ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 550 ฉวยโอกาสซ้ำเติมตอนเจ้าไม่พร้อม

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในหุบเหวลึก เสียงมังกรดังไม่ขาดหู มิได้มีอานุภาพยิ่งใหญ่อีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ดุร้าย

มังกรสีดำตาเดียวเก้าตัวหยุดอยู่กลางอากาศ กลืนกินชีวิตทั้งหมดนอกจากปราณความตายในเหวลึกอย่างต่อเนื่อง

ร่างมังกรขนาดมหึมาที่ใช้หน่วย ‘ลี้’ เป็นหน่วยวัด ในตอนนี้ยืดตัวขึ้นเป็นเส้นตรง ใช้หางมังกรลากบานประตูขนาดยักษ์เบื้องล่าง

มังกรเก้าตัวเปิดประตู ประตูใหญ่สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

แสงสว่างไม่ได้แยงตาอีก เพ่งตามองไป ประตูใหญ่บานนั้นทำจากกระดูกสีขาว ดูจากลักษณะแล้วทั้งหมดล้วนเป็นกระดูกมังกร

การดูดลมปราณชีวิตทำให้ประตูมังกรที่มีปราณความตายหนาหนักค่อยๆ เปิดออก คล้ายกับเกิดใหม่

แต่คิดจะเปิดประตูมังกรขนาดยักษ์นี้โดยสิ้นเชิง จำเป็นต้องอาศัยลมปราณชีวิตที่โชติช่วง

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่า ลมปราณชีวิตของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกำลังไหลออกไปอย่างต่อเนื่อง

ร่างกายของลิ่นเชียนเฉิงกลายเป็นเงามืดสีดำจางๆ สายหนึ่ง เมื่ออยู่ด้านในเหวลึกที่มีหมอกดำแผ่กระจายไปทั่ว จึงแทบจะสัมผัสไม่ได้

เสียงของเขาเหมือนกับดังขึ้นจากทั่วทุกมุม “ข้าเชื่อว่าจะต้องมีคนฉลาดมองออกว่า ที่ข้ามาทะเลรางเลือนเพราะจะหาที่อยู่ของสุสานมังกร

“แต่ว่าความฉลาดของเจ้าได้ส่งพวกเจ้ามายังจุดที่ข้าคาดหวังไว้ และจุดแรกสุดก็คือการช่วยข้าปิดสุสานมังกร”

ขณะที่พูด ลิ่นเชียนเฉิงกระตุ้นเคล็ดวิชามารเงาลวงของตนถึงขีดสุด หลบหลีกการจู่โจมของมังกรสีดำเก้าตัว

เยี่ยนจ้าวเกอรู้ดีแก่ใจว่า คำพูดของลิ่นเชียนเฉิงไม่ได้อาศัยลมปากเพื่อแสดงความพอใจชั่วขณะ แต่คิดกระตุ้นให้ตนโกรธ

ถ้าหากตนกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีอารมณ์ไม่มั่นคง แล้วคิดโจมตีเขา ย่อมถูกมังกรสีดำที่อยู่ในเหวลึกกลืนกินลมปราณชีวิตได้ง่ายกว่าเดิม เพิ่มความเร็วในการมุ่งสู่ความตาย

ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ ทว่าไม่พูดจา ให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสงบจิตใจ ใช้พลังทั้งหมดห้ามไม่ให้พลังชีวิตของตัวเองไหลออกด้านนอก

ส่วนตัวเขาก็ลอยไปทางเงาสีดำกลุ่มนั้นที่เกิดจากลิ่นเชียนเฉิง

ลิ่นเชียนเฉิงกล่าวอย่างราบเรียบ “ถ้าหากเจ้าหลอมร่างแยกของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สุดขอบโลกจวงคุนสำเร็จ อาจจะส่งผลคุกคามต่อข้าได้บ้าง

“ถึงในตอนนี้ร่างกายข้าจะอ่อนแอ ถึงแม้จะจะมีความมสามารถเต็มเปี่ยม แต่เจ้าคิดจะจัดการข้า นับว่ายังเร็วเกินไป”

เยี่ยนจ้าวเกอแค่หัวเราะอีกเสียง “ไม่ต้องมาไม้นี้ หากตอนนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้าลงมือโจมตีเจ้า ตัวมันย่อมรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ถูกพิธีเก้ามังกรกลืนฟ้าดูดซับจนแห้งเหือด”

ลิ่นเชียนเฉิงเอ่ยว่า “เจ้าเป็นคนหนุ่มที่ไม่ธรรมจริงๆ แต่แล้วอย่างไรเล่า?”

“หากเจ้าลงมือด้วยตัวเอง เจ้าจะถูกพิธีกลืนชีวิตเช่นกัน ตอนนี้ข้าเปลี่ยนเป็นเงานรก เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้”

“หลังจากเวลาผ่านไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้าจะกลายเป็นของเซ่น ช่วยข้าเปิดประตูมังกร

“เมื่อไร้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก หลังจากพิธีกรรมจบลง จะไม่ได้รับผลกระทบจากพิธีเก้ามังกรกลืนฟ้า ตัวเจ้าหนีข้าไม่รอดหรอก”

เสียงของลิ่นเชียนเฉิงทั้งราบเรียบทั้งมั่นใจ “ตั้งแต่เจ้าไล่ตามาข้าเข้ามาถึงที่นี่ ทั้งหมดก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว”

“แดนฝังกระดูกของมังกรลอดวารี นี่เป็นโชควาสนาที่ยิ่งใหญ่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่เป็นดินแดนที่ฝังร่างเผ่ามังกรไว้เท่าไร?”

“สิบตัว? ร้อยตัว? ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ไม่ได้มีแค่นั้น!”

“เชื่อข้าเถอะ การได้เจอเรื่องวิเศษเช่นการเปิดประตูมังกร เป็นความภาคภูมิใจที่สามารถคุยโวได้ตลอดชีวิตแล้ว”

“ถึงแม้เจ้าจะกำลังจะตายก็ตาม”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่กระวนกระวายไม่ขุ่นเคือง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มราบเรียบ “พวกเราช่วยเหลือซึ่งกันและกันเถอะ”

“ท่านคิดเชิญชวนให้ข้าลงมือ มองดูข้าทำตัวเอง แล้วตายไปเพราะพิธีเก้ามังกรกลืนฟ้าใช่หรือไม่?”

ชายหนุ่มมาถึงใกล้ๆ เงามืด ยกฝ่ามือของตน “เป็นตามที่ท่านหวัง ข้ามาแล้ว”

หลังจากเขาเคลื่อนที่ไปด้านหน้าและยกมือขึ้น พลังชีวิตของเขายิ่งมายิ่งปั่นป่วน ถูกมังกรสีดำตาเดียวเก้าตัวกลืนกินรวดเร็วมากขึ้น

ผิวของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มเปล่งแสงขึ้น จากนั้นก็มืดสลัวลง มีเค้าว่าจะแห้งเหี่ยว ผมสีดำสว่างเปลี่ยนเป็นแห้งกรัง

แต่ว่าสีหน้าของเขาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย หลังจากเขายกมือขวาขึ้นแล้ว ก็กำเป็นมุทราหมัด ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับหยุดในชั่วพริบตานั้น

ลิ่นเชียนเฉิงเกิดความรู้สึกอันตรายขึ้นในใจ

มุทราหมัดที่มือขวาของเยี่ยนจ้าวเกอพลิกจากบนลงล่าง เป้าหมายก็คือเงาร่างของลิ่นเชียนเฉิง!

ความรู้สึกอันตรายในใจของลิ่นเชียนเฉิงทวีความรุนแรงมากขึ้น

ตามปกติแล้ว มาตรว่าพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอจะเหนือกว่าจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน แต่ลิ่นเชียนเฉิงในตอนนี้ใช้เคล็ดวิชามารเงาลวงด้วยพลังทั้งหมดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่คิดจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ แต่คิดจะให้การเปลี่ยนแปลงดำเนินต่อไป เยี่ยนจ้าวเกอสมควรทำอะไรเขาไม่ได้

แต่ลิ่นเชียนเฉิงในตอนนี้กลับมีความรู้สึกภยันอันตรายมาถึง

ความรู้สึกนั้นเหมือนกับวันสิ้นโลกมาถึงตรงหน้า ทุกสรรพสิ่งมุ่งสู่จุดจบ ถูกทำลายหมดสิ้น

ฟ้าดินในสายตาของลิ่นเชียนเฉิงคล้ายกับกำลังพังทลายและพลิกกลับ ทุกสิ่งเปลี่ยนเป็นโกลาหล

ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับเปลี่ยนกลับ

เหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอมีอาคมหลายสายรวมตัวกัน กลายเป็นค่ายอาคมขนาดยักษ์ ขณะที่ค่ายกลหมุนวน ก็แสดงให้เห็นถึงจิตหมัดวรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอ

ลิ่นเชียนเฉิงมองไป จิตหมัดวรยุทธ์ให้กำเนิดโลกเงาแสงมายา แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเงาแสงนี้กำลังกลับตาลปัตร!

รอยตราพลิกนภา!

หมัดนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ใช้จิตไม่ใช้กำลัง สิ่งที่ใช้มิใช่พลังอันยิ่งใหญ่พลิกฟ้าดินของรอยตราพลิกนภา แต่เป็นแก่นสารการพลิกกลับทิศทาง ซึ่งเป็นความอัศจรรย์ในจิตพลังของตัวเอง

เคล็ดวิชามารเงาลวงของลิ่นเชียนเฉิงในตอนนี้ไม่ส่งผลคุกคามต่อภายนอกอีก เพียงแต่ใช้ระดับพลังของตนอย่างตั้งใจ เปลี่ยนแปลงความสามารถ เพื่อต่อต้านพิธีเก้ามังกรกลืนฟ้า

ในตอนนี้เมื่อถูกรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอก่อกวน เงาร่างที่เกิดจากลิ่นเชียนเฉิงก็พลันพร่าเลือน

ภายใต้การเปลี่ยนกลับสองขั้ว เงาร่างของลิ่นเชียนเฉิงถึงกับเริ่มเปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้น เปลี่ยนจากลวงกลายเป็นจริง!

ในเงามืด ใบหน้าของลิ่นเชียนเฉิงค่อยๆ ปราณกฎขึ้น แม้เขาจะใจเย็นมาโดยตลอด ในตอนนี้ยังตกใจหน้าถอดสี คิดถึงไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีวิธีทำลายเคล็ดวิชามารเงาลวงของเขาได้

เยี่ยนจ้าวเกอมองลิ่นเชียนเฉิงพลางยิ้ม “ท่านเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไม่ใช่เพราะจุดอ่อนของเคล็ดวิชามารเงาลวง ทำให้ตอนนี้ท่านอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ข้าคงไม่อาจลากท่านออกมาจากในความว่างเปล่าได้

“กระนั้น ท่านเลือกมาที่ทะเลรางเลือนในวันนี้ อย่าโทษว่าข้าอาศัยโอกาสซ้ำเติมท่านตอนท่านไม่พร้อม”

ลิ่นเชียนเฉิงพลันพบว่า ภายใต้ผลกระทบจากรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ เงาลวงร่างแปลงของตนไม่เพียงแต่ไม่ถูกจัดการ ยังค่อยๆ จับตัวกันกลายเป็นของแข็งขึ้นมาอีกครั้ง

ลมปราณชีวิตที่ช่วงชิงมากลายเป็นญาณจริงแท้ปราณมารแห่งความมืด สอดประสานกับปราณความตายในเหวลึกในตอนแรก

แต่ว่าในตอนนี้ถึงกับเปล่งประกายชีวิต

นี่ดึงดูดมังกรสีดำตาเดียวเก้าตัวนั้นยิ่งกว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

เป้าหมายหลักของพิธีกรรมเก้ามังกรกลืนฟ้าพลันเปลี่ยนจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอมายังร่างของลิ่นเชียนเฉิง!

ลิ่นเชียนเฉิงเดือดดาล กระตุ้นพลังขึ้นมา ฟาดฝ่ามือใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ต้องการกดดันรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอให้ถอยไป

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่หลบ สภาวะหมัดของรอยตราพลิกฟ้าไม่เปลี่ยนแปลง มืออีกข้างหนึ่งยกเตากลืนดินขึ้นมาบังด้านหน้า เพื่อแก้ไขหมัดมารของลิ่นเชียนเฉิง

ฝ่ายลิ่นเชียนเฉิงพลันรู้สึกหนักใจ การโจมตีของเขาในครั้งนี้ทำให้พลังของเขาปั่นป่วนมากขึ้น ถูกพิธีเก้ามังกรกลืนฟ้าดูดซับอย่างต่อเนื่อง

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มาเถอะ ปราชญ์ปีศาจ พวกเรามาร่วมสัมผัสเรื่องพิเศษด้วยตัวเองเถอะ!”