ตอนที่ 2

Orc Eiyuu Monogatari

Ch.2 – แฟรี่

Translator : Alonenekochan / Author

 

แบชเดินอยู่ในป่า

 

ป่ารกชันล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ที่มีหนามแหลมคม ไม่มีถนน มีเพียงทางเดินของสัตว์ที่พบเห็นได้เป็นช่วงๆเท่านั้น

 

ถึงอย่างนั้นก็มิอาจระคายผิดที่แข็งแกร่งของออร์คได้ อีกทั้งลางสังหรณ์ที่ถูกขัดเกลาในสนามรบมาอย่างยาวนาน ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องการหลงทางแต่อย่างไร

ทางที่มุ่งไปคือทิศเหนือ

ที่ตรงนั้นมีประเทศของเผ่ามนุษย์อยู่ติดกับอาณาจักรของออร์ค

 

หนึ่งในสี่ประเทศผู้ชนะสงคราม เป็นประเทศที่ทำผลงานในสงครามเยอะที่สุด ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุด ผู้ที่ยืดครองอาณาเขตส่วนใหญ่ของอาณาจักรออร์คก็คือพวกเผ่ามนุษย์

 

แน่นอนว่าบรรดาออร์คเองก็ไม่ได้แค้นเคืองอะไร เพราะการที่ผู้ชนะสามารถยึดทุกอย่างไว้ในมือนั้นถือเป็นสามัญสำนึกในสงครามไงล่ะ

 

ทำไมเขาถึงมุ่งหน้าไปยังประเทศของเหล่ามนุษย์กันล่ะ?

 

คำตอบนั้นเรียบง่ายมาก

 

”หากจะผสมพันธุ์ล่ะก็ ต้องเริ่มจากมนุษย์ก่อนไงล่ะ”

 

นี่เองก็ถือเป็นสุภาษิตของออร์คอย่างหนึ่ง

 

พวกมนุษย์นั้นมีความสามารถในการขยายพันธุ์สูง สามารถตั้งครรภ์ได้ง่าย ถึงจะมีความแตกต่างด้านส่วนสูงแต่ร่างกายมีความคงทน รูปร่างภายนอกเองก็ไม่ได้ดูน่าเกลียด

 

ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับขยายพันธุ์สำหรับเผ่าออร์คเลยล่ะ

 

แบชได้เชื่อตามโดยไม่คิดสงสัย

(ช่างน่าคิดถึงจริง……)

 

ระหว่างบุกป่าฝ่าดง แบชก็ได้นึกถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมา

ย้อนกลับไปราวสามปีก่อน ป่าแห่งนี้เป็นเขตสงครามอันดุเดือด

แม้ปัจจุบันจะยุติลงแล้ว แต่เนื่องจากด้านในลึกของป่านี้ถือเป็นปราการด่านสุดท้ายของเผ่าพันธ์ุออร์ค เหล่ากองทัพหลักของมนุษย์เองต้องการยึดครองปราการนั้นให้ได้ เลยทำการโหมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

 

ในช่วงเวลานั้น แบชได้คอยปกป้องปราการนี้ไว้ เขาวิ่งไปทั่วป่า ไล่ทำลายกองทัพของเหล่ามนุษย์

 

ด้วยการป้องกันอย่างสุดกำลังนั้น ปราการด่านสุดท้ายได้อยู่รอดไปจนกระทั่งจบสงคราม ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของเหล่ามนุษย์

 

แต่ปราการนั้นเอง ท้ายที่สุดแล้วก็ถูกรื้อทำลายลงในช่วงเวลาเดียวกับที่สงครามยุติ

 

ในสงครามครั้งนั้นเอง แบชได้บดขยี้กองทัพของเหล่ามนุษย์มากถึงเลขสามหลัก

ในนั้นเองก็มีอัศวินหญิงรวมอยู่หลายคน

หากลักพาตัวหนึ่งในนั้นกลับล่ะก็ แบชคงไม่เป็นหนุ่มซิงอยู่จนถึงวันนี้แน่

แต่หากทำเช่นนั้น ปราการนี้คงแตกพ่ายเป็นแน่ แต่ถึงยังไงก็ถูกรื้อทำลายอยู่ดี มีค่าเท่ากัน

 

เหมือนดั่งคำประชดประชัน

 

หากเป็นแบบนั้นล่ะก็ แบชเองก็อาจไม่ได้รับฉายาวีรบุรุษก็เป็นได้……。

 

「หืม?」

 

ขณะที่กำลังตั้งคำถามเองหาคำตอบเองกับเรื่องในอดีตอยู่นั้น แบชก็ได้กลิ่นคาวของเลือดจากที่ไกลๆ

 

คงมีสัตว์บางตัวบางเจ็บอยู่ล่ะมั้ง

 

ไม่ก็ พวกหมาป่ากำลังต่อสู้แย่งเขตกันอยู่ก็เป็นได้

 

「ไปดูดีกว่า」

 

แบชบ่นพึมพำไร้ซึ่งการลังเล ก่อนพุ่งทะยานออกไป

ไม่ใช่แค่ความอยากรู้อยากเห็นแต่อย่างไร แต่ทำไปเพื่อสำรองอาหารต่างหาก

 

แม้การไล่จับสัตว์ป่านั้นใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ แต่ถ้าหากบาดเจ็บอยู่ล่ะก็จะทำให้เหนื่อยไว แถมยังสะกดรอยตามกลิ่นเลือดที่ไหลออกมาได้ง่าย

ในช่วงสงครามเอง เขาก็ได้ตามจับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บอยู่มานักต่อนักแล้ว

 

แบชพุ่งทะยานไปในป่าราวกับพายุ

 

แม้จะมีคำกล่าวที่ว่า ออร์คเป็นสัตว์ที่เชื่องช้า แต่ไม่ใช่กับเขา

 

แบชนั้นมีฝีเท้าที่ว่ากันว่า ว่องไวที่สุดในเหล่าออร์คเลยล่ะ

 

แม้จะพุ่งทะยานไปข้างหน้า แต่กิ่งไม้ รวมทั้งหนามแหลมทั้งหลาย ไม่สามารถทำให้ผิวกายที่แข็งกล้าเป็นรอยได้เลย ร่างกายที่ราวกับเหล็ก แม้ในป่าที่เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางก็ไม่ทำให้ความเร็วของเขาลดลงแต่อย่างไร

แบชรีบรุดไปยังสถานที่นั้นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

 

 

ทันทีที่แบชมาถึง การต่อสู้ก็กำลังเข้าสู้ช่วงไคลแมกซ์แล้ว

 

ด้านข้างถนนแคบๆที่เต็มไปด้วยรอยลาก มีรถม้าล้มคว่ำอยู่

บนพื้นกระจัดกระจายไปด้วยอาหารและของใช้เกลื่อนกลาด ศพม้าเองก็ล้มอยู่ใกล้ๆ

 

ที่ยืนอยู่มีเพียงมนุษย์สองคน

 

ทั้งสองถืออาวุธ ยืนประจัญหน้ากับศัตรู

 

สิ่งที่ล้อมพวกมนุษย์อยู่นั้น คือสัตว์อสูรเหมือนหมีที่เดินสองขา ชื่อว่า บาก์แบร์

 

จำนวนมีอยู่ 6 ตัว

 

(ฝูงบาก์แบร์กำลังจู่โจมพวกพ่อค้าเร่อยู่สินะ)

 

หลากจากเห็นสภาพเหตุการณ์ แบชจึงได้ข้อสรุปดังว่า

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม้โลกจะสงบสุขขึ้นหลังจากสงครามจบลงไม่นาน แต่พวกสัตว์ที่คอยจู่โจมมนุษย์ใช่ว่าจะสูญสิ้นไปหมด หากคิดก้าวออกจากเมืองแม้แต่ก้าวเดียว โลกปลาใหญ่กินปลาน้อยนั้นได้รออยู่

 

「……!」

「กรรรร!」

 

พอแบชลองแยกเขี้ยวส่งเสียงขู่ทุ่มต่ำออกมา พวกบาก์แบร์ก็รู้สึกถึงตัวตนเขา

 

ทั้งสามตัวยังคงจับจ้องมนุษย์อยู่อย่างนั้น ที่เหลืออีกสามตัวหันหน้ามาเผอิญกับแบช ทุกตัวขนตั้งชันทั่วร่าง ส่งเสียงคำรามออกมา

 

แบชหยุดยืน จ้องมองกลับไปยังพวกบาก์แบร์

เขาไม่ปล่อยให้พวกมันได้ทันตั้งตัว ปล่อยเสียงคำรามขึ้นมา

 

「โฮกกกกกกกก!」

 

วอร์ไคร

 

สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่บรรดาออร์คจะปล่อยออกมาตอนเริ่มทำการต่อสู้ เป็นเสียงร้องคำราญอันห้าวหาญ

 

เสียงนั้นก้องกังวาบไปทั่วบริเวณ พร้อมกับคลื่นสั่นสะเทือน

 

นกที่เกาะตามกิ่งไม้ต่างพากันบินหนีแทบจะในทีเดียว ขนทั่วกายของพวกบาก์แบร์สั่นไหวเปรี๊ยะๆ

 

「งื๊……」

 

เพียงแค่การกระทำนั้น พวกมันก็เข้าใจได้

 

ว่าพวกมันไม่มีทางชนะออร์คที่อยู่ข้างหน้าพวกมันได้

 

พวกมันนั้นม้วนหางหนีเข้าไปในป่าแทบจะในทันที แม้จะเป็นสัตว์อสูร แต่พวกมันก็สามารถสัมผัสกลิ่นอายของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนได้

 

「เอาล่ะ……」

 

หลังจากแบชยืนยันได้ว่า สัมผัสของพวกบาก์แบร์ออกไปไกลแล้ว เขาก็หันไปสบตากับพวกมนุษย์ที่เหลืออยู่สอง

 

(หืม……นี่มัน……)

 

ทั้งสองคนที่กำลังสั่นจับดาบอย่างเกร็งๆ ด้วยใบหน้าซีดเผือกนั้น เป็นผู้หญิงล่ะ

 

อายุทั้งคู่ ดูแล้วคงเกิน 30 ได้

แม้สีหน้าจะดูไม่ค่อยดี แต่สุขภาพทางร่างกายดูแล้วก็ไม่ได้แย่ มีคำพูดที่ว่า หากจับพวกมนุษย์มาเป็นภรรยาล่ะก็ ช่วงอายุ 10 ปลายๆ ถึง 20 กว่าๆ เป็นช่วงกำลังดี หากต่ำกว่านั้นก็ยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ เกินกว่านั้นโอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลง แต่ช่วงอายุ 30 ก็ไม่ใช่ว่าใช้การไม่ได้เลย ตราบใดที่ยังสามารถให้กำเนิดบุตรได้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

 

(เป็นคนสวยพอควรเลยแฮะ!)

 

แต่ถ้าหากสอบถามการตีค่าของบรรดาออร์คทั่วไปล่ะก็ พวกเธอนั้นก็ไม่ได้สวยดีเด่นถึงขนาดนั้นซักเท่าไร

 

เพราะแบชเองก็ไม่ค่อยได้มองดูพวกผู้หญิงซักเท่าไร

 

ไม่สิ ไอ้มองนะก็มองหลายครั้งอยู่ แต่เขาไม่เคยมองแบบตีค่าในระยะใกล้แบบนี้เลยต่างหาก

 

มนุษย์เพศเมียที่มองดูอย่างจริงจังครั้งแรกของเขานั้น ให้ความรู้สึกดูอีโรติกจนน่าน้ำลายสอเลยล่ะ

ผู้เข้าข่าย “เจ้าสาว” ครั้งแรก

 

แบชมองทั้งคู่อยู่ซักพัก ก่อนตัดสินใจพูดออกมา

 

「อะแฮ่ม พวกเธอ……สนใจคลอดลูกของฉันไหม?」

 

เป็นคำสารภาพรักทั่วไปๆของพวกออร์ค

 

「กรี๊ดดดดดด!」

「จะโดนข่มขืนแล้ววววว!」

 

แค่ชั่วพริบตา

 

เหมือนอาการสั่นกลัวเมื่อครู่เป็นแค่เรื่องตลกเลย

ทั้งสองคน ถือดาบทั้งอย่างนั้น ทิ้งสัมภาระทุกอย่างไว้ วิ่งหนีไปด้วยความเร็วอย่างกับจรวด

 

แบซไม่ได้ไล่ตามไป เขาทำเพียงยื่นมือออกไปราวกับจะคว้าแผ่นหลังพวกผู้หญิง ยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น

 

「……ทำไมกัน」

 

ไอ้ปฎิเสธน่ะยังพอว่า แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องหนีกันด้วยนะ

ตั้งใจจะมาช่วยแท้ๆเชียว……。

 

「ไม่เห็นจะเข้าใจเลย……」

 

เอาเถอะก็เข้าใจอยู้ว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก

ตอนแรกก็ไม่ได้กะว่าจะมาเจอว่าที่ภรรยาซักหน่อย เขาเปลี่ยนความคิด เดินกลับไปที่ถนน

 

ตามกำหนดการณ์เดิม มุ่งหน้าไปยังเมืองของเหล่ามนุษย์

「หืม?」

 

แต่แล้ว ประสาทรับเสียงที่เฉียบคมของแบช กลับได้เสียงอะไรบางอย่าง

 

เสียงก๊อกๆเบา เหมือนเสียงเคาะอะไรบางอย่างอยู่

แบชเอามือทาบหู เริ่มค้นหาต้นทางของเสียงที่ได้ยิน

ในสงคราม การที่ไม่ละเลยเสียงเล็กๆน้อยๆนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ในคืนเดือนมืด การที่จะรับรู้เสียงฝีเท้ากองทัพลอบโจมตีของมนุษย์สัตว์ที่หมายย่องเข้ามาลอบฆ่านั้น มีแต่ต้องพึ่งหูและจมูกเท่านั้น

 

「ทางนี้สินะ」

 

ดูเหมือนต้นทางของเสียงจะมาจากด้านในรถม้า

รถม้าในสภาพล้มคว่ำ ล้อหัก แบชไล่ตามเสียง เริ่มคันหาในรถม้า

 

「……」

 

ด้านในรถม้าไม่มีของมีค่าอะไร

ดูเหมือนทั้งสองคนจะพกแค่อาหารแห่งเอาไว้กิน กับพวกของใช้ในชีวิตประจำวันที่ไม่เคยเห็นเท่านั้น

ไม่มีพวกเสื้อเกราะหรืออาวุธเลย

อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากพวกทาสผู้หญิงซะหน่อยก็คงจะดีนะ

 

「หืม?」

 

หูที่เฉียบคมของแบช จับเสียงเคาะก๊อกๆ ได้อีกครั้ง

ดูเหมือนจะมองข้ามอะไรไป แบชค้นเอาพวกซากของใช้ที่วางทับซ้อนกันออกทีละชิ้นทีละชิ้น

 

ในช่องว่างระหว่างของใช้ชิ้นใหญ่กองทับกันอยู่นั้น เห็นแสงสีอ่อนๆเล็ดรอดออกมา

แบชลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากเอื้อมมือเข้าไปหยิบของที่มีแสงที่คุ้นตานั้นออกจากกองเครื่องใช้

 

สิ่งที่หยิบออกมาคือขวดใบหนึ่ง

บนฝาขวดที่ปิดสนิทมีกระดาษยันต์เขียนแปะอยู่ใบหนึ่ง

ด้านในขวด มีมนุษย์ตัวจิ๋วอยู่

ขนาดความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ทั่วตัวมีแสงเรืองรอง ที่หลังมีปีกคู่เล็กงอกออกมา

 

เผ่าพันธุ์แฟรี่นั่นเอง

 

「เอ็งนี่มัน……」

 

แฟรี่เมื่อเห็นหน้าแบช ก็ทำปากพะงาบๆด้วยใบหน้าตกใจ

 

ดูเหมือน เพราะกระดาษยันต์นี้เอง ทำให้หนีและส่งเสียงออกมาไม่ได้

 

แบชใช้นิ้วขูดกระดาษที่ติดบนฝา แล้วใช้แรงบิดฝาขวดเปิดออกมา

 

ชั่วอึดใจนั้น แฟรี่ก็ได้บินออกมาจากขวดด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง แฟรี่ตนนั้นบินวนรอบตัวแบชไปมา ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปแนบถูที่ใบหน้าของแบช

 

「นายท่านนน!! ไม่ได้พบกันตั้งนานเลยน้าา!」

 

แบชใช้นิ้วคีบเจ้าแฟรี่ที่กำลังเอาแก้มถูกแนบไปมาบนใบหน้าเขาออก

เจ้าแฟรี่ตัวนั้นอ้างแขนทั้งสองกว้างด้วยท่าทีต้องรับ ทั้งที่โดนนิ้วจับอยู่อย่างนั้น คงคิดว่าเข้าไปกอดแบชกระมั้ง

 

「ย้าーนายท่าน、ช่วยไว้ได้พอดีเลยล่ะ! นึกว่าจะโดนผนึกอยู่ในขวดตลอดชีวิตซะแล้วสิ!จะว่าไปแล้ว หากไม่ได้นายท่านช่วยไว้ล่ะก็ ข้าอาจติดแหงกอยู่ใต้กองของใช้นั่นตลอดไปก็ก็ได้ แหมตัวข้าน้อยนี่ถูกนายท่านช่วยมาตลอดเลยสิน้า! อ้าว? นายท่าน? ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ หรือว่าจำข้าน้อยไม่ได้แล้ว?」

「จะไปลืมได้ไงล่ะ」

 

คนรู้จักล่ะ

ชื่อของแฟรี่ตนนี้คือซิล

ถึงจะลืมชื่อจริงของเจ้าตัวก็เถอะ แต่ชื่อที่เรียกสั้นๆว่าซิลนั้นจำได้ดี

 

ในช่วงสงคราม เผ่าออร์คกับเผ่าแฟรี่นั้นคอยร่วมมือกัน

เผ่าแฟรี่นั้นสามารถบินได้ด้วยความเร็วที่ว่องไวผิดปกติ ละอองผงที่หล่นจากร่างกายมีผลรักษาเยียวยาบาดแผลได้ แต่ด้วยขนาดตัวที่เล็ก และใช้ได้แค่เวทมนตร์ธาตุลมในการโจมตี จึงค่อนข้างอ่อนแอ เป็นเผ่าพันธ์ุหวังในพลังรบได้ยาก

แต่ถึงอย่างนั้น แฟรี่ก็ยังร่วมมือกับประเทศของออร์คในฐานะผู้คอยสั่งการ, ผู้รวบรวมข่าวสาร และผู้ปฐมพยาบาล

เซลเองก็เป็นแฟรี่ที่ถูกส่งไปประจำการที่ประเทศออกในหน่วยสั่งการและจารกรรมข้อมูลคนหนึ่ง เป็นคนคอยออกคำสั่งและรายงานสถานะการการรบให้กับแบชอยู่บ่อยๆ

 

เรื่องที่แฟรี่นั้นเข้าร่วมเป็นสมาพันธุ์เจ็ดเผ่าพันธุ์ที่มีเผ่าเดม่อนเป็นหัวหน้านั้น สาเหตุมาจากการโดนพวกมนุษย์กดขี่ข่มเหง

ตัวตนที่เรียกว่าแฟรี่นั้น ที่เมืองของพวกมนุษย์จะซื้อขายได้ในราคาสูงในฐานะชองสะสมและตัวทำยารักษาโรค

หลังจบสงครามนั้น แฟรี่ได้ทำสนธิสัญญาห้ามรุกรานกันกับมนุษย์

แต่ถ้าว่า ในปัจจุบันผู้ที่โดนจับแบบนี้ก็จะโดนใช้งานจนกว่าจะตาย

ผู้ที่โดนข่มเหงมากสุดภายหลังสงครามอาจจะเป็นเผ่าแฟรี่ก็เป็นได้

「ว่าไปแล้ว นายท่าน ทำไมถึงรู้ได้ว่าข้าน้อยโดนจับตัวไปล่ะ?」

「ไม่ได้รู้ แค่บังเอิญ」

「บังเอิญ……?」

 

หลังจากแบชปล่อยมือ ซิลก็พุ่งออกไปนอกรถม้าด้วยความเร็วสูง เธอสำรวจบริเวณรอบๆ

 

ด้วยนิสัยของหน่วยสอดแนวกระมั้ง พอเธอตรวจศพม้าจนแน่ใจ เธอก็บินกลับมาดึงหูของแบชด้วยความเร็วสูง

 

「เดี๋ยวเถอะๆ! นายท่าน! มาจู่โจมรถม้าของพวกมนุษย์แบบนี้เนี้ย! มันไม่โอเลยนะ! ฝ่าฝืนกฎล่ะฝ่าฝืนกฎ!!」

「ข้าทำซะที่ไหนเล่า ฝีมือเข้าพวกบัคแบร์นู้น」

「ถึงจะพูดแบบนั้น ก็อ้างไม่ขึ้นหรอก รถม้าถูกทำลายโดยมีออร์คอยู่ใกล้ๆจุดเกิดเหตุเนี้ย หากคิดตามแบบมนุษย์ง่ายๆ แว๊ปเดียวก็รู้เลยว่า “ออร์คทำลายรถม้า” น่ะ! รีบออกห่างจากให้ไวกันเถอะ ขืนมีใครเห็นเข้าล่ะก็ ไม่กี่อึดใจได้ถูกทัพมนุษย์ไล่กวาดล้างแน่ๆ!」

 

ถ้าอยากทำสงครามละก็ จะสนองให้

ก็อยากจะพูดแบบนี้อยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการหาเจ้าสาวซะด้วยสิ น่าเสียดายที่จะทำแบบนั้นไม่ได้

「อ๊ะ นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ!」

ในขนาดเดียวกันนั้น หูของทั่งคู่ก็ได้ยินเสียงเกราะโลหะเสียดสีกันไปมาดัง “แกร๊กๆ”

เป็นเสียงที่ได้ยินบ่อยครั้งในช่วงสงคราม เสียงของเหล่ากองทัพอัศวินของมนุษย์จำนวนหนึ่งกำลังเคลื่อนกำลังพล

 

แบซรีบซอนตัวในพุ่งไม้

หากเป็นแบชในช่วงเป็นนักรบล่ะก็ ไม่ว่าทัพของศัตรูจะมากหรือน้อยเพียงใด แม้เข้าประจัญหน้าอย่างซึ่งๆหน้าก็ตาม เขาก็ทำบดขยี้ศัตรูได้ทุกครั้ง

แต่ทว่า การเริ่มเปิดฉากสงครามโดยไม่ดูสถานการณ์ล่ะก็ ใช่ว่าจะได้รับชัยชนะเสมอไป

เป้าหมายของแบชคือ การได้คู่ครอง

ค้นหาหญิงสาวบริสุทธิ์มาเพื่อสละซิงตน ฝึกปรือเทคนิคจนบรรลุ ได้สุดยอดเทคนิคมาครอบครอง แล้วกลับประเทศออร์ค นั่นคือความหมายของชัยชนะที่ว่า

การต่อสู้กับทัพมนุษย์ ไม่ได้ช่วยให้ชัยชนะที่ว่านั้นสำริดผลเลย แม้แต่เด็กก็ยังรู้

แบชเฝ้ามองสถานการณ์จากที่ซ่อนที่ห่างไกล

การเฝ้าดูสถานการณ์รบในที่ที่ไม่ใกล้เกินไปไม่ไกลเกินไปนั้น เวลาเองก็เป็นสิ่งสำคัญ

ไม่จู่โจมอย่างไม่ยั้งคิดเหมือนดังออร์คทั่วไป แบชนั้นเป็นถึง “ออร์คฮีโร่” เป็นชายที่สามารถคาดคะเนความสำคัญได้

 

「ไม่มี…! …ออร์คแน่」
「ค้นหาให้….ทั่วซะ!ถ้าขัดขืนล่ะก็….ฆ่าเลย!」

แม้เสียงจะขาดๆหายๆ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอันตราย

ดูเท่าว่าตัดสินว่ากันเอาเองว่าเป็นฝีมือของออร์ค เห็นได้ถึงความเดือดดาลนั้น

และดูเหมือนผู้ออกคำสั่งจะอายุยังน้อย เสียงมีความแหลม

จากในความทรงจำของแบช ผู้บังคับบังชาการหนุ่มนั้น ส่วนมากค่อนข้างจะหุนหันพลันแล่น ในเมื่อยืนยันว่าออร์คได้ทำลอบจู่โจมแล้ว หากถูกพบตัวล่ะก็ จะเปิดศึกสู้กันในทันที สถานการณ์นี้เองก็สามารถจินตนาการได้ไม่ยาก

「นายท่าน เอาไงต่อดี จะบวกเลยไหม」

หากต่อสู้กันจริงๆล่ะก็ แบชคงจัดการพวกเขาได้ไม่ยากเย็นอะไร

แต่แบชเองเป็นถึงวีรบุรุษ หากเขาที่เป็นวีรบุรุษนั้นเกิดฆ่าทหารของเผ่ามนุษย์ขึ้นมาล่ะก็ จะเกิดปัญหาใหญ่ แม้แต่อาณาจักรออร์คเองก็จะถูกลากเข้ามาในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย

ครั้งนี้เป็นการเดินทางเพื่อลบล้างความอับอายของตน จะก่อความลำบากให้แก่ประเทศไม่ได้

「ไม่ล่ะ ถอนตัวออกจากที่นี่กันเถอะ」
「รับแซ่บ」
ซิลพยักหน้าให้กับคำพูดของแบช ทั้งคู่ออกจากสถานที่เกิดเหตุไป

 

 

「แล้ว ทำไมเจ้าถึงโดนจับตัวได้ล่ะ?」

 

หลังจากออกห่างจากรถม้ามาได้ระยะหนึ่ง แบชก็ได้เริ่มเอ่ยปากถามซิล

 

ซิลที่น่าจะกลับประเทศของเผ่าแฟรี่ในเวลาเดียวกับที่สงครามยุติไปแล้ว

 

ถึงแฟรี่จะโดนพวกมนุษย์เพ่งเล็ง แต่ที่ประเทศของแฟรี่นั้นล้อมรอบไปด้วยหน้าผาชัน พวกมนุษย์ไม่สามารถเข้าใกล้ได้

 

ต่อให้เข้ามีวิธีไปได้ก็ตาม แต่ซิลเองก็มีความเร็วเป็นอันดับต้นๆในหมู่แฟรี่อยู่ มนุษย์ธรรมดาไม่น่ามีทางจับหล่อนได้อย่างแน่นอน

 

「แหม เรื่องนั้นมันก็นะ ที่ประเทศของแฟรี่มันน่าเบื่อจะตาย เห็นแบบนี้ข้าน้อยเองเป็นนักผจญภัยที่มีความใฝ่รู้ใฝ่เห็นสูงเหมือนกันนะ เลยอยากออกไปดูสิ่งที่ไม่เคยเห็นน่ะ――」

「เข้าใจล่ะ พอได้แล้ว」

「สมกับเป็นนายท่าน แค่ฟังครั้งเดียวก็รู้แล้วเนี้ย」

 

เจ้าตัวด้วยความเบื่อหน่ายคงออกจากประเทศไปบินเล่นอย่างแถวทุ่งดอกไม้ซักแห่งจนโดนพบตัว โดนล่อด้วยกลิ่นของยา เลยเวทมนตร์สลิป(หลับ)…..แน่ๆ เรื่องแฟรี่ที่เป็นเจ้าแห่งความเร็วถูกจับโดยมนุษย์ที่อืดอาดนั่นน่ะ ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่เปลี่ยนเลย

 

「แหมมันก็นะ แต่ว่าการที่ได้มาพบกับนายท่านอีกครั้งในที่แบบนี้เนี้ย ข้าน้อยเองก็ดวงดีใช่เล่นเลย」

 

ซิลบินไปมารอบตัวแบช พลางพูดเช่นนั้นออกมา

แฟรี่เป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสนุก คุยชอบการกลั่นแกล้งคนอื่นมาก

เรื่องที่ว่า ยิ่งแฟรี่อารมณ์ดีมากเท่าไร ก็ยิ่งเคลื่อนไหวไปมาอย่างเปล่าประโยชน์มากเท่านั้น เป็นที่รู้กันไปทั้ว

 

「ว่าแต่นายท่านเองก็เถอะ มาทำอะไรในที่แบบนี้กันล่ะ? ได้ยินมาว่านายท่านได้รับฉายาวีรบุรุษของเหล่าออกแล้วนี่ อ๊ะ! ยินดีด้วยที่ได้ฉายาวีรบุรุษนะ! หากพูดถึงวีรบุรุษของออร์คแล้วเนี้ย เป็นใหญ่รองแค่ราชาออร์คไม่ใช่เรอะไง! แหมแต่จากที่ข้าน้อยคิด ด้วยการเป็นที่เคารพนับถึอของออร์คทั้งมวล ทางเดินที่โรยด้วยกลีบกุหลาบนั้นคงแทบไม่มีอิสระแน่」

「……」

「หรือว่า จะตกอยู่ในนั่งลำบากจากความอิจฉาริษยาของใครบางคนกัน? โดนป้ายความผิดฐานฆ่าราชาออร์ค เลยต้องลอบหนีออกมาจากประเทศในตอนกลางคืน……สุดยอดดราม่าเลย! ถ้าจะแก้แค้นละก็ ข้าน้อยจะช่วยด้วย! สายลมอันแห้งผากของข้าน้อยจะตัดคอมันเอง!」

「ไม่ได้โดนใครริษยา องค์ราชาเองก็ยังอยู่ดี」

 

ออร์คที่อิจฉาต่อตัวตนที่ถูกเรียกว่าวีรบุรุษนั้นหามีไม่

 

ผู้ที่ถูกเรียกว่าวีรบุรุษคือผู้ที่ประสบความสำเร็จอันใหญ่หลวง

 

แทนที่จะอิจฉา สู้นับถือกันซะมากกว่า แต่แน่นอนว่า ยังมีพวกนอกคอกบางพวกอยู่บางเพียงเล็กน้อย

 

「งั้นแล้วเพราะเหตุใดเหรอ?」

 

แบชเม้มปาก

 

”เรื่องการเดินทางเพื่อสละซิง”น่ะ ต่อให้งัดปากถาม ก็ยากที่จะบอกออกได้ ถึงจะเป็นสหายร่วมสงคราม แต่มันก็มีเรื่องที่พูดได้และไม่ได้อยู่

 

「แหม ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นหรอกนะ แต่ว่าทั้งในสงครามเอง ทั้งตอนนี้เรา ข้าน้อยนี่โดนนายท่านช่วยไว้ตลอดเลยนะ ยังจำได้ไหมตอนเราเจอกันครั้งแรกน่ะ ข้าน้อยนั้นถูกจับตัวโดยทหารของพวกมนุษย์ “เห้ยผงได้แค่เนี้ยเองเรอะ แบบนี้ไม่พอหรอกนะเว้ย” กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะโดนพูดแบบนั้นใส่อยู่เลย นายท่านก็โผล่มาอย่างห้าวหาญพร้อมกับพูดว่า “จะไปนรกกันอยู่แล้ว แขนขานั่นคงไม่จำเป็นหรอกนะ” ก่อนเลาะแขนขาของพวกมนุษย์ทั้งหมดออก แหมไอ้ความไม่ยี่ระหี่นั่นน่ะ โคตรสุด เล่นเอาตกหลุมรักเลยล่ะ ! ตั้งแต่วันนั้นเลยตัดสินใจจะติดตามนายท่านไปชั่วชีวิตเลยล่ะ! ด้วยเหตุนี้ถ้าเป็นไปได้เลยอยากเป็นกำลังให้นายท่านน่ะ หวังว่านายท่านเข้าใจความรู็สึกที่กล้าแกร่งของแฟรี่ที่อ่อนไหวนี้หน่อย」

 

ระหว่างตบมือให้กับท่าโพสของซิลอย่างพอเหมาะ แบสก็คิดเรื่องบางอย่าง

 

เมื่อลองคิดดูแล้ว เขาเองก็แทบไม่รู้เรื่องของเผ่าอื่นเลยนอกจากเรื่องของตนเองเลย

 

รู้แค่เผ่าไหนสามารถใช้สืบพันธุ์ได้ เผ่าไหนใช้สืบพันธุ์ไม่ได้แค่นั้นเอง

 

ต่างจากซิล เขานั้นเป็นหน่วยข่าวกรองพ่วงสายบังคับบัญชากัน ทำให้รู้วิธีความเป็นอยู่ของเผ่าต่างๆเป็นอย่างดี

 

แถมยังเก่งด้านการรวบรวมข้อมูลด้วย พลังนั้นคงเป็นกำลังให้กับเรื่องที่เขาจะทำต่อจากนี้ได้ไม่ผิดแน่

 

「……หาเจ้าสาวอยู่น่ะ」

「เจ้าสาว……งั้นเหรอ」

 

ซิลเลิกบินวนไปรอบๆ หยุดชะงักอยู่กับที่

 

เธอมองหน้าของแบชด้วยสีหน้าจริงจังอยู่อย่างนั้น

 

แบชหลบสาย นึกว่าซิลรู้เรื่องที่ยังเป็นหนุ่มซิงของเขาแล้ว

 

ซิลนิ่งอยู่อย่างนั้นพักหน่อย ก่อนเอามือทุบกันดัง “ตุ๊บ”

 

「สำหรับออร์คแล้ว ภรรยานั้นถือเป็นตัวตนที่พิเศษสินะ! นายท่านเองก็เป็นถึงวีรบุรุษด้วย จะมีภรรยาเองก็ไม่แปลกอะไร แต่ทว่าในสถานะการณ์ประเทศของออร์คในปัจจุบันนั้น การหาภรรยาที่ทำให้นายท่านพึงพอใจได้นั้นเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นนายท่านเลยออกเดินทางเพื่อเดินทางหาภรรยาด้วยตัวเอง เรื่องมันเป็นแบบนี้เองงั้นสินะ!」

「อ่า……ประมาณนั้นแหละ」

 

ข้อสรุปของซิลเองก็แทบจะแบบเดียวกับราชาออร์ค

 

พอรู้เรื่องของแบช ส่วนใหญ่จะคิดกันไปทางนั้นหมด

 

สมกับเป็น『ซิล ดวงตาแห่งปัญญา』แน่นอนว่าเป็นฉายาที่ตนแอบอ้างเอาเอง

 

「งั้นสินะ……นายท่านจะหาเจ้าสาวงั้นสินะ……ข้าน้อยเองถ้าหากไม่ใช่แฟรี่ล่ะก็จะเสนอตัวให้อยู่หรอก~」

 

แฟรี่นั้นมีร่างกายที่เล็กมาก

 

เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่ไม่สามารถผสมพันธุ์กับเผ่าอื่นได้ แถมยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่จำแนกตัวผู้ตัวเมียเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมอีก เพราะแบบนั้นเลยทำให้สู้รบร่วมกับพวกออร์คในแนวหน้าของสงครามได้ล่ะนะ…… แต่ยังไงก็ไม่เหมาะสมในฐานะภรรยาอยู่ดี

 

「เอาล่ะ!」

 

ซิลทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอามือทุบอกตัวเองดังตุ๊บ

 

「เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วล่ะ! เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อยเอง! ถึงช่วงเวลานี้จะหาผู้หญิงที่จะยอมเป็นภรรยาของออร์คได้ยากก็ตามเถอะ……แต่หากเป็นนายท่านล่ะก็ ภรรยาซักสิบ ยี่สิบคน แปปเดียวเดี๋ยก็เจอเองแหละ! ขนาดข้าน้อยเองก็ยังอยากจะเป็นให้เลย!」

 

แบชเองก็ทราบเรื่องความมีความสามารถของซิลในระหว่างสงครามดี

 

หล่อนแอบลอบเข้าไปในกองทัพของศัตรูโดยไม่เกรงกลัวอันตราย และนำข้อมูลที่สำคัญกลับมาให้ตั้งหลายต่อหลายครั้ง

 

ความสามารถในการรอบรวมข้อมูลของหล่อนนั้นเอง ในหมู่แฟรี่ก็เป็นระดับหัวแถวเลยล่ะ ถึงจะมีอยู่บ่อยครั้งที่โดนศัตรูจับ และเกือบถูกฆ่าอยู่ก็ตาม……

 

แต่ในตอนนี้ไม่ใช่เหมือนอย่างยุคสงคราม แค่ค้นหาภรรยาล่ะก็ แทบไม่มีภัยอันตรายอะไร

 

ถ้าขอความช่วยเหลือซักหน่อย คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง

 

「ถ้าหากเอ็งพูดขนาดนั้นล่ะก็ ขอฝากด้วยล่ะกัน」

「ไว้ใจได้เลย! เพราะงั้น เรารีบไปที่เมืองกันเถอะ! ในป่าเขาแบบนี้ไม่มีผู้หญิงหรือเด็กผู้หญิงให้จีบอยู่หรอกนะ! ไปลุยกันเถอะ!」

 

และแล้วแบช กับซิลที่เป็นสหายร่วมรบ ก็ได้มาพบกันอีกหน

 

ออร์คกับแฟรี่

 

เส้นทางของทั้งคู่นั้น มุ่งหน้าไปยังประเทศของเหล่ามนุษย์