บทที่ 6 บทที่ 126-2 ข้าคือจุยเฟิง

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

‘ขอร้องล่ะ…ขอร้องให้เด็กคนนี้…ไม่ว่ายังไง…โปรดให้เขามีชีวิตอยู่…’ 

 

‘นี่มันหัวขโมย…เด็กสารเลวไม่มีพ่อไม่มีแม่…’ 

 

 ‘เขาเป็นคนขโมยของ ไม่ใช่ฉัน…’ 

 

… 

 

 ‘นายสามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้…ที่นี่สำหรับนายแล้วช่างง่ายดาย อยู่ต่อไป’ 

 

… 

 

 ‘นายชื่ออะไร…ฉันชื่อชีส นาย…เป็นยังไงบ้าง เจ็บไหม ให้ฉันไปส่งที่โรงพยาบาลไหม นายรู้จักใต้เท้าหลงไหม โรงพยาบาลของเธออยู่ใกล้ๆ นี่เอง…’ 

 

… 

 

 ‘ฉัน ชื่อ…เสี่ยวเจียง…’ 

 

… 

 

 ‘ฉันชื่อนีนี่ ดีใจที่ได้รู้จัก…’ 

 

… 

 

‘ฉันไม่ได้ฆ่านะ…’ 

 

… 

 

 ‘กระดิ่งอันนี้สามารถทำให้คนที่ได้ยินเสียงมันเชื่อฟังคำพูดของคุณได้’ 

 

 ‘ฉันต้องการมัน ถึงจะใช้วิญญาณของฉันไปหมดเลยก็ได้’ 

 

 ‘ตอนนี้มันเป็นของคุณแล้ว…คุณลูกค้าที่เคารพ’ 

 

 ‘ฮ่าๆ…กระดิ่ง กระดิ่ง ฮิๆ บนโลกนี้ถึงกลับมีของที่น่าสนใจแบบนี้อยู่ด้วย แต่ ฉันยังอยากซื้อของอีกอย่าง’ 

 

 ‘ยังต้องการซื้ออะไรอีก’ 

 

 ‘การ์ดใบนั้น เครื่องหมายหนึ่งสายสามารถทำการแลกเปลี่ยนแบบมีส่วนลดได้ครั้งหนึ่งใช่ไหม ตอนนายเอาให้ฉันยังมีสองสาย…ตอนนี้ฉันใช้ไปสายหนึ่ง กระดิ่งอันนี้ก็น่าจะมีส่วนลดใช่ไหม นั่นก็หมายถึงว่าแม้ฉันจะใช้วิญญาณของฉันทำการแลกเปลี่ยนก็ไม่สามารถเอาไปทั้งหมดได้ ใช่ไหม’ 

 

 ‘ใช่แล้ว คุณลูกค้าฉลาดจริงๆ…เช่นนั้นการแลกเปลี่ยนแบบมีส่วนลดอีกครั้งนั้น คุณคิดจะซื้ออะไร’ 

 

 ‘ฉันอยากรู้ความจริง นายเคยพูดว่าจะซื้ออะไรก็ได้ ในเมื่อไม่ยอมพูด…งั้นฉันก็จะซื้อเอา’ 

 

 ‘แต่ว่าคุณลูกค้า ดูเหมือนว่าคุณจะไม่มีอะไรที่สามารถแลกเปลี่ยนได้แล้ว’ 

 

 ‘ในเมื่อนายพูดว่าชีวิตของฉันไม่ควรสิ้นสุด อย่างน้อยก็สามารถอยู่ได้ถึงหกสิบปี…ครั้งนี้ที่นายช่วยฉันก็ต้องไม่ใช่การช่วยเปล่าๆ อย่างแน่นอน ฉันมั่นใจ ว่าต้องมีใครสักคนทำเรื่องเหล่านี้เพื่อฉัน…ดังนั้นฉันจำเป็นต้องรู้ความจริง’ 

 

 ‘คุณลูกค้า ไม่รู้จะไม่ดีกว่าหรือไง อยู่อย่างสงบไปหกสิบปีโดยไม่ตาย ไม่ดีงั้นเหรอ’ 

 

 ‘ฉันไม่อยากอยู่แบบไม่รู้อะไรแบบนี้ ฉันคือฉัน ไม่ใช่คนที่ใครจะมาบงการชีวิตยังไงก็ได้ ฉันสามารถคุ้มครองตัวเองได้ ชีวิตที่ไม่สมควรตายแบบนี้…ฉันไม่ต้องการ ฉันต้องการความจริง ในเมื่อมีคนมอบยันต์คุ้มครองชีวิตสายนี้แก่ฉัน…งั้นมันก็คือของฉันแล้ว ทำไมฉันถึงจะไม่สามารถใช้ยันต์คุ้มครองนี้ซื้อของที่ฉันอยากได้ล่ะ’ 

 

 ‘อืม…เมื่อเป็นแบบนั้น ผมก็เข้าใจแล้ว ผมจะพูดเรื่องความจริงในครั้งนั้นให้คุณฟังก็แล้วกัน พ่อของคุณเป็นดาวดวงแรกของดวงดาวจื่อเว่ย ดาวหมาป่าตะกละ บนตัวของคุณมีสายเลือดของหมาป่าตะกละ…คนที่มอบยันต์คุ้มครองชีวิตสายนี้ให้คุณก็คือพ่อของคุณ ส่วนเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมอบยันต์คุ้มครองชีวิตสายนี้ให้คุณก็เป็นเพราะสายเลือดอีกสายหนึ่งในร่างกายของคุณ สายเลือดที่มาจากแม่ของคุณ พวกเราเรียกมันว่าเป็นสายเลือดของหมาป่าเฟนรีร์[1] แน่นอนว่าแม่ของคุณเป็นเพียงรุ่นหลังของผู้สืบทอดเสียนจี้หนึ่งในลูกของหมาป่าเฟนรีร์เท่านั้น ดังนั้นสายเลือดจึงค่อนข้างเบาบางหน่อย’ 

 

 ‘หมาป่าตะกละ…หมาป่าเฟนรีร์ เสียนจี้ พ่อแม่ของฉัน…นี่คือ…ประวัติของฉัน แต่ทำไม…พ่อแม่ของฉันแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น ทำไม…’ 

 

 ‘ดูเหมือนจะเป็นเพราะการเชื่อมกันระหว่างพ่อและแม่ของคุณ สายเลือดของหมาป่าตะกละกับสายเลือดของหมาป่าเฟนรีร์ไม่สามารถผสานเข้ากันได้ ในช่วงเวลาตอนที่คุณกำเนิดออกมา…เอ่อ คุณอยากรู้จริงๆ ใช่ไหม’ 

 

 ‘พูดมา’ 

 

 ‘คุณฉีกท้องแม่ของคุณออกมา สูบเอาพลังชีวิตทั้งหมดของเธอ ทำให้เธอตาย…ส่วนคุณก็มีชีวิต’ 

 

 ‘ฉันไม่เชื่อ นายหลอกฉัน’ 

 

 ‘ดังนั้นผมถึงบอกว่าการรู้ความจริงนั้นไม่ดีต่อคุณ’ 

 

 ‘พูดต่อไป พ่อของฉันล่ะ ทำไมถึงต้องซื้อยันต์คุ้มครองชีวิตนี้ให้ฉัน’ 

 

 ‘พูดตั้งแต่แรกแล้วว่าพลังสองชนิดบนร่างกายของคุณนั้นไม่เข้ากัน แต่ตอนที่คุณเกิดนั้นได้ดูดซับเอาพลังทั้งหมดของแม่คุณมาทำให้พลังสายเลือดของหมาป่าเฟนรีร์กดทับพลังของหมาป่าตะกละ แต่พลังของหมาป่าตะกละก็เป็นพลังที่พิเศษมาก มันจึงแฝงตัวอยู่ ต่อมาพ่อของคุณคิดหาวิธีจะช่วยให้คุณเพิ่มพลังเพื่อทำให้พลังสองชนิดนั้นอยู่ในระดับที่สมดุล แต่ดูเหมือนพ่อของคุณจะมีพลังไม่เพียงพอ หรือจะพูดว่าพลังสองชนิดที่อยู่ในร่างกายของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เหนือไปกว่าการรับรู้ของพ่อคุณ…ตอนนั้นพ่อของคุณหาทางร้านพบเพราะต้องการรู้ว่าร่างกายของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร’ 

 

 ‘อืม…ในเมื่อเป็นคำขอของลูกค้า ทางร้านก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ตอนนั้นหลังจากทางร้านวิเคราะห์แล้วก็พบสาเหตุ…นั่นก็คือสองพลังนี้ผสานกันอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายก็จะกลายเป็นพลังที่ไม่มีสติเหลือเพียงแต่ฆ่าล้าง มันจะค่อยๆ เติบโตขึ้นในตัวคุณจนกระทั่งถึงวันวันหนึ่ง มันจะกลืนทั้งหมดของคุณ ทำให้คุณกลายเป็นสัตว์ประหลาด คุณจะไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร อยากทำลายทุกอย่างในโลก คุณจะไม่มีความรู้สึกมีความสุข เจ็บปวดหรือเศร้า…คุณจะเหมือนเกิดมาเพื่อฆ่าเท่านั้น และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป’ 

 

 ‘แต่ที่น่าเสียดายก็คือ พ่อของคุณมีค่าไม่เพียงพอ เพราะพลังในร่างของคุณอยู่เหนือเขา เพราะแบบนั้นเขาจึงทำได้เพียงใช้ตัวเองแลกกับยันต์คุ้มครองชีวิตให้คุณ…ทำให้คุณใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปหกสิบปี ร่างไฮยีน่าเป็นเพียงร่างปลอมที่เขามอบให้คุณ แต่ผ่านไปนานขนาดนี้ พลังในร่างของคุณจึงเริ่มตื่นขึ้นแล้ว’ 

 

 ‘นายหลอกฉัน นายบอกว่าฉันจะไร้ความรู้สึก กลายเป็นเครื่องจักรสังหาร…แต่ทำไมตอนนี้ฉันถึงยังมีความคิดปกติอยู่’ 

 

 ‘คุณลูกค้าลืมยันต์คุ้มครองชีวิตบนร่างของคุณไปแล้วหรือ ภายในหกสิบปี ถึงพลังของคุณจะตื่น คุณก็จะไม่เสียสติ ทางร้านไม่เคยขายของปลอม’ 

 

 ‘เป็นเพราะพวกนาย…ฉันถึง…งั้นฉันก็เพิ่งใช้ยันต์คุ้มครองชีวิตนี้ไป ไม่ใช่ว่า…พวกนาย เจ้าเล่ห์อย่างนี้นี่เอง’ 

 

 ‘อืม…ไม่ใช่เพราะคุณลูกค้าดื้อดึงเองงั้นเหรอ ที่ไม่พูดถึงเรื่องนี้…ก็เป็นเพราะทางร้านเคยรับปากไว้กับพ่อของคุณ’ 

 

 ‘ตอนนี้ฉัน…ทำไมถึงต้องโหดร้ายกับฉันตลอด…ฉันทำผิดอะไรกันแน่’ 

 

… 

 

 ‘มนุษย์พวกนี้น่ารำคาญจริงๆ ต้องสั่งสอนพวกเขาสักหน่อยดีไหม บอกแล้วไงว่าให้เรียกฉันว่าหัวหน้า นีนี่ เรียกสิ’ 

 

 ‘หัวหน้า’ 

 

 ‘ฮ่าๆๆๆ ไม่เลว แบบนั้นแหละ ไม่เลวเลย ฮ่าๆๆๆ ไม่เลว…ไม่เลวเลย…ฮ่าๆๆ…’ 

 

… 

 

 ‘นีนี่…เธอรู้ไหม ที่แท้แล้วฉันเป็นตัวซวย เสี่ยวเจียงพูดไม่ผิด…ฉันไม่ควรมีชีวิตอยู่จริงๆ…แต่ฉันทำอะไรผิดกัน ฉันทำอะไรผิดกันแน่’ 

 

 ‘ฉันทำอะไรผิด’ 

 

 ‘ฉันจะฆ่าเธอ สุดท้ายฉันจะฆ่าเธอ ฆ่าเธอ ฆ่าชีส ฆ่าทุกคน เธอรู้ไหม’ 

 

 ‘ฉันเคยฆ่าแม่ของฉัน ฉันฆ่าเธอเองกับมือ เธอรู้ไหม’ 

 

 ‘ทำไม…ถึงทำกับฉันอย่างนี้…’ 

 

 ‘ฉันไม่สมควรมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ…’ 

 

… 

 

 “จุยเฟิง วางมือเถอะ พวกเรารู้แล้วว่าเป็นนายที่ช่วยเสี่ยวเจียง ขอโทษด้วย” 

 

 “อย่ามาเล่นไม้นี้กับฉัน แม้แต่มังกรแท้จริงก็ยังหมดปัญญา…เธอไม่มีวิธีอื่น เธอไม่สามารถมองเห็นพวกเขาเป็นอย่างนี้ไปตลอดได้ ถึงเธอจะไม่ยอม แต่เพราะเป็นชะตาชีวิตของมังกรแท้จริงทำให้เธอต้องทำแบบนี้…ต้องก้มหัวให้ฉัน ใช่ไหม เธอไม่ได้ขอโทษจากใจจริงหรอก” 

 

 “แล้วแต่นายจะพูด ฉันอยากให้นายปล่อยปีศาจพวกนี้จากการควบคุมจริงๆ ไม่ผิด แต่สิ่งที่ฉันหวังยิ่งกว่าคือให้นายสงบลง จิตมารของนายมาอย่างกะทันหัน แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีขับออก” 

 

 “ตอนนี้ฉันสบายดี” 

 

ไม่ต้องสนใจฉัน…จริงๆ นะ ไม่ต้องสนใจฉันแล้ว…เกลียดแค้นฉันเถอะ…ดีที่สุดคือฆ่าฉันให้ตายซะ… 

 

ฉัน…ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะฆ่าตัวตาย…ฉัน ฉันไม่มี… 

 

… 

 

 “ฉันสบายดีจริงๆ…ไม่ต้องสนใจฉัน” 

 

อา สายลมนี้ สบายจริงๆ… 

 

กางแขนรับสายลมยามค่ำคืน ดูเหมือนร่างกายจะผ่อนคลายขึ้นมา ร่างกายของจุยเฟิงค่อยๆ ตกลงไป 

 

ตอนนีนี่เรียกฉันว่าหัวหน้านั้นเรียกเสียงดังมาก…ถึงจะไม่ใช่จากใจจริง แต่ก็ดีที่ได้ยินเสียงเรียกดังขนาดนั้น… 

 

เจ้าเด็กชีส…คิดว่าฉันจะชนะนายไม่ได้งั้นเหรอ ฉันคือจุยเฟิงนะ ไม่จำเป็นต้องให้นายมาอ่อนข้อให้…เตะบอลสนุกจริงๆ 

 

เกลียดฉันเถอะ…ฆ่าฉัน…คงพอ…พอแล้ว 

 

ไม่ต้องอยู่ต่อไปพร้อมกับความเศร้าที่ไม่รู้สาเหตุอีกต่อไปแล้ว…เกลียดฉัน ฆ่าฉันก็พอ  

 

ฉันคือจุยเฟิง จุยเฟิงผู้ยิ่งใหญ่ การตายแบบนี้ถึงคู่ควรกับการตายของบอสใหญ่อย่างฉัน…บอสใหญ่ที่ถูกผู้กล้าฆ่าตายในท้ายที่สุด 

 

ฮ่าฮ่าฮ่า 

 

‘โปรดให้อภัยฉันที่ดื้อด้านไล่ล่าหาความอิสระ 

 

ก็กลัวว่าสักวันจะล้มเหลว…’ 

 

เพลงนี้…ในที่สุดก็ร้องจบแล้ว…เสียงปรบมือเยอะขนาดนี้ ตื่นเต้นขนาดนี้…มีความสุขขนาดนี้…แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ร้องแย่สักเท่าไหร่…พวกมนุษย์อะไรนั่น 

 

แต่…แต่ว่า 

 

 “พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจด้านนอกเริ่มเข้ามาบุกรุกพื้นที่ของพวกเราแล้ว พวกเรามาถึงจุดที่ทนต่อไปไม่ได้แล้ว คืนนี้ฉันจะต้องสั่งสอนพวกที่ไม่รู้จักตายพวกนี้ให้หนัก ให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของฉันจุยเฟิง พวกนายว่าดีไหม” 

 

ใช่แล้ว ยังมีอีกรายการหนึ่ง…แตกตื่นกันไปเถอะ พวกมนุษย์ 

 

ฉันจุยเฟิงจะสั่งสอนพวกนาย…เป็นครั้งสุดท้าย 

 

ปี๊บ 

 

พริบตาที่ตกลงไปจุยเฟิงก็ล้วงเอารีโมทเล็กๆ ออกมาและกดปุ่มบนนั้น 

 

 “คำรามสิ” 

 

พริบตาเดียวที่กดปุ่มลงไป จุยเฟิงก็ออกแรงเฮือกสุดท้าย กำกำปั้นขึ้นมาแล้วชูขึ้น “เอาละ ฉันคือ…จุยเฟิงผู้ยิ่งใหญ่ คำรามสิ!” 

 

บึม! 

 

เสียงดังสนั่น 

 

แสงไฟขนาดใหญ่ระเบิดออกพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน…แสงสว่างมาก เป็นดอกไม้ไฟที่บานกระจายเหมือนดอกกุหลาบดอกใหญ่ 

 

อลังการ 

 

เมื่อผู้ชมที่กำลังซาบซึ้งไปกับเพลงของนักร้องถูกเสียงรบกวนนี้ทำให้ตกใจก็เงยหน้าขึ้นท้องฟ้ามองดูดอกไม้ไฟที่สวยงามนี้อย่างไม่รู้ตัวและก็พากันประหลาดใจ 

 

เห็นกลางอากาศมีผ้าชิ้นใหญ่ค่อยๆ ตกลงมา บนนั้นมีอักษรขนาดใหญ่เขียนว่า 

 

‘ข้าคือจุยเฟิงผู้ยิ่งใหญ่’ 

 

 “จุยเฟิงคือใคร” 

 

 “ไม่รู้สิ นี่คือ…ผลสรุปของรายการงั้นเหรอ” 

 

 “รอเดี๋ยว…นี่มันอะไร ว้าก หนีเร็ว” 

 

ในตอนนี้เอง อะไรบางอย่างที่มีสีดำและขนาดเล็กกำลังตกลงมาใส่ผู้ชมเหมือนสายฝน…นี่ไม่ใช่ฝุ่นควันที่ลอยมาจากดอกไม้ไฟ 

 

แต่เป็น…แมลงสาบ แมลงสาบนับไม่ถ้วน ซากของแมลงวัน…ซากของแมลง…เต็มไปหมด 

 

พวกมันตกลงมาบนอัฒจันทร์ของผู้ชม สาดลงบนหัว บนตัวของพวกเขา ไปทางไหน…ก็ทำให้คนรังเกียจ ผู้หญิงกรีดร้องเสียงแหลม 

 

ไม่เพียงเท่านี้ บั้งไฟเล็กจำนวนมากก็ถูกยิงจากยอดหลังคาวงแหวนของสนามกีฬาไปยังที่นั่งคนดู… 

 

ทำให้เกิดความวุ่นวาย…ที่ไม่เคยมีมาก่อน 

 

 “ฮ่าๆๆๆ” 

 

เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายดังขึ้น ร่างกายของจุยเฟิงตกลง ตกลง ตกลง 

 

ตกลง… 

 

อา… 

 

ข้าคือจุยเฟิงผู้ยิ่งใหญ่… 

 

 

 

[1] หมาป่าเฟนรีร์ ตามตำนานบอกว่าเป็นหนึ่งในบุตรของโลลิ เป็นบิดาแห่งหมาป่าสกอลล์และฮาตี