หินเวทย์งอก

หลังจากนั้น2วันโจวเหวินก็ดึงตัวเบม่อนกลับและฉางเสี่ยวก็ไม่มายุ่งกับเขาอีกเลย

ตอนที่เบม่อนหายไปนั้น ฉางเสี่ยวรู้สึกโล่งใจมาก เพราะถ้าเขาต้องเลี้ยงมันไปอีกเดือนนึงละก็เขาจะต้องหมดตัวแน่ๆ

โจวเหวินเองก็ยังรอคอยหลิวหยุน แต่ก่อนที่หลิวหยุนจะมา ฉางชุนชิวก็รีบมาหาก่อน

“โจวเหวิน ที่ที่สุสานมารเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ขอยืมเบม่อนมาใช้อีกรอบหน่อยได้ไหม”ฉางชุนชิวทำหน้าจริงจัง เหมือนกับว่ามีเรื่องขอขาดบาดตายเกิดขึ้น”

“เกิดอะไรขึ้น” เพราะว่าท่าทางเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โจวเหวินเลยตั้งใจจะถามก่อนว่าการเอาเบม่อนไปนั้นมันเสี่ยงไหม

“หินเวทย์มนตร์ที่ถูกเบม่อนกินไปนั้น จู่ๆมันก็งอกออกมาใหม่อีกแล้ว แถมมันยังงอกออกมาเร็วมากๆด้วย ฉันขอยืมเบม่อนอีกรอบได้ไหม”ฉางชุนชิว

“ถ้าฉันไปด้วยจะโอเคไหมอะ”โจวเหวินถาม

“แน่นอนซิ มากับฉันเลย”ฉางชุนชิวไม่ได้พูดอะไรมาก เขาพาโจวเหวินเดินไปทันที

ระหว่างออกไปจากตำหนักนั้น ฉางชุนชิวก็อัญเชิญกระเทียนออกมาแล้วพาโจวเหวินขึ้นขี่

ตอนแรกโจวเหวินคิดว่าทัศนียภาพรอบๆภูเขาหลงหูนั้นจะเป็นเหมือนสวรรค์บนดินทั้งหมด แต่แท้จริงแล้วพอไปถึงสุสานมารเท่านั้นแหล่ะ เขาก็รู้เลยว่าเขาคิดผิด

มันเป็นสถานที่ๆไม่น่ารื่นรมเลย ดอกไม้ที่เคยขึ้นอยู่ทุกที่ เหี่ยวเฉาและไม่สามารถขึ้นได้อีก ในตอนเช้าแดดส่องลงมาโดยตรงจนทำให้ดินแห้งและแตก โจวเหวินเห็นหลุมศพขนาดเล็กๆ มีไม่เยอะ แต่ถ้าฉางชุนชิวบอกว่าที่นี้เป็นสุสารมารละก็ หลุมศพที่ไม่มีป้ายหลุมศพแบบนั้น น่าจะมีประวัติอันยาวนานแน่ๆ

แต่สิ่งที่แปลกของหลุมศพพวกนี้ก็คือวัสดุที่ใช้ทำ หลุมศพของคนปรกตินั้นจะใช้วิธีการฝังดินหรือปั้นดิน ถ้าดีๆหน่อยก็จะก่อเป็นอิฐหรือปูนหิน ดีแบบดีสุดๆนั้นก็จะใช้หินหยกและโลหะ

ถึงแม้ว่าโครงสร้างของหลุมศพจะเป็นหิน แต่มันไม่ใช่หินที่แกะสลัก แต่เหมือนกับว่ามันแป็นหินที่เป็นแบบนี้มาโดยธรรมชาติ

มีหินขนาดใหญ่ที่เหมือนจะปล่อยปราณมารออกมา พร้อมกับหินที่อยู่ใกล้ๆ มีรูปแบบคล้ายๆกัน ก่อตัวกันขึ้นมาเป็นกำแพง และถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าอะไรบางอย่าง

แต่ละสุสานนั้นจะมีแท่นหินบูชาอะไรซักอย่างซึ่ง ตระกูลฉางแต่ละคนจะไปนั่งที่นั้นแล้วสังเกตการณ์สุสานมารจากมุมต่างๆ

ฉางชุนชิวพาโจวเหวินลงมาจอดที่เท่นหินหนึ่งแล้วชี้ไปที่หินเวทมนตร์ที่ส่องแสงอยู่ข้างๆกับเขา “เอาเลยให้เบม่อนกินหินเวทมนตร์พวกนั้นเลย”

“ได้เลย” เบม่อนถูกอัญเชิญออกมาแล้วให้มันกินพวกหินเวทมนตร์สีขาวเทาพวกนั้น

“เอาละ ทีนี้ก็รอดูผล ถ้านายพอมีเวลา ช่วยอยู่รอดูตรงนี้ก่อนจะได้ไหม หรือถ้าไม่ว่าฉันจะได้ส่งคนพานายกลับก่อนก็ได้นะ”ฉางชุนชิวพูด

“ไม่เป็นไรหรอกวันนี้ฉันว่าง เดี๋ยวรอดูเลย”โจวเหวินเองก็อยากเห็นเหมมือนกันว่าสุสานมารที่แอบซ่อนอยู่ในตระกูลฉางมาเนิ่นนานนั้นคืออะไรกันแน่ๆ

“อยู่ก็ได้แหล่ะ แต่จำไว้ว่าห้ามออกจากแท่นตรงนี้ไปเด็ดขาดนะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน”ฉางชุนชิวย้ำเตือน

ซึ่งปรกติโจวเหวินเป็นคนที่หวงชีวิตตัวเองอยู่แล้ว เขาไม่คิดจะทำอะไรสุ่มเสี่ยงแน่ๆ

หินเวทมนตร์เองก็ดูเหมือนจะยังไม่งอกขึ้นมาในเร็วๆนี้ หลังจากที่เบม่อนกินไปครั้งล่าสุด มันก็ต้องใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะงอกขึ้นมาใหม่

โจวเหวินเลยไม่ได้จ้องไปที่จุดที่กินตลอดเวลา แต่เขาแค่สังเกตมองไปรอบๆเท่านั้น เขาพยายามจะหารูปสลักรูปมือที่อยู่แถวๆนี้ เต่แล้วดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้นมา

ด้านหลังหลุมศพนั้นเอง โจวเหวินเห็นรูปสลักรูปมืออยู่ด้วย มันเป็นรูปสลักที่แกะสลักบนหิน อาจจะเพราะว่าหินมันไม่ได้เรียบอยู่แล้วทำให้ลวดลายมันเหมือนเป็นธรรมชาติมาก แต่เพราะว่าโจวเหวินเคยเห็นรูปสลักพวกนี้บ่อยมากแล้วทำให้เขาไม่พลาดแน่นอน

แต่โจวเหวินก็ติดปัญหาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นรูปสลักรูปมือแต่ฉางชุนชิวย้ำนักย้ำหนากับเขาไปแล้วว่าห้ามออกจากแท่นนี้ แล้วเขาจะเดินไปถ่ายรูปได้ยังไงกัน

ยิ่งกว่านั้น ที่นี้ยังมีคนของตระกูลฉางอยู่เต็มไปหมด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเนียนไปถ่ายรูปได้

“แล้วจะไปถ่ายยังดีละ”โจวเหวินคิดแล้วคิดอีกแต่ก็ยังคิดหาทางดีๆไม่ได้ แต่ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีคนตะโกนขึ้นมา “มันงอก มันงอกออกมาแล้ว!!”

โจวเหวินตกใจมากแล้วรีบหันไปดู หินเวทมนตร์ที่พึ่งโดนเบม่อนกินไปนั้นตอนนี้มันงอกกลับมาอยู่ที่พื้นอีกครั้ง หินเวทมนตร์มันงอกเหมือนเห็ดที่งอกด้วยความเร็วสูงมากๆ จนสามารถเห็นมันโตได้ด้วยตาเปล่า

“เวลาในการงอกของมันน้อยลงอีกแล้ว แค่ครึ่งชั่วโมงก็งอกขึ้นมาใหม่ได้”คนของตระกูลฉางพูด

“เคยเกิดแบบนี้มาก่อนเหรอ”โจวเหวินถามคนของตระกูลฉางที่คอยดูแลที่นานมานานหลายปี

แต่ฉางชุนชิวกลับส่ายหัว แล้วพูด “เดิมทีอัตราการผุดขึ้นมาใหม่ของหินเวทมนตร์นั้นช้ามากๆ แต่หลังจากพายุมิติ มันก็ผุดเร็วขึ้นมากๆ โดยเฉพาะช่วงเดือนที่ผ่านมา มันแร็วกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก แถมยังแพร่กระจายได้ไวเป็นดอกเห็ดด้วย เมื่อก่อนหินเวทมนตร์นั้นมันแพร่กระจายอยู่แค่รอบๆบริเวณสุสานนี้แค่ไม่กี่เมตร แต่ตอนนี้แค่ไม่กี่เดือนผ่านมา มันน่าจะกว้างมากกว่า100เมตรแล้ว

“จะว่าไปแล้วก่อน ก่อนหน้านี้พวกนายเคยจัดการกับหินเวทมนตร์มาก่อนไม่ใช่เหรอ”โจวเหวินไม่ค่อยอยากจะชื่อ

“ก็ใช่แหล่ะ แต่ตอนนั้นเราแค่ตั้งใจจะเอาตัวอย่างหินเวทมนตร์กลับมาวิจัยเฉยๆไมได้เป็นการทำลายในวงกว้างขนาดนี้ สถานการณ์แบบนี้ไม่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย แบบที่ทำลายมันไปแล้วแต่มันก็ยังงอกขึ้นมาใหม่ ปรกติแล้วมันจะค่อยๆงอกอย่างช้าๆแต่นี้มันเร็วมากๆเลย”ฉางชุนชิวพูด

“นั้นอะไรหน่ะ” ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีคนชี้ไปที่หินที่พึ่งงอกขึ้นมา

โจวเหวินกับฉางชุนชิวก็มองไปทางนั้นแล้วเห็นว่าบนหินเวทย์มนตร์นั้นมีใบหน้าของคนสลักเอาไว้บนหิน ลวดลายบนหินก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมมากๆ

“มันเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นรึเปล่า”โจวเหวินถามฉางชุนชิวอีกรอบ

แต่ฉางชุนชิวไม่ตอบแล้วเอาแต่มองหินนั้น ก่อนจะสั่งการ “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”

ทุกคนๆต่างทำหน้าตึงแครียด เหมือนกับว่าทุกคนในตระกูลฉางรู้ความน่ากลัวของสุสานมารดี มีแค่โจวเหวินคนเดียวที่ยังงงๆอยู่ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วมันน่ากลัวยังไง