บทที่ 2510 ถูกคนขโมยไปแล้วเหรอ? / บทที่ 2511 มันคงจะไม่ระเบิดใช่ไหม?

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2510 ถูกคนขโมยไปแล้วเหรอ?

ไม่เหลือเลยสักเม็ด!

ถูกคนขโมยไปแล้วเหรอ? หรือว่าเขาตื่นขึ้นมากลางคัน?

กู้ซีจิ่ววนเวียนรอบตัวตี้ฝูอีสองรอบดุจกังหันลม เพ่งพินิจเขาทุกซอกมุม

หัวใจพลันดิ่งวาบลงไป

หลายวันมานี้เธอวนเวียนรอบรูปสลักหยกนี้ไม่รู้กี่รอบแล้ว จดจำทุกสัดส่วนของรูปสลักหยกได้ชัดเจนแม่นยำ อย่าว่าแต่การเคลื่อนไหวของเขามีการเปลี่ยนแปลงเลย ต่อให้ผมยุ่งไปสักเส้นเธอก็มองออก!

รูปสลักหยกในตอนนี้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด!

เหมือนที่ผ่านมาไม่มีผิด! แม้แต่ไรผมสักเส้นก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย

กล่าวอีกอย่างคือ เขาไม่ได้ฟื้นขึ้นมาเลย…

เช่นนั้นโอสถมรรคาม่วงเหล่านี้ ถูกขโมยไปหรือ?!

ไม่ใช่มั้ง?!

กระโจมนี้ของเธอเป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ คนของที่นี่ล้วนทราบข้อนี้ดี ไม่มีใครกล้าทะเล่อทะล่าเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอได้ติดตั้งเขตแดนไว้นอกกระโจมด้วย ต่อให้เป็นสององครักษ์จินหวา ก็เข้ามาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่นเลย!

ไม่ถูกสิ ดูเหมือนคุนเสวี่ยอี๋จะชำนาญด้านการสลายเขตแดนมาตั้งแต่เกิด แถมเขายังพักผ่อนอยู่ในทะเลสาบข้างหน้านี้ด้วย อยู่ในระยะสามลี้ ต่อให้มียุงสักตัวบินผ่านมาก็สามารถระบุได้ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย…

กู้ซีจิ่วออกมา ตรงไปเรียกคุนเสวี่ยอี๋ที่ริมทะเลสาบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง มัจฉาคุนขนาดย่อส่วนจิ๋วหลิวก็โผล่หัวขึ้นมาจากทะเลสาบ ไม่ยินดีจะขึ้นจากน้ำยิ่งนัก โผล่เพียงศีรษะขึ้นมาเท่านั้น

“แม่นางกู้ เรียกข้ามามีธุระใดหรือ?”

“เมื่อครู่เจ้าเห็นใครเข้าไปในกระโจมของข้าบ้างไหม?”

“ไม่มีนะ ภายในระยะเวลาสองชั่วยามนี้ไม่มีใครเข้ามาเลย ทำไมหรือ?”

ไม่มีใครมา แล้วยาลูกกลอนพวกนั้นหายไปกระทันหันได้อย่างไร?

เพียงแต่ กู้ซีจิ่วยังคงไว้ใจคุนเสวี่ยอี๋ยิ่งนัก ในเมื่อเขาบอกว่าไม่มีใครมา เช่นนั้นก็น่าจะไม่มีใครมาจริงๆ

คุนเสวี่ยอี๋มองเธอด้วยดวงตาวาววาม เขาเป็นคนฉลาดเฉลียว เอ่ยคาดเดาไป

“คงมิใช่ว่ามีของหายกระมัง?”

กู้ซีจิ่วตอบอืมคำหนึ่ง หันหลังกลับเข้ากระโจมไป

คุนเสวี่ยอี๋คิดดูเล็กน้อย ท้ายที่สุดก็ขึ้นฝั่ง โบกครีบ เมื่อขึ้นฝั่งก็เป็นร่างเป็นพญาวิหคเผิง แน่นอน ร่างจริงใหญ่โตเกินไป เขาจึงแปลงกายเป็นขนาดย่อส่วน จากนั้นก็ยืนอยู่นอกกระโจม สอบถาม

“อะไรหายหรือ? ต้องการให้ข้าช่วยหาหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วก็ต้องการอาศัยประสาทสัมผัสการรับกลิ่นของเขาเช่นกัน จึงตอบรับ

“เอาสิ เข้ามาเถอะ”

ด้วยเหตุนี้ คุนเสวี่ยอี๋จึงเดินเตาะแตะเข้าไปด้วยสองขาสั้นๆ

กู้ซีจิ่วกำลังวนเวียนอยู่รอบๆ รูปสลักหยก มองหาตามหลืบเตียง ซอกหลืบต่างๆ…

ถึงอย่างไรยาลูกกลอนเหล่านั้นก็ล้วนกลมเกลี้ยง ไม่แน่ว่าเม็ดยาอาจกลิ้งตกจากมือมันไปแล้วก็ได้ จากนั้นก็กลิ้งเข้าไปในหลืบมุมอันใด…

พอเธอเงยหน้ามาเห็นพญาวิหคเผิงฉบับย่อส่วน ก็ตะลึงไปแวบหนึ่ง

“นี่เจ้าทำอะไร?”

พญาวิหคเผิงมองรูปสลักหยกนั้น จากนั้นก็ตอบกลับอย่างสุขุม

“เลี่ยงข้อครหา”

กระโจมนี้น่าจะเป็นเรือนนอนของกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอี เป็นสถานที่รโหฐานยิ่งนัก

หากตี้ฝูอีทราบว่า เขาเคยเข้ามาด้วยร่างมนุษย์เพศชาย คาดว่าต้องลงโทษเขาอย่างหนักเป็นแน่…

ดังนั้นเข้ามาด้วยร่างวิหคจะดีกว่า

โชคดีที่ความสนใจของกู้ซีจิ่วไม่ได้อยู่ที่ตัวมัน ไม่ได้ใส่ใจว่ามันจะอยู่ในร่างคนหรือร่างนก กู้ซีจิ่วยังมีโอสถมรรคาม่วงติดตัวอยู่อีกเม็ด จึงมอบให้คุนเสวี่ยอี๋ดู บอกว่าสิ่งนี้หายไป ให้มันช่วยตามหา

คุนเสวี่ยอี๋มีความรู้กว้างขวาง ทันทีที่เห็นโอสถมรรคาม่วงก็สะดุ้งโหยง!

ถึงมันจะไม่รู้ว่ายานี้หลอมขึ้นจากวัตถุดิบชนิดใด แต่รู้ว่าสิ่งนี้อุดมพลังวิญญาณมหาศาล เป็นโอสถล้ำค่าหายาก มีค่าควรเมือง มีเงินเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้

การที่สิ่งนี้หายไปย่อมเป็นเรื่องใหญ่!

“โอสถนี้มีทั้งหมดสองเม็ด แต่เจ้าทำหายไปเม็ดหนึ่งใช่ไหม? ทำหายที่ไหนกัน?”

————————————————————————————-

บทที่ 2511 มันคงจะไม่ระเบิดใช่ไหม?

“ไม่ใช่ หายไปหลายสิบเม็ดเลย นี่คือหนึ่งในบรรดานั้น…เดิมทีเก็บไว้ในกระโจมนี้ เมื่อกี้ก่อนข้าไปยังมีอยู่เลย แต่พอกลับมาก็หายไปแล้ว และเป็นเวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น…”

คุนเสวี่ยอี๋ตกตะลึง

กู้ซีจิ่วสงสัยว่ามีตัวอะไรมุดดินมาขโมยยาไป ดังนั้นจึงตั้งใจสำรวจดูว่าด้านล่างมีโพรงสัตว์จำพวกหนูอยู่หรือไม่…

“แม่นางกู้วางใจเถอะ ขอเพียงมีสิ่งใดเคยเข้ามาในกระโจมจริงๆ ข้าก็สามารถลากตัวมันออกมาได้!”

คุนเสวี่ยอี๋ประสานสองปีกไว้ตรงหน้าอก คล้ายจะร่ายอาคมอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่ง มีเส้นขนเนียนละเอียดราวกับเข็มแหลมนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากปลายปีก ล่องลอยไปยังแต่ละซอกมุมภายในกระโจม…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เส้นขนเหล่านี้ก็ลอยไปยังทิศทางหนึ่ง ลอยนิ่งอยู่เหนือสองมือของรูปสลักหยก ปลายขนล้วนชี้ไปในทิศทางเดียวกัน สองมือของรูปสลักหยก!

คุนเสวี่ยอี๋พูดไม่ออกเลย

“คงมิใช่ว่ามันมีชีวิตขึ้นมา แล้วขโมยยาไปกระมัง?”

คุนเสวี่ยอี๋วนเวียนรอบรูปสลักหยกสองรอบ คล้ายจะดมหาสิ่งใด สุดท้ายก็หันไปมองกู้ซีจิ่ว

“โอสถเหล่านั้น…ดูเหมือนจะถูกมันกินเข้าไปแล้ว!”

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง “มิใช่กระมัง? มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยชัดๆ”

คุนเสวี่ยอี๋มองรูปสลักหยกนั้นอีกสองสามครา “ไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ แต่บางทีมันอาจถูกไอวิญญาณจากโอสถเหล่านั้นกระตุ้นให้มีชีวิตขึ้นมา ฉวยโอกาสตอนที่เจ้ายังไม่กลับมา ขโมยกินโอสถทั้งหมดนั้น จากนั้นก็กลับมาเป็นเช่นนี้อีกครั้ง ไม่แน่ว่ารูปสลักหยกนี้อาจจะมีจิตวิญญาณแล้วก็ได้…”

คุนเสวี่ยอี๋มีท่าทีคล้ายว่าต้องการจะทุบรูปสลักหยกออกดู

กู้ซีจิ่วกระแอมคราหนึ่ง แยกมันออกจากรูปสลักหยกอย่างเงียบเชียบ

ใช้ข้ออ้างว่า ที่เขตแดนดูล่อแหลมอันตรายอยู่บ้าง มันควรจะไปประจำการที่นั่นสักหน่อย แล้วดันมันออกไป

เมื่อคุนเสวี่ยอี๋ออกไปแล้ว สายตาของกู้ซีจิ่วก็ร่อนลงบนสองมือของตี้ฝูอี สังเกตเห็นว่าสองมือของมันมีสีแดงเรื่ออยู่จางๆ ไม่ได้ซีดขาวราวกับหยกเช่นก่อนหน้านี้แล้ว

“ฝูอี ยาพวกนั้นถูกเจ้าดูดซับไปแล้วหรือ?”

นิ้วมือกู้ซีจิ่วแตะมือของรูปสลักหยกเบา ใจสั่นขึ้นมาอีกครั้ง!

บนมือของรูปสลักหยกมีพลังวิญญาณไหลเวียนอยู่เลือนราง เธอแตะแค่นิดเดียว ก็มีพลังวิญญาณถ่ายทอดออกมาจากมือของรูปสลักหยกแล้ว…

พลังวิญญาณนั้นไหลเชี่ยวกราก ถาโถมยิ่งนัก!

พุ่งเข้าใส่จนนิ้วเธอชาไปหมดแล้ว!

เธอชักมือกลับตามสัญชาตญาณ รีบตะโกนเรียกหยกนภา

“เสี่ยวชาง เจ้าดูหน่อยสิว่าพลังวิญญาณของมันกำลังล้นทะลักอยู่หรือเปล่า?”

หยกนภาลอยออกมาจากข้อมือเธอ คล้องลงบนข้อมือของรูปสลักหยก เพิ่งจะสวมเข้าไปก็สั่นสะท้านปานไกวชิงช้าขึ้นมา จากนั้นก็หล่นลงมาเสียงดังตุ้บ กลิ้งหลุนๆ คราหนึ่ง

‘เจ้า…เจ้านาย พลังวิญญาณที่อยู่ด้านในแกร่งกล้าเกินไป! ข…ข้ารับไม่ไหว…’

ขณะที่พูดอยู่ รูปสลักหยกที่นั่งตระหง่านอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดก็สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน บนร่างมีแสงส่องออกมารางๆ เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง มองแล้วน่าพิศวงอย่างยิ่ง

ราวกับมีเพลิงอันใดกำลังลุกโหมอยู่ภายในรูปสลักหยก แผดเผาลามไปทีละชุ่นๆ…

‘เจ้านาย มันคงจะไม่ระเบิดใช่ไหม?’

หยกนภามองรูปสลักหยกอย่างอกสั่นขวัญแขวน เกรงว่ามันจะระเบิดตู้มขึ้นมา

กู้ซีจิ่วหน้าเปลี่ยนสีแล้ว!

หากว่ารูปสลักหยกระเบิด เกรงว่าเขาคงต้องหายไปตลอดกาลเสียแล้ว!

ความหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียไปเข้าเกาะกุมหัวใจเธอ ทำให้หัวใจเธอหดรัดจนกลายเป็นก้อนกลม

ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน พุ่งเข้าไป จับมือของรูปสลักหยกไว้โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ต้องการบังคับดูดซับพลังวิญญาณบางส่วนจากร่างมันมา

แต่ที่น่าประหลาดคือ ตอนที่ตี้ฝูอีนั่งสมาธิครั้งก่อน หยกนภาสามารถดูดซับพลังวิญญาณจากร่างเขาได้ ทว่าหนนี้กลับทำไม่ได้แล้ว!

เธอสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณภายในร่างของรูปสลักหยกล้นปรี่จนเหมือนจะระเบิดออกมาแล้ว เพียงแต่ไม่รั่วไหลออกมาเลยสักนิด