ตอนที่ 777 เงียบสงบ

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 777 เงียบสงบ

การระเบิดของเมืองซินโจวยังคงดังติดต่อกันไปอีกหลายสิบลมหายใจ !

มันเริ่มต้นจากจวนแม่ทัพใหญ่ จากนั้นก็ระเบิดไปทั่วถนนแต่ละสายของเมืองซินโจว

เป็นเหตุให้ทั้งเมืองซินโจวกลายเป็นทะเลเพลิง และทำให้แม่ทัพใหญ่ท่าป๋าเจียนที่ยืนอยู่ด้านนอกเมืองซินโจวมีโทสะขึ้นมา !

กองทัพดาบสวรรค์จำนวน 100,000 นายอยู่ภายในเมืองซินโจวแห่งนั้น !

กองทัพชายแดนเหนือแห่งราชวงศ์หยูสมควรตาย คาดมิถึงว่าพวกมันจะใช้วิธีนี้มาฝังกลบชาวฮวง !

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา

เพราะนี่คือสงคราม และแน่นอนว่าในสงครามจะใช้วิธีการใดก็ได้เพื่อคร่าชีวิตศัตรู

นี่คือด่านที่เคยสกัดกั้นชาวฮวงมิให้ลงมาทางใต้หลายครั้งหลายครา บัดนี้ได้กลายเป็นซากปรักหักพังของเมืองที่แตกสลายไปเสียแล้ว ภายในนั้นมีทหารกองทัพชายแดนเหนือตายไปเท่าใด ? มีชาวหยูเสียชีวิตไปแล้วกี่ราย ?

เมื่อหิมะโหมกระหน่ำลงมา ฝุ่นและควันก็ได้จางหายไป เขาจึงนำกองทัพดาบสวรรค์ที่เหลืออยู่ 270,000 นายเข้าไปในซากปรักหักพังนี้

เปลวเพลิงยังคงโหมกระหน่ำ มีกลิ่นของเนื้อย่างลอยอบอวลไปทั่วทั้งเมือง

ท่าป๋าเจียนยืนอยู่เบื้องหน้าทะเลเพลิง ตกตะลึงงันเสียจนเหม่อลอย

ชาวฮวงชื่นชอบเนื้อย่างจนถึงขั้นมีเนื้อย่างเป็นมื้ออาหารหลัก ทว่าตอนนี้…เขาที่รู้สึกหิวเป็นอย่างมาก กลับมิมีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย

รู้สึกอยากอาเจียนออกมาเสียด้วยซ้ำ !

นี่คือกลิ่นของเนื้อย่างเยี่ยงนั้นหรือ ?

เหตุใดจึงฉุนจมูกถึงเพียงนี้ ?

เขามองไปเบื้องหน้าในระยะสายตา ทั้งหมดล้วนเป็นร่างกายของมนุษย์รวมถึงอวัยวะที่หลุดออกมาจากร่าง

มิทราบว่าร่างนี้คือผู้ใด บางทีอาจจะเป็นทหารนายหนึ่งของตนหรือทหารจากกองทัพชายแดนเหนือที่ต่อสู้อยู่เมื่อครู่ และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเป็นชาวบ้านสักคนในเมืองซินโจว

“ค้นหา…ผู้รอดชีวิต จากนั้นก็ลงมือสังหารให้หมด… เผาให้ราบ ! ”

เขาออกคำสั่งด้วยท่าทีสงบ น้ำเสียงไร้ความรู้สึกใด ๆ สงบยิ่งกว่าตอนที่ฆ่าวัวฆ่าแกะเสียอีก

หนึ่งชั่วยามให้หลัง แม่ทัพสามนายที่อยู่ภายใต้บัญชาของเขาก็ได้เข้ามารายงานว่า… มิพบชาวหยูที่รอดชีวิตในเมืองซินโจวเลยสักคน

“หนีไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ว่ากันว่ามีชาวบ้านหนีไปแล้วห้าแสนกว่าคน โดยมุ่งตรงไปทางภูเขาผิงหลิงขอรับ”

“แล้วกองทัพดาบสวรรค์ที่หนึ่งเล่า ? มีผู้ใดหาท่าป๋าหลานพบบ้าง ? ”

“…เรียนท่านแม่ทัพ กองทัพดาบสวรรค์ที่หนึ่งเหลืออยู่เพียงสองหมื่นกว่านายเท่านั้น ทว่ามีทหารเพียง 6,000 นายเท่านั้นที่ยังสามารถรบได้อยู่ ส่วนท่าป๋าหลาน…เสียชีวิตระหว่างรบขอรับ ! ”

ท่าป๋าเจียนหลับตาลงช้า ๆ หัวใจของเขากำลังหลั่งโลหิต !

กองทัพดาบสวรรค์ 400,000 นายถือเป็นทหารที่ดีที่สุดของชาวฮวง !

พวกเขาได้ฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาเกือบ 1 ปี คู่ต่อสู้ของพวกเขาควรจะเป็นทหารดาบเทวะ !

คาดมิถึงว่าในสถานที่เยี่ยงนี้ ในช่วงเวลาสุดท้ายตนจะเป็นฝ่ายส่งทหารเข้าปากของศัตรู อีกทั้งยังถูกกลืนกินไปถึง 90,000 นายในคราเดียว !

เผิงเฉิงอู่ แม่ทัพใหญ่เผิง เปี่ยมไปด้วยอุบาย !

“ท่าป๋าเสวี่ยเฟิงจงรับคำสั่ง ! ”

“เชิญท่านแม่ทัพใหญ่บัญชา ! ” ผู้บัญชาการกองทัพดาบสวรรค์ที่สอง ท่าป๋าเสวี่ยเฟิงกุมมือรับคำสั่ง

“ขอสั่งให้นำกองทัพดาบสวรรค์ที่สองจำนวน 60,000 นายไล่โจมตีชาวหยู… มิให้เหลือผู้รอดชีวิตแม้แต่ผู้เดียว ! ”

“ข้าน้อยรับคำสั่งขอรับ… ! ”

ท่าป๋าเสวี่ยเฟิงหันหลังจากไป เพียงไม่นานคบเพลิงก็ถูกจุดขึ้นและท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปรายได้ปรากฏทหารม้า 60,000 นายออกเดินทางจากทะเลเพลิง มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ท่าป๋าเจียนยังคงยืนอยู่เงียบ ๆ หน้ากองเพลิง แสงไฟสีแดงสะท้อนใบหน้าที่มืดครึ้มของเขา… เผิงเฉิงอู่ไปที่ใดกัน ?

กองทัพชายแดนเหนือมีทหารมากถึง 300,000 นายที่ประจำการอยู่ที่เมืองซินโจว แต่เมื่อครู่มีมิถึง 100,000 นายได้เข่นฆ่าโรมรันกับชาวฮวงอย่างน่าเวทนา แล้วทหารอีก 200,000 นายที่เหลือเดินทางไปที่ใดแล้วเล่า ?

หรือว่า… ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมา

หรือว่าเผิงเฉิงอู่จะวนกลับไปที่ด่านภูเขาเยี่ยน แล้วเข้าไปยังผืนปฐพีของแคว้นฮวงเยี่ยงนั้นหรือ ?

ทหารดาบเทวะราว 40,000 นายกำลังรุกรานไปทั่วทั้งสี่ทิศของแคว้นฮวง เผิงเฉิงอู่ยอมปล่อยซินโจวเพื่อไปรวมตัวกับทหารดาบเทวะที่แคว้นฮวงเยี่ยงนั้นหรือ ?

กองทัพดาบสวรรค์เดินทางลงใต้ บัดนี้ทหารของแคว้นฮวงมีเพียงราชองครักษ์หลวงจากฮวงถิง 200,000 นาย ทหารม้า 50,000 นาย รวมกับทหารจากกองป้องกันเมืองแปดทิศ…600,000 นาย แน่นอนว่าด้วยทหารดาบเทวะจำนวน 30,000 – 40,000 นายและกองทัพใหญ่ 200,000 นายของเผิงเฉิงอู่ ก็เกรงว่าแม้แต่กองป้องกันเมืองแปดทิศก็ยากที่พวกมันจะบุกทะลวงเข้าไปได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น ท่าป๋าเจียนก็เบาใจลง

“กำชับเหล่าทหารดาบสวรรค์ว่าให้ตั้งค่าย และจัดระเบียบกองทัพให้เรียบร้อยภายในหนึ่งคืนนี้ รอจนกองที่สองกลับมา… จะเคลื่อนทัพลงใต้ทันที ! ”

……

……

กองพลอิสระของฟู่เสี่ยวกวนกำลังเดินทางท่ามกลางความมืด

พวกเขามิได้เดินเร็วและด้านหน้าของพวกเขาคือแนวหลังของชาวบ้านหลายแสนคนที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง

ซูม่อหันมามองฟู่เสี่ยวกวน ริมฝีปากพลันยกยิ้มขึ้นมา เพราะสุดท้ายแล้วศิษย์น้องเล็กผู้นี้ก็มิได้ใจไม้ไส้ระกำแต่อย่างใด

เมื่อครู่หน่วยสอดแนมเข้ามารายงานว่ากองทัพดาบสวรรค์อย่างน้อย 60,000 นายกำลังควบอาชาตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วของทหารม้าชาวฮวงอีกครึ่งชั่วยามพวกมันตามมาทันเป็นแน่

“รออยู่ที่นี่เถิด”

ฟู่เสี่ยวกวนกระตุกบังเหียนของม้าศึก ขบวนจึงหยุดลงทันที

ที่นี่คือร่องน้ำระหว่างภูเขา สองฟากคือภูเขาที่มิค่อยสูงเท่าใดนัก บนเขาคือป่าสนที่หนาแน่นมิเอื้ออำนวยต่อการบุกของทหารม้า ทว่าเอื้อประโยชน์ต่อการยิงปืนคาบศิลาของทหารดาบเทวะยิ่ง

“อย่าฝังระเบิดมากจนเกินไป ข้ากลัวว่าจะทำให้พวกมันกลัวจนหนีไปเสียก่อน”

“แต่ละคนจงไปซ่อนตัว รอให้ชาวฮวงย่างกรายเข้ามาในป่า… ก็ยิงได้ตามใจนึก ! ”

เขาออกคำสั่ง จากนั้นกองพลอิสระ 5,000 นายก็หายเข้าไปในป่าทันพลัน ส่วนตัวเขาและซูม่อก็ได้ทะยานขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อรอการมาถึงของกองทัพดาบสวรรค์อย่างสงบนิ่ง

“หลังจากกวาดล้างทัพศัตรูนี้ได้ ขบวนจะมุ่งหน้าสู่เมืองเป่ยเฟิงภูเขาผิงหลิง”

ซูม่อชะงัก “จะรบกับเผิงเฉิงอู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนส่ายศีรษะ “เมื่อเผิงเฉิงอู่ค้นหาทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งในเป่ยเฟิงมิสำเร็จ เขาจะมุ่งหน้าไปยังแคว้นฮวง ส่วนเป้าหมายของพวกเรามิใช่เผิงเฉิงอู่”

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้บอกว่าเป้าหมายของกองพลอิสระอยู่ที่ใดและซูม่อก็มิได้เอ่ยถาม “หากชาวฮวงที่ตั้งมั่นอยู่ด้านนอกเมืองซินโจวมุ่งไปทางใต้ จะทำเยี่ยงไร ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน เพราะเขาเองก็มิอาจตัดสินใจในปัญหานี้ได้

หากปล่อยให้กองทัพดาบสวรรค์ลงไปทางใต้ ราษฎรตลอดทั้งเส้นทางคงได้เผชิญกับความทุกข์เป็นแน่

แต่หากจงใจล่อให้กองทัพดาบสวรรค์ไล่ตามมา สำหรับกองพลอิสระของดาบเทวะ ถือเป็นการเผชิญกับอันตรายคราใหญ่

ห้าพันต่อสองถึงสามแสนนาย อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็มีปืนคาบศิลาด้วยเช่นกัน ต่อให้วรยุทธ์ของทหารดาบเทวะทั้งห้าพันนายจะสูงเพียงใด สุดท้ายก็แพ้กระสุนปืน !

นี่คือทางเลือกแสนยุ่งเหยิงซึ่งอยู่นอกเหนือจากแผนการรบในครานี้

เขาคาดมิถึงว่าฮ่องเต้จะตัดสินพระทัยได้ไร้เหตุผลเยี่ยงนี้ เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้ฮ่องเต้จะลงมือกับตนก็ควรจะลงมือหลังจากที่ได้รับชัยชนะในการรบกับชาวฮวงเสียก่อน

ทว่าอีกฝ่ายกลับเลือกลงมือในช่วงแรกของสงคราม หรือฮ่องเต้คิดจริง ๆ ว่ากองทัพชายแดนเหนือของเผิงเฉิงอู่จำนวนสองแสนกว่านายจะสามารถปราบปรามข้าผู้นี้ได้ ?

คิดอันใดอยู่กันแน่ ?

หากข้าปล่อยให้ชาวฮวงลงไปทางใต้ ก็เกรงว่าพวกมันจะสามารถยึดครองไปตลอดทางจนถึงแม่น้ำแยงซีฝั่งเหนือได้

เป็นการยากที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพดาบสวรรค์สองถึงสามแสนนายนี้ ฟู่เสี่ยวกวนย่อมมิยินยอม ดังนั้นการลงมือในครานี้จึงมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ฮวงถิง !

รุกรานฮวงถิง โจมตีพระราชวังป๋ายจินฮ่าน ดังนั้นต้องกำจัดทหารองครักษ์หลวงจำนวน 200,000 นายและทหารแห่งกองป้องกันเมืองแปดทิศออกไปทั้งหมด… มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ท่าป๋าเฟิงออกคำสั่งให้กองทัพดาบสวรรค์หันทัพกลับ

แผนการรบรูปแบบใหม่ในหัวของฟู่เสี่ยวกวนค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นมา เขาถอนหายใจยาวเพราะตระหนักได้แล้วว่า ผู้มีเมตตามิควรควบคุมกองทัพ แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผลมากเสียทีเดียว

ในยามที่ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดจนคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น กองทัพดาบสวรรค์ที่สองก็ได้ควบอาชาโผทะยานมาถึง จากนั้นก็บังเกิดเสียงดัง ‘ตู้ม… ! ’ ขึ้นมา

พวกมันก้าวเข้ามาในเขตกับระเบิด หลังจากนั้นก็เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ม้าศึกจำนวนนับมิถ้วนตื่นตระหนก ทหารม้านับพันตกจากหลังม้าและได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด

ระหว่างคิ้วของฟู่เสี่ยวกวนกลับต้องขมวดแน่นขึ้นอีก เพราะเดิมทีเขามิได้สนใจสนามรบนี้เลย แต่บัดนี้กลับรู้สึกเหมือนว่าตนเองได้พลาดบางสิ่งบางอย่างไป…