก แต่คุณไม่ต้องกังวลนะคะ คุณผ่านการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ แค่ต้องคอยระวังหน่อยเท่านั้น อีกไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิมแล้วล่ะ ไม่มีอาการบาดเจ็บเรื้อรังตกค้างอยู่แน่นอน”
“ฉัน…. แซ่….อัน? งั้นเหรอ” ซูเจี๋ยนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
พยาบาลคนนั้นอึ้งงันไป แม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ยังคงอธิบายต่ออย่างอดทน : “คุณไม่ได้แซ่อันค่ะ นี่เป็นแซ่ของสามีคุณ…..”
ได้ยินคำว่า ‘สามี’ สองพยางค์นี้ ซูเจี๋ยนถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมาครั้งหนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้
“งั้น…. ฉันชื่อว่าอะไร?”
คุณพยาบาลคนนั้นเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างได้อย่างชัดแจ้ง : “คุณแซ่ซู มีชื่อเรียกว่าซูเจี๋ยนค่ะ…. คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ?”
ไม่สบาย? นี่มันไม่ใช่แค่ไม่สบายแล้ว! ป๊ะป๋าคนนี้รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวใจแทบตายแล้วนะ! ป๊ะป๋าคนนี้เป็นผู้ชายอกสามศอกทั้งแข็งแรงทั้งสูงใหญ่ แม่แกเถอะ จู่ๆ ก็มีสามีก็โผล่ขึ้นมา มันใช่เหรอ!
ซูเจี๋ยนพยายามควบคุมตัวเองอย่างหนัก ฝืนเค้นรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ออกมาได้ครั้งหนึ่ง : “ฉันดูเหมือนจะ…..จำอะไรไม่ได้เลย……”
คุณพยาบาลแลดูจะตื่นตกใจอยู่บ้าง รีบเอ่ยออกมารัวเร็ว : “คุณอย่าเพิ่งกังวลนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปตามคุณหมอมาให้”
ซูเจี๋ยนได้แต่คิดอย่างขมขื่นรันทด เรียกหมอมาแล้วจะช่วยอะไรได้ไม่ทราบ? หมอช่วยรักษาแขนได้ รักษาขาก็ได้ แต่หมอจะรักษาอาการของเขาที่ตื่นขึ้นมาในร่างของหญิงสาวบอบบางแบบนี้ได้อย่างไร? เรื่องแบบนี้มีแต่เทพมีแต่องค์พุทธเจ้าที่จัดการได้ไม่ใช่รึไง?
เหม่อมองส่งพยาบาลคนนั้นซอยเท้าถี่ๆ ออกไปจากประตูแล้ว ซูเจี๋ยนก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอย่างเงียบงันไร้วาจาจะกล่าว เรื่องนี้น่าหวาดหวั่นขวัญผวาจนเกินไปแล้ว เขาต้องการเวลาย่อยสลาย ย่อยสลายเรื่องราวสักพัก….
“มีเรื่องอะไร”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงทุ้มลึกของผู้ชายดังขึ้นที่หน้าประตู
“อ๊ะ คุณผู้ชายอันมาพอดี! คุณผู้หญิงอันเพิ่งพูดออกมาว่า ดูเหมือนเธอจะจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ” พยาบาลคนนั้นอธิบาย
คุณผู้ชายอัน? ซูเจี๋ยนตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง รีบเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อครู่พยาบาลคนนั้นเพิ่งจะกล่าวว่าเขามี ‘สามี’ แซ่อัน งั้นก็ไม่ใช่หมายความว่า ผู้มาเยือนคนนี้เป็น ‘สัมมี’ [2] ของร่างกายอันวิปริตของเขาตอนนี้หรอกเหรอ?
ชายหนุ่มคนนั้นเดินก้าวผ่านประตูเข้ามาแล้ว หลังจากได้ฟังคำบอกของพยาบาล คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันแน่น จากนั้นจึงปรายตาหันมามองซูเจี๋ยน เป็นจังหวะเดียวกับที่ซูเจี๋ยนเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพอดี
ซูเจี๋ยนเบิกตาโพลง สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปเฮือกใหญ่!
เงาร่างที่ก้าวเข้ามานั้น เป็นชายหนุ่มจำพวกที่หากถูกจัดอยู่ในกลุ่มโฮสชายชั้นเลิศก็จะต้องถูกหญิงสาวพุ่งเข้าใส่ทันทีที่ได้พบเห็นอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ตัวเขาเองจะเป็นพวกขี้แพ้ แหยกับทุกเรื่องอยู่ร่ำไป แต่สำหรับกับพวกเพศชายสูงหล่อรวยประเภทนี้ ซูเจี๋ยนมักจะเกลียดชังหมิ่นแคลนเป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาตื่นตระหนกตกใจเสียจนรู้สึกเหมือนไข่แตกอยู่ตอนนี้ ฮึก ฮือ ขอแก้ใหม่ เขาก็แค่ตื่นตระหนกเสียจนเกิดความรู้สึกหลอนไปเองว่ากำลังเจ็บ ‘ขาที่สาม’ ในจินตนาการอยู่ต่างหาก
ดวงตาทั้งสองข้างของซูเจี๋ยนเบิกกว้างเสียจนแทบเหมือนลูกลำไย ในใจมีสายฟ้าฟาดโหมกระหน่ำ ขบวนตัวอักษร ‘เช*ดแม่’ ที่เพิ่งวิ่งควบผ่านทุ่งหญ้าโคลนเลนไปเมื่อครู่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นโขลงสัตว์อสูรดุร้ายเดือดดาลที่วิ่งโถมกันเข้ามามืดฟ้ามัวดินถึงขั้นปิดสวรรค์สะเทือนปฐพี นำพาความแตกตื่นขุ่นแค้นและสิ้นหวังในใจของเขาลงไปถึงกระเพาะปัสสาวะ!
บัดโซ๊บบบ! ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่าเรื่องแม่ๆ ทั้งหมดนี่มันเป็นเพียงแค่ความฝัน! เหยดแม่! ตื่นมากลายเป็นผู้หญิงก็น่าขนลุกพออยู่แล้ว ทำไม ทำไมยังต้องมาเป็นผู้หญิงที่มีสามีเป็นเจ้าหมอนี่ด้วย?! เจ้านี่มันเป็นปีศาจร้ายตัวฉกาจ เป็นศัตรูหัวใจตลอดกาลของเขาซูเจี๋ยนคนนี้ ไอ้เจ้า ‘อันอี่เจ๋อ’!
————————-
เชิงอรรถ
[2] คำนี้ต้นฉบับใช้ 老公 (lǎogōng) ซึ่งพ้องรูปและออกเสียงคล้ายกับ 老公 (lǎogong)ที่สามารถใช้เรียก ‘ขันที’ ได้ด้วย
แฟนเพจ ‘Akanirawan’ https://bit.ly/3gBu94T
นิยายเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
← ตอนก่อน