สีหน้าหานจุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นพูดว่า “หมีบื้ออย่างนายนี่ข่าวเร็วจริงๆ ช่างเถอะ ไม่หลอกนายแล้ว เดี๋ยวนายจะพูดลับหลังว่าฉันรังแกเด็ก นายเอาเพื่อนเลวๆ คนไหนกลับมาอีกล่ะ”

หมีบื้อชี้ลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน น้องลู่ฝาน เขาเป็นศิษย์น้องของหานเฟิง”

เมื่อหานจุนได้ยินชื่อหานเฟิง ตอนแรกเขาอึ้งไป จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ไอ้เจ้าหานเฟิงมีศิษย์น้องด้วยเหรอ ลู่ฝาน ชื่อนี้คุ้นหูนิดหน่อย ฉันคิดออกแล้ว สองวันนี้ด้านนอกคุยกันว่า มีนักกระบี่แห่งตงหวาชื่อลู่ฝานเข้ามาในเมือง คือนายเหรอ”

ลู่ฝานคารวะแล้วพูดว่า “พบท่านผู้อาวุโสรอง ผมลู่ฝานเขตตงหวา นี่เป็นพ่อบ้านของผม ชื่อสิบสามครับ”

หานจุนหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “เป็นนายจริงด้วย ชื่อเสียงของนายไม่เบาเลย เข้าเมืองมาก็มีชื่อเสียงแล้ว นายรู้ไหมว่ามีพวกนักบู๊น่าเบื่อข้างนอกตั้งเท่าไร อยากใช้ชื่อเสียงของนาย”

ลู่ฝานอึ้งไปแล้วพูดว่า “ไม่รู้จริงๆ ครับ”

หานจุนพูดว่า “ดูเหมือนนายก็เป็นคนที่มุทะลุนะ ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเพื่อนหานสง อีกทั้งยังรู้จักหานเฟิงด้วย พักที่ตระกูลหานก่อนสิ ไม่มีอะไรอื่น แต่มีการต้อนรับอย่างดี สถานที่ใหญ่ ลานบ้านเยอะ สาวงามมากมาย เนื้อเยอะแยะ เลือกได้ตามสบาย!”

คำพูดของหานจุน เกือบทำให้ลู่ฝานสำลักจนไอออกมา

การที่ลูกหลานตระกูลหานหน้าไม่อาย เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาทางสายเลือดจริงๆ

หานจุนพาลู่ฝานกับหานสงเดินไปด้านใน เหมือนอาวุธพวกนั้นมีตา หลีกทางให้ทั้งสามคนโดยอัตโนมัติ

เดินผ่านลานประลองบู๊ ก็เป็นลานประลองบู๊อีก หลังจากนั้นก็เป็นลานประลองบู๊อีก

ทั้งตระกูลหานเหมือนไม่มีอะไร นอกจากลานประลองบู๊

กว่าจะเดินออกจากลานประลองบู๊แห่งสุดท้ายได้ไม่ง่ายเลย สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตา คือภูเขาเล็กๆ ห้องต่างๆ สร้างบนภูเขา ตลอดทางขึ้นไปด้านบน เริ่มตั้งแต่เชิงเขามีห้องกระจัดกระจายไปหมด

เมื่อเดินถึงตรงนี้ ลู่ฝานเห็นสมาชิกในครอบครัวตระกูลหานสักที ผู้หญิงต่างๆ เดินผ่าน เช่น เผ่าจิ้งจอก เผ่าเงือก มนุษย์เผ่ามังกร เป็นต้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีทุกอย่าง หลายคนที่เดินผ่าน ส่งสายตาหวานให้หานสง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนรักเก่า!

ขึ้นมาบนเขา มีทางแยกเล็กๆ มากมาย ทางหินบลูสโตร มีกลิ่นอายเก่าแก่โบราณ

จู่ๆ ลู่ฝานรู้สึกว่าพลังฟ้าดินรอบๆ เพิ่มขึ้น เหมือนที่นี่เป็นแหล่งรวมพลังฟ้าดิน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

หานจุนชี้ห้องบนเขาแล้วพูดว่า “ลู่ฝาน ถ้าจะพักก็หาห้องที่ไม่มีคนอยู่ได้เลย ถ้าได้ยินเสียงนาฬิกาก็คือเวลากินข้าว จำไว่ว่าต้องออกมาตรงเวลา อย่าลืมกินข้าว”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “เข้าใจแล้วครับ ผู้อาวุโสรอง เจ้าบ้านไม่อยู่จริงเหรอครับ ศิษย์พี่หานเฟิงมีของบางอย่าง ให้ผมเอามาให้เขา”

หานจุนพูดว่า “เจ้าบ้านไม่อยู่จริงๆ คุณท่านก็เก็บตัวไปแล้ว ถ้านายจะทำธุระแทนหานเฟิง ไปหาพ่อของหานเฟิงสิ”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ก็ได้ครับ”

หานจุนชี้ห้องหนึ่งบนเขาแล้วพูดว่า “ห้องสีขาวทางนั้น นายไปสิ พ่อหานเฟิงนิสัยไม่ดี นายระวังคำพูดหน่อย”

ลู่ฝานคำนับ แล้วเดินขึ้นไปด้านบน

เดินขึ้นไปตามขั้นบันได ฝีเท้าของลู่ฝานเบาและรวดเร็ว

จนเดินมาถึงหน้าห้องสีขาว จู่ๆ มีชายหญิงพูดคุยยิ้มแย้มเดินสวนมา

ลู่ฝานมองแวบหนึ่ง แล้วชะงักฝีเท้าลงทันที

เขาไม่รู้จักผู้ชาย แต่ผู้หญิงคนนั้น เขาคุ้นตามาก

ลู่ฝานอึ้งอยู่ที่เดิม แล้วพูดออกมาว่า “อู่คงหลิง!”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ อู่คงหลิงที่ใส่ผ้าบางปิดหน้าหันมาทันที