ตอนที่ 0

Orc Eiyuu Monogatari

Ch.0 – prologue

Translator : Alonenekochan / Author

   ครั้งหนึ่งในอดีตกาล มีสงครามใหญ่อุบัติขึ้น

 

เป็นมหาสงครามที่กินระยะเวลายาวนาน

 

โดยกินบริเวณไปทั่วทั้งเขตแดนของทวีปวาสโทเนีย สงครามยืดเยื้อที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร

 

จุดเริ่มของสงครามนั้น ก็มิอาจมีผู้ใดจดจำได้

 

ถ้าอิงจากคำที่เล่าขานอันเก่าแก่ของเหล่าเอลฟ์ บ้างก็กล่าวว่า เริ่มแรกเกิดจากองค์ชายของเหล่าปีศาจได้ลักพาตัวเจ้าหญิงประเทศหนึ่งของเหล่ามนุษย์ หากอ้างอิงจากคำเล่าขานของเหล่าคนแคระล่ะก็ บ้างก็กล่าวว่า เกิดจากราชาของเผ่ามนุษย์ได้ทำลายล้างหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเหล่าปีศาจ

 

แต่จากคำเล่าขานของทั้งคู่นั้น เรื่องที่มนุษย์และปีศาจเป็นต้นชนวนของสงครามเป็นเรื่องที่ไม่ผิดแน่ ผู้ที่ล่วงรู้ว่าใครเป็นฝ่ายผิด ก็มีชีวิตหลงเหลืออยู่แล้ว

สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้คือ สงครามครั้งนั้นกินระยะเวลาต่อเนื่องเกินกว่า 5000 ปีเท่านั้น?

เป็นสงครามที่ดึงผู้อยู่อาศัยทั้งหมด 12 เผ่าพันธุ์ในทวีปวาสโทเนีย เข้ามาพัวพัน

 

ไม่ว่าใคร ต่างก็คิดว่า สงครามครั้งนี้ย่อมเกิดขึ้นต่อไปตลอดไม่รู้จักจบจักสิ้น ตั้งแต่เกิดมาก็เกิดสงครามขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ แม้แต่รุ่นปู่ย่า ก็ตาม ไม่ว่าใครต่างก็อยู่ในวังวนนี้ ต่างไม่มีผู้ที่รู้ถึงช่วงเวลาแห่งสันติหลงเหลืออยู่เลย แม้กระทั่งเผ่าเอลฟ์เอง ที่สามารถมีอายุขัยได้ถึง 500 ปีก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

ทุกคนต่างก็คิดว่า ตนต้องต่อสู้ในสงครามนี้ แม้กระทั่งลูกของตน หลานของตนก็ต้องพัวพันในสงครามครั้งนี้แน่ๆ อะไรคือจุดเปลี่ยนทำให้เกิดสงครามนี้ ทำอย่างไรถึงจะจบสงครามนี้ได้ คนที่คิดเรื่องเหล่านี้นั้นแทบไม่เหลืออยู่เลย

 

แต่ทว่า ในวันหนึ่ง กลับมีการประกาศยุติสงครามครั้งนั้นอย่างเหนือความคาดหมาย

 

ถึงแม้มิอาจทราบถึงต้นตอของสงครามได้ แต่ต้นเหตุจุดจบของสงครามนั้นต่างเป็นที่จดจำของทุกคน

ราชาของเหล่าอสูร เกดิงส์

หลังจากที่เขาปรากฎตัวขึ้นมา สถานการณ์รบก็เปลี่ยนไป

ผู้ที่ถูกเรียกว่า ราชาของเหล่าอสูร เกดิงส์ นั้นเป็นบุคคลที่เป็นเลิศ

มีความสามารถสูงเป็นพิเศษ แม้แต่ในหมู่ราชาอสูรในอดีตเอง สามารถรวมเผ่าพันธ์อสูรที่มีราชาปกครองตนเอง อทิ เผ่าโอก้า เผ่าแฟรี่ เผ่าฮาร์ปี้ เผ่าซัคคิวบัส เผ่าลิซาร์ดแมน เผ่าออร์ค ทั้งเจ็ดเผ่าพันธ์เป็นปึกแผ่นได้ ทรงคิดจัดตั้งการประสานงานของเหล่าอสูรเข้าร่วมกัน ด้วยแผนการรบที่คิดออกใหม่นี้ ทำให้ทางฝั่งอสูรมีกำลังเหนือฝ่ายพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์อย่างล้นพ้น สามารถยึดครองดินแดนแผ่ออกไปได้อย่างกว้างขวาง

 

นับเป็นฝันร้ายสำหรับเหล่าพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์อย่างแท้จริง

 

ก่อนหน้านั้นเหล่าสหพันธ์เจ็ดเผ่าพันธุ์ ไม่เคยประสานงานร่วมมือในการรบมาก่อนเลย

การที่ฮาร์ปี้ขนส่งเหล่าโอก้าที่เคลื่อนไหวได้อย่างเชื่องช้าเพราะร่างกายขนาดใหญ่ทางอากาศเอย การให้เหล่าซัคคิวบัสปล่อยหมอกลุ่มหลงสีชมพูทำให้กระจายในพื้นที่ชุ่มน้ำและให้เผ่าลิซาร์ดแมนที่ไม่ได้รับผลจากสถานะลุ่มหลงบุกทะลวงพื้นที่เอย…. การร่วมมือประสานงานอย่างไม่คาดคิดนั้น ทำให้เหล่าพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ที่เดิมต่างร่วมมือกันจนสามารถสู้กับเหล่าเดม่อนได้อย่างสมน้ำสมเนื้อนั้นไม่สามารถรับมือได้เลย

 

แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองกลับมีโอกาสแฝงอยู่

กองทัพเจ็ดเผ่าพันธุ์ที่รวบรวมเป็นกลุ่มก้อนโดยราชาอสูรเกดิงส์ เป็นปึกแผ่นเดียวอย่างไม่น่าเชื่อ

แม้จะแข็งแกร่งเพียงใด แม้จะมีความสามารถแค่ไหนก็ตาม ก็ยังมีจุดอ่อนเป็นตัวตนของเกดิงส์เอง

 

แน่นอน ใช่ว่าพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์จะไม่ทราบเรื่องนี้

เรื่องที่ว่า หากพวกตนไม่โค่นล้มเกดิงส์ล่ะก็ ตนจะมีแต่ความพ่ายแพ้เท่านั้น ไม่ว่าใครก็สามารถคาดการณ์ได้ง่ายๆ

 

จนในที่สุด เกดิงส์ก็ถูกปราบลงได้

 

ศึกตัดสิน ณ ที่ราบสูงเรเมียม เจ้าชายนาซาลเผ่ามนุษย์ จอมขมังเวทธันเดอร์โซเนียเผ่าเอลฟ์ อสูรสงครามโดราโดราบังก้าเผ่าคนแคระ ผู้กล้าเรโอเผ่ามนุษย์สัตว์ ทั้งสี่คนเป็นหัวหน้านำหน่วยกล้าตาย ลอบบุกทะลวงเข้าไปในส่วนลึกของกองทัพของเหล่าอสูร จนสามารถปราบเกดิงส์ลงได้

 

มีผู้เสียสละเกิดขึ้นมากมาย

 

อสูรสงครามโดราโดราบังก้าเผ่าคนแคระ และ ผู้กล้าเรโอเผ่ามนุษย์สัตว์  ได้เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ตัดสินกับเกดิงส์ ทหารในหน่วยกล้าตายเองก็เสียชีวิตเกินกว่าครึ่ง

 

เจ้าชายนาซาลเผ่ามนุษย์ได้รับบาดเจ็ดสาหัสในขณะที่กำลังถอนกำลังออกจากกองทัพอสูร

 

สถานการณ์ที่พลิกกลับหลังจากการตายของเกดิงส์ เหมือนดังเช่นละครอย่างไรอย่างนั้น

 

เหล่าสหพันธ์เจ็ดเผ่าพันธุ์ที่สูญเสียราชาไปพร้อมกับการชี้นำในขณะเดียวกัน ทุกเผ่าต่างกระจัดกระจายด้วยความตื่นตระหนก

 

สำหรับตัวแทนของเกดิงส์นั้นก็ไม่ได้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าด้วย

 

พอคนที่คอยสั่งการคร่าวๆหายไป ทำให้ตัวกลางที่คอยเชื่อมสหพันธ์เจ็ดเผ่าพันธุ์ขาดสะบั้นลง

 

เหล่าสหพันธ์เจ็ดเผ่าพันธุ์ พอไม่มีคำสั่งลงมา ต่างทำได้เพียงเคลื่อนไหวสะเปะสะปะในสนามรบ และถูกเหล่าพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์กวาดล้างกลับมา

 

แต่ละเผ่าพันธุ์ต่างเข้าใจว่า หากพวกตนไม่เลือกราชาของตนขึ้นมาบงการชี้นำล่ะก็ การล่มสลายของเผ่าพันธ์ุตนนั้นย่อมขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

เหล่าอสูรต่างถอนตัวออกจากสหพันธ์เจ็ดเผ่าพันธุ์ แต่ละเผ่าต่างเริ่มต่อสู้ในสงครามของตนเอง ในแบบเดียวกับที่เกดิงส์เคยเป็นราชาในก่อนหน้านี้

 

โอก้าจับคู่กับฮาปี้ ซัสคิวบัสจับคู่กับกับลิซาดแมน ออร์คจับคู่กับแฟรี่ แม้แต่ละเผ่าจับกลุ่มร่วมมือซึ่งกันละกันก็ตาม แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยุทธวิธีอย่างง่ายๆเท่านั้น แต่ละพื้นที่ได้พ่ายแพ้ติดๆกันมา

 

5 ปีหลังจากการตายของเกดิงส์

 

เพียงแค่ 5 ปี อาณาเขตของสหพันธ์เจ็ดเผ่าพันธุ์ทั้งหมดถูกช่วงชิงไป

อาณาเขตที่ใช้เวลายาวนานถึง 100 ปีในการบุกยึดครองมาทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น

 

หากมองในมุมของสหพันธ์เจ็ดเผ่าพันธุ์แล้วล่ะก็ ช่างเป็นสถานการณ์ที่ถูกทำลายจนล่มสลายแน่นอนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

พันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์มีพลังถึงขนาดนั้น

 

แต่ทว่ากลับมีแผนการปรองดองเสนอออกมา

ไม่ใช่จากใครที่ไหน เจ้าชายนาซาลเผ่ามนุษย์นั่นเอง เขาได้เสนอแผนนั้นออกมาในการประชุมภาคีสี่เผ่าพันธุ์ “ควรมอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้แก่พวกเขา(อสูร)เถอะ” “ควรเสนอแผนปรองดองให้แก่พวกเขา(อสูร)เถอะ”

 

นั่นถือเป็นเสียงของเหล่าประชากรที่ต่อสู้ในสงครามยาวนาน โดยเฉพาะผู้ที่ตรากตรำต่อสงครามที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไรมามากกว่า 100 ปีนั่นเอง

 

ในความเป็นจริง ทางฝั่งพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์เองก็มาถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน

 

ในตอนช่วง 100 ปีที่เกดิงส์เป็นผู้ชี้นำ ทั้งเผ่ามนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ รวมทั้งมนุษย์สัตว์เองต่างลดจำนวนลง

 

ทั้งจำนวนอายุขัยเฉลี่ยลดลง ทำได้เพียงเลี้ยงดูพวกเด็กๆอย่างง่ายๆ ก่อนที่จะตายไป

 

ไม่ว่าใครก็อยากที่จะพัก ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่า หยุดเรื่องบ้าบอพรรค์นี้ทีเถอะ

หากเกิดโอกาส 1 ในหมื่น หากเหล่าสหพันธเจ็ดเผ่าพันธุ์ที่เป็นหนูจนตรอกนั้นรวมกลุ่มขึ้นมาสู้ตัดสินอีกครั้งฃ่ะก็ จะเป็นยังไงต่อไปกันแน่

 

อาจจะคงจะชนะได้แหละ

แต่หลังจากนั้นล่ะ ควรทำอย่างไรต่อดี ดีไม่ดีพวกเราอาจจะล่มสลายตามไปด้วยก็เป็นได้

 

ในระหว่างที่ยังมีตัวเลือกอยู่ ควรไขว่คว้าสันติสุขไว้ก่อนดีกว่า

 

นาซาลพูดยืนยันความคิดของตน

 

พวกคนใหญ่คนโตของเหล่าพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ต่างยืนยันหนักแน่นว่า “พวกเค้า(อสูร)เหล่านั้นคงไม่ยอมรับการปรองดองแน่ๆ” แต่พอยื่นแผนการปรองดองให้ในความเป็นจริง กลับไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนปฎิเสธเลยอย่างน่าประหลาดใจ

 

ไม่ว่าจะเผ่าโอก้าที่ถูกปฎิบัติว่าเป็นตัวอันตรายที่ไม่สามารถพูดคุยได้ หรือแม้แต่เผ่าออร์คที่ขึ้นชื่อเรื่องบ้าการต่อสู้และการข่มขืนเอง ต่างฝืนทนกล้ำกลืนเงื่อนไขที่ฝ่ายตนเสียผลประโยชน์ และตอบรับแผงการปรองดอง

 

ในที่สุด สงครามก็จบลง
สงครามที่ต่อเนื่องยาวนานนั้น ในที่สุดก็ได้ประกาศยุติขึ้นมา

 

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น 3 ปี

 

ปีเฮวะที่ 3 ของยุคสมัยแห่งความสันติ ที่ถูกตั้งชื่อว่า “ปฎิทินเฮวะ” ตามความเกี่ยวข้อง

 

ด้วยสงครามที่กินเวลายาวนานได้สิ้นสุดลง แม้เหล่าผู้คนจะรู้สึกสับสนกับช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ต่างก็ได้เริ่มฟื้นฟูเมืองที่ถูกทำลายด้วยไฟสงคราม บางก็ใช้ช่องทางติดต่อค้าขายกับเผ่าอื่นผ่านทางพ่อค้าแม่ค้า พอเค้าลางของการเพิ่มประชากรจากเด็กที่เติบใหญ่เริ่มมีมากขึ้น ทุกคนต่างก็เริ่มคุ้นชินกับความสงบสุขทีละนิด เริ่มที่จะริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆขึ้นมา
แม้กระทั่งสิ่งที่ดูถูกดูแคลนว่าไม่จำเป็นอย่าง วิชาการ ศิลปะ การค้าขาย สิ่งบันเทิงเริงรมย์ เองก็เริ่มถูกมองว่าสำคัญขึ้นมา สามัญสำนึกของแต่ละเผ่าพันธ์ุได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

 

การเปิดม่านของยุคสมัยใหม่ได้จบลง ก่อนที่ดำเนินเรื่องเข้าสู่บทต่อไป

 

เรื่องราวในครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ประเทศของเผ่าพันธ์ุหนึ่ง ณ ยุคสมัยที่กล่าวมา

ประเทศของเหล่าออร์ค

—————————————————————————————–