ตอนที่ 1196 เหตุผลที่บิน โดย Ink Stone_Fantasy
นายทหารคนหนึ่งเอาคันโยกเสียบเข้าไปในหัวเครื่องบิน ก่อนจะออกแรงหมุนแล้วเปิดวาล์ว การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงลามจากหัวเครื่องบินไปยังท้ายเครื่องบินทันที ภายใต้การสั่นสะเทือนนี้ เครื่องยนต์ส่งเสียงปังๆๆ ออกมา ส่วนใบพัดก็เริ่มหมุนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่เสียงเครื่องยนต์ดังจนต่อเนื่อง กู๊ดก็ค่อยๆ ดันก้านคันเร่งตามที่บอกไว้ในคู่มือ เครื่องบินเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนมีอะไรมาลากออกไป
“ว้าว…” มีเสียงอุทานดังขึ้นมาในกลุ่มนักบินฝึกหัด
ได้จริงๆ ด้วย! กู๊ดเองก็ตื่นเต้นขึ้นมา มันเหมือนกับกำลังเคลื่อนไหวตามคำสั่งของตัวเอง ตัวเองกำลังขับเจ้าสิ่งนี้อยู่จริงๆ!
เขาหันมาเหลือบมองดูองค์หญิงที่นั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายด้านหลัง ผมสีเทาของอีกฝ่ายปลิวไสวไปตามแรงลม ในสายตาของเธอเหมือนกำลังยิ้มอยู่ องค์หญิง…กำลังชื่นชมเขาอย่างนั้นเหรอ? กู๊ดมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ต่อไปก็แค่ทำตามคำชี้แนะของอีกฝ่ายแล้วบินขึ้นไปก็พอ!
แต่หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ด้านหลังเขายังคงไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นมา
กู๊ดมองไปทางทิลลี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นใบหน้าที่คล้ายว่าจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มอันนั้น ในตอนที่เครื่องบินวิ่งผ่านเส้นกึ่งกลางของรันเวย์ เขาพลันคิดถึงความจริงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ตัวเขาไม่มีทางที่จะได้รับคำชี้แนะอะไร
‘แต่เมื่อคิดถึงว่านี่เป็นการบินครั้งแรกของพวกเจ้า ดังนั้นข้าจะคอยชี้แนะอยู่ใกล้ๆ แล้วก็คอยเตือนพวกเจ้าว่าต้องทำอย่างไร’
คำพูดประโยคนี้ไม่ได้รวมถึงเขา องค์หญิงจะคอยดูแลแค่นักเรียนทั่วไปเท่านั้น หาใช้เขาซึ่งทำผิดกฎระเบียบไม่
เหมือนกับที่พระองค์ตรัสว่านักเรียนคนอื่นผิดพลาดก็ยังมีโอกาสอีกครั้ง แต่เขากลับมีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
พริบตานั้นกู๊ดพลันรู้สึกมือเท้าเย็นขึ้นมาทันที ความผิดหวังและความเสียใจเมื่อวานนี้เอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง
‘แต่แน่นอนว่าคนที่ทำให้ข้าไม่ต้องพูดอะไรออกมาได้ย่อมต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด’
เขาเหมือนจะเดาความคิดขององค์หญิงได้ ถ้าไม่สามารถอาศัยความสามารถของตัวเองบินขึ้นไป ถ้าไม่สามารถทำคะแนนได้ดีที่สุด เช่นนั้นโรงเรียนก็ไม่มีทางที่เก็บเขาเอาไว้ นี่คือค่าตอบแทนของการทำผิดกฎ มีแต่ต้องแสดงความสามารถของตัวเองออกมาเท่านั้น เขาถึงจะมีค่าให้อยู่ที่นี่ต่อไป
แต่ตัวเองจะทำให้เครื่องบินลำนี้บินขึ้นไปได้จริงๆ เหรอ?
ในเวลานี้รันเวน์เหลือระยะทางอีกแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ปลายทางของรันเวย์คือทุ่งหญ้า และที่ไกลออกไปคือกำแพงของลานบิน หากชนเข้าไปล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่คุณหนูนาน่าก็คงจะช่วยไม่ได้
ไม่…ไม่ทันแล้ว
กู๊ดนึกอยากจะดันคันเร่งกลับเพื่อลดความเร็วลง เพราะนี่เหมือนจะเป็นเพียงวิธีเดียวที่รักษาชีวิตได้ เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องพุ่งชนกำแพง ในตอนที่ต้องเผชิญหน้ากำกำแพงสูงที่ไม่สามารถหลบได้ นี่แทบจะเป็นการตัดสินใจตามสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคน
แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนมีมือข้างหนึ่งมาวางอยู่บนหัวของตน
‘เจ้า…ชอบบินไหม?’
เสียงของเรเชลดังขึ้นมาในหูเขา
บิน….
ใช่แล้ว ถ้าเป็นนกล่ะก็ มันก็ยังมีอีกทางหนึ่ง
นั่นก็คือบินข้ามกำแพงขึ้นไป
ถ้าตอนนี้หุบปีกลง เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย
เวลาเหมือนจะผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที แล้วก็เหมือนจะผ่านไปนาน มือที่กำคันเร่งเอาไว้แน่นของกู๊ดขยับขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่มันไม่ได้ขยับถอยหลัง หากแต่ดันไปข้างหน้า
หัวเครื่องบินส่งเสียงคำรามออกมาทันที
กำแพงเหมือนจะพุ่งเข้ามาหาเขา!
กระทั่งถึงระยะ 10 กว่าเมตรสุดท้าย เขาถึงจะเชิดหัวเครื่องบินขึ้น ทันทีที่ตัวเครื่องขยับ รันเวย์พลันหายไปจากสายตาเขาทันที สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือพื้นหญ้าที่วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีอยู่เสี้ยววินาทีที่เขารู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองสูญเสียน้ำหนักไป เขารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นนกนางแอ่น พื้นดินร่วงหล่นไปข้างล่าง ส่วนเขากำลังทะยานขึ้นไปบนฟ้า!
เร็วอีกหน่อย เร็วขึ้นอีกหน่อย! กู๊ดลืมตาโตทั้งสองข้างพร้อมกับจ้องมองดูกำแพงที่ขยับใกล้เขามาเรื่อยๆ ร่างกายเขาเตรียมตัวพร้อมที่จะพุ่งชน
แต่เหตุการณ์ที่ว่าก็ไม่เกิดขึ้น
เครื่องบินแทบจะบินเฉียดกำแพงไป ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนฟ้าสีน้ำเงิน ในตอนที่อุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าหายไป ภาพที่ชั่วชีวิตที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของกู๊ด ทั้งโรงเรียน ชายฝั่ง แล้วก็เมืองเนเวอร์วินเทอร์ที่อยู่ไกลออกไปสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเขา ลมที่พัดเข้ามาได้เติมเต็มช่องว่างสุดท้ายภายในใจเขา การฝึกซ้อมวันแล้ววันเล่าก็ได้แสดงผลของมันออกมาให้เห็นในเวลานี้
ความรู้สึกอิสระเช่นนี้ทำให้เขานึกอยากจะตะโกนออกมา
มนุษย์สามารถบินได้ มันช่างดีจริงๆ เลย
…..
หลังเครื่องบินลงมาจอดที่พื้น กู๊ดก็คุกเข่าลงไปต่อหน้าองค์หญิง
“ขอบพระทัยองค์หญิงที่ทรงมอบโอกาสครั้งนี้ให้กับกระหม่อม พระองค์ทำให้กระหม่อมได้เห็นภาพที่ก่อนหน้านี้ได้เห็นแค่เพียงในความฝันพ่ะย่ะค่ะ”
ในการทดสอบบินครึ่งชั่วโมง เขาได้แสดงท่ามาตรฐานตามที่เขียนเอาไว้ในคู่มือออกมาทั้งหมด ถึงแม้จะมีติดๆ ขัดๆ บ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้สำเร็จ
ส่วนสุดท้ายจะได้คะแนนเท่าไร อันนั้นก็แล้วแต่ฟ้าจะลิขิต
ต่อให้เขาไม่สามารถทำได้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ แต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมได้ นับจากนี้ขอเพียงหลับตาลง โลกใบนี้ก็จะกว้างใหญ่ขึ้น
“ทำไมเจ้าถึงมาเข้าโรงเรียนอัศวินอากาศ?”
เสียงของทิลลีดังขึ้นมาจากด้านบน
กู๊ดลังเลเล็กน้อย สุดท้ายถึงตอบออกมาตามจริง “ทูลองค์หญิง ตอนแรกกระหม่อมอยากจะได้เงินเดือนเยอะๆ ภายหลังนั้นอยากจะเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ตอนนี้….คือการบินพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ชื่อเสียงหรือว่าการบิน ข้าให้เจ้าได้ทั้งหมด ขอแค่เข้าสังหารปีศาจได้มากพอ” องค์หญิงอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและเยือกเย็น “ทำสงครามเพื่อเกรย์คาสเซิล ขับเครื่องบินออกไปกำจัดปีศาจทุกตัวที่โผล่หน้าออกมา ใช้เลือดของมันมาแลกทุกสิ่งทุกอย่าง นี่คือหน้าที่ของอัศวินอากาศ แล้วก็เป็นจุดประสงค์ของการตั้งโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นมาด้วย ถ้าเจ้าทำได้ ก็กลับไปรายงานตัวกับอีเกิลเฟซซะ”
กู๊ดเงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “องค์หญิง พระองค์ทรงหมายความว่า….”
“เจ้าผ่านแล้ว” ทิลลีเดินไปโดยไม่หันกลับมามอง
…..
กระทั่งถึงตอน 5 โมงเย็น การทดสอบบินรอบแรกจึงสิ้นสุดลง ในบรรดา 16 คนมี 2 คนที่ถูกคัดออก แต่โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต
ส่วนฟินกิ้นกับฮายส์ก็ผ่านการทดสอบตามกู๊ดมาติดๆ
กระทั่งทุกคนแยกย้ายกันแล้ว ทั้งสองคนจึงคว้าตัวกู๊ดไว้แล้วลากเขาไปข้างลานบิน “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ? องค์หญิงทิลลีทรงตรัสว่าแค่บินขึ้นไปได้สำเร็จก็ถือว่าผ่านแล้ว แล้วดูเจ้าซิ ตอนแรกลังเลไม่ยอมเร่งความเร็วจนเกือบชนกำแพงไม่พอ ตอนหลังยังบินออกไปนอกเขตโรงเรียน แล้วไปวนอยู่บนทะเลอีก เจ้าไปกลัวจะตกลงไปตายหรือไง?”
นั่นมันเป็นเรื่องสุดวิสัย กู๊ดกรอกตาใส่ “ก่อนที่จะขึ้นบินองค์หญิงทรงบอกให้ทุกคนพยายามเต็มที่ไม่ใช่เหรอไง? ข้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าแค่ขึ้นบินกับลงจอดได้ก็ผ่านแล้ว ข้าก็คิดแต่ว่าบินโชว์หลายๆ ท่ายังไงมันก็ต้องได้คะแนนมากกว่าท่าเดียวนี่”
“ถือว่าเจ้าโชคดีไป” ฟินกิ้นส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
“พวกเจ้าเองก็ไม่เลวนี่” เขาเบะปาก “ขนาดไม่มีคำชี้แนะจากองค์หญิงก็ยังบินขึ้นไปได้แบบนั้น”
“อะไร? อะไรคือไม่มีคำชี้แนะ องค์หญิงก็ทรงบอกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ดึงคันเร่งเมื่อไร?”
“ใช่ ถึงคำชี้แนะจะน้อยกว่าคนอื่นก็ตาม” ฮายส์พูดสำทับขึ้นมา “เพราะว่าพวกเราทำผิดกฎไง”
กู๊ดงุนงงขึ้นมา หรือว่ามีเขาแค่คนเดียวที่ได้รับคำชี้แนะเลยแม้แต่ประโยคเดียว?
ในขณะที่กำลังเดินกลับมาด้วยความกลุ้มใจและไม่เข้าใจ ทั้งสามคนก็กลับมาถึงเขตที่พัก
ขณะที่เพิ่งจะเดินเข้าประตูใหญ่ กู๊ดพลันเห็นอีเกิลเฟซที่กำลังยืนหญ้านิ่งอยู่ในลานเอนกประสงค์
ทั้งสามคนตัวสั่นขึ้นมาทันที จริงๆ แล้วนักบินฝึกหัดกลัวครูฝึกคนนี้มากกว่าองค์หญิงเสียอีก โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้างของอีเกิลเฟซ เวลาที่ถูกจ้องนั้นเหมือนกับพวกเขาเป็นเหยื่อที่ไม่มีทางหนีรอดไปไหนเลย
“ทะ ท่านอีเกิลเฟซ…”
“พวกเจ้านี่จริงๆ เลย นานทีจะได้หยุดก็ยังมาหาเรื่องให้ข้าอีก” เขากวาดตามองทั้งสามคนด้วยสายตาเยือกเย็น “องค์หญิงทิลลีทรงเล่าให้ข้าฟังแล้ว พวกเจ้าโชคดีนะที่ยังไม่ได้เข้ากองทัพ อีกทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่พื้นที่ของกองทัพที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นล่ะก็….”
“ท่านอีเกิลเฟซ พวกเราผิดไปแล้วขอรับ!” ทั้งสามคนรับพูดสำนึกผิดอย่างจริงใจ
“ในเมื่อองค์หญิงทรงจัดการแล้ว อย่างนั้นข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก แต่ถ้าพวกเจ้าอยากจะเป็นอัศวินอากาศ หลังจากนี้ช้าเร็วก็ต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกของกองทัพที่หนึ่งอยู่ดี” อีเกิลเฟซเก็บรอยยิ้มอันเยือกเย็น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “เพื่อจะให้พวกเจ้าได้หลาบจำ จะได้ไม่ทำผิดแบบนี้อีก หลังจากนี้หนึ่งเดือนพวกเจ้าต้องเป็นคนรับผิดชอบล้างห้องน้ำ เข้าใจไหม?”
“หา?” ฟินกิ้นกับฮายส์ทำหน้าแย่ออกมาทันที
มีเพียงกู๊ดที่ยกมือขึ้นมาทำวันยหัตถ์อย่างตื่นเต้น
“รับทราบขอรับ!”
…………………………………………………………………..