ตอนที่ 302 หาเรื่อง

รักเล่ห์เร้นใจ

คำพูดของเลขาทำเอาผู้กำกับนึกว่าตัวเองหูฝาดไป หลังจากย้ำเพื่อความแน่ใจไปหลายครั้ง ก็รู้ว่าเขาฟังถูกแล้ว แต่ยังนึกสงสัยอยู่บ้าง ถ้าเป็นตามปกติทั่วไปแล้ว ไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลยนี่นา! เซียวจิ่งสือดีต่อหลินหว่านแค่ไหน พวกเขาเห็นเคยกับตามาแล้ว ตอนนี้กลับยอมให้ไป๋เจี๋ยแก้บทหนัง 

 

 

ปกติเห็นเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านยังเข้าใจว่าเซียวจิ่งสือให้ความสำคัญกับหลินหว่านมากขนาดไหน ที่แท้ก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นเอง พอถึงเรื่องสำคัญก็ไม่สนเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เช่นกัน 

 

 

หลังวางสาย ผู้กำกับแอบถอนใจโล่งอก ถ้าเซียวจิ่งสือช่วยหลินหว่านงั้นเขาก็ยังทำตัวลำบากอยู่บ้าง ถึงอย่างไรตอนนี้ไป๋เจี๋ยก็มีคนหนุนเหมือนกัน 

 

 

เมื่อครู่เขาโทรหาเซียวจิ่งสือก็เพื่อจะหยั่งท่าทีของเขา ตอนนี้ดูท่าเขาไม่ต้องลังเลใจแล้ว ถึงยังไงเซียวจิ่งสือก็เป็นผู้ลงทุนในหนังเรื่องนี้มากที่สุด ถ้าเขาไม่ยอมให้แก้บทหนัง งั้นต่อให้ไป๋เจี๋ยเก่งกาจขนาดไหน เขาก็คงไม่แก้บทนั่น แต่ท่าทีของเซียวจิ่งสือกลับเป็นแบบนี้ งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินผู้ลงทุนเพื่อนักแสดงคนหนึ่ง 

 

 

ผู้กำกับโทรออกสายหนึ่ง “ฮัลโหล แก้บทตามที่ไป๋เจี๋ยต้องการก็แล้วกัน! เมื่อครู่ผมยืนยันกับผู้ลงทุนแล้ว พวกเขาไม่มีความเห็น งั้นคุณก็ยืนยันกับเธอซะ จากนั้นแก้บทไปตามที่เธอต้องการก็พอแล้ว” 

 

 

งานกำกับการแสดงนี่ช่างแสนจะเหนื่อยหนัก ไหนจะต้องดูอารมณ์ของนายทุน ไหนยังจะต้องดูสีหน้าของนักแสดงอีก บทหนังยังแก้ไปแก้มาอยู่ทุกวันอีก 

 

 

ไป๋เจี๋ยหยิบบทหนังที่แก้แล้วมา ด้วยสีหน้ากระหยิ่มใจเดินมาที่ข้างกายหลินหว่าน “ต่อจากนี้อีกหลายฉากมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ทราบว่าคุณเห็นแล้วหรือยัง?” 

 

 

หลินหว่านแค่นหัวเราะ เธอก็เพิ่งทราบว่ามีการแก้บทหนัง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากอ่านดูบทแล้วก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไรแล้ว  

 

 

“ไป๋เจี๋ย ฉันเสียใจจริงๆ ที่ตอนแรกช่วยเธอ เธอเข้าใจว่าทำเรื่องน่าอายที่เอาตัวเข้าแลกแบบนี้แล้ว จะมาแทนที่ฉันได้งั้นเหรอ? ช่างไม่รู้จักละอายซะบ้าง แค่แก้บทหนังนิดหน่อยก็คิดจะให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ? เธอไม่ดูถูกฉันไปหน่อยเหรอ?” 

 

 

ถึงแม้ปกติหลินหว่านจะมีนิสัยโผงผางไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยโมโหอย่างในตอนนี้มาก่อน ดูเหมือนเธอจะพูดแรงที่สุดในชีวิตก็ว่าได้  

 

 

ไป๋เจี๋ยถูกเธอพูดซะจนหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ “หลินหว่าน คุณอย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งแค่ไหนกัน พวกเราสองคนก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างสักนิดกระมัง! ถ้าคุณไม่มีเซียวจิ่งสือหนุนหลัง คุณคิดว่าตัวเองเป็นอะไรได้? คุณรู้ไหม เรื่องแก้บทคราวนี้ได้ยินมาว่าเซียวจิ่งสืออนุญาติเองเลยด้วย” 

 

 

พอพูดถึงเซียวจิ่งสือ ไป๋เจี๋ยก็รู้สึกขัดเคืองใจเอามากๆ ทำไมหลินหว่านจึงได้ความรักจากเขา ส่วนเธอกลับไม่ได้ 

 

 

หลินหว่านคิดระแวงเซียวจิ่งสือเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของเธอได้ยังไงกัน ต่อให้คำพูดของเธอเป็นเรื่องจริง หลินหว่านก็ไม่โทษว่าเซียวจิ่งสือ ถึงยังนี่ก็เป็นเรื่องของเธอเอง เขาช่วยเธอมาตั้งมากแล้ว ตอนนี้ถ้าเขาไม่อยากช่วย ก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว 

 

 

“ต่อให้เขาอนุญาตแล้วยังไง เธอเข้าใจว่าเพียงแค่คำพูดประโยคเดียวของเธอจะทำให้ฉันโกรธเซียวจิ่งสืองั้นหรือ? ฉันจะบอกให้นะ เก็บความคิดร้อยเล่มเกวียนของเธอเอาไว้ซะเถอะ! ไม่ว่าเซียวจิ่งสือจะทำยังไงกับฉัน ฉันก็ไม่โทษว่าเขาหรอก แล้วนี่ก็แค่แก้บทหนังเองไม่ใช่รึไง? ไม่ว่าจะแก้เป็นอย่างไร ฉันก็จะแสดงกับเธอจนถึงที่สุด” 

 

 

ไป๋เจี๋ยฟังคำของหลินหว่านแล้วโกรธจนหน้าเขียวไปเลย แต่พอนึกถึงบทที่เธอแก้แล้ว พริบตานั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา 

 

 

“ได้เลย! งั้นก็รอให้เราได้เห็นดีกัน!” 

 

 

ตามบทที่ไป๋เจี๋ยแก้นั้น หลินหว่านไม่ได้บังเอิญตกน้ำ แต่ถูกตบหน้า แค่ไม่กี่ฉากเท่านั้นหลินหว่านก็ถูกตบไปสามฉาดแล้ว 

 

 

ผู้กำกับทนดูไม่ได้ขึ้นมาบ้าง “ไป๋เจี๋ย เราแก้ใหม่อีกทีเถอะ!” 

 

 

“ผู้กำกับ คุณไม่อยากได้เงินทุนแล้วใช่รึเปล่าล่ะ?” 

 

 

ไป๋เจี๋ยเห็นผู้กำกับเข้ามาพูดกับหลินหว่าน ก็พูดขึ้นบ้างอย่างไม่พอใจมาก ผู้กำกับไม่รู้จะทำอย่างไรจึงได้แต่เริ่มเดินกล้องไปทั้งอย่างนี้ 

 

 

“ผู้กำกับคะ ฉันมีข้อเสนอค่ะ” 

 

 

ผู้กำกับมองเธออย่างอยากรู้ ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรอีกนะ “เอาอย่างนี้ไหมคะเราตบจริงกันไปเลยเถอะ! จะได้สมจริงไง” 

 

 

ไป๋เจี๋ยพูดพลางส่งยิ้มให้กับหลินหว่าน ผู้กำกับสีหน้ายุ่งยากใจ 

 

 

“นี่…” 

 

 

หลินหว่านยิ้มให้ผู้กำกับ “ไม่เป็นไรค่ะ ตบจริงก็ตบจริงค่ะ! ฉันรับได้ค่ะ” 

 

 

ถึงแม้หลินหว่านดูเปลือกนอกไม่มีอะไร แต่ในใจนั้นเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาบ้างแล้ว เห็นเธอรังแกง่ายนักรึไง เรื่องทั้งหมดในวันนี้จะช้าเร็วต้องเอาคืนให้ได้ 

 

 

“ดีเลย! ทุกฝ่ายเตรียมตัว” 

 

 

พอพูดบทจบ หลินหว่านก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามุมปากของไป๋เจี๋ยยกขึ้นเล็กน้อย 

 

 

แรงตบที่ดูเหมือนจะใช้แรงทั้งหมดในร่างฟาดลงบนใบหน้าของหลินหว่าน พริบตานั้นเธอรู้สึกใบหน้าแสบร้อนขึ้นมา ศีรษะก็มึนงงอยู่บ้างทำให้หลงลืมบทพูดไป 

 

 

ไป๋เจี๋ยตบเสร็จยังสะบัดมืออยู่เลย 

 

 

“หลินหว่าน เธอทำอะไรน่ะ? พูดบทสิ! เอาใหม่อีกที” 

 

 

ผู้กำกับตะโกนบอก หลินหว่านจึงค่อยๆ ได้สติกลับมา มองดูหลินหว่านด้วยสายตาเย็นเยียบ ไป๋เจี๋ยเผยรอยยิ้มของผู้ชนะออกมา 

 

 

คราวนี้หลินหว่านเบี่ยงหน้าเล็กน้อย จึงกระทบถูกไม่หนักมากนัก การแสดงผ่านไปอย่างราบรื่น ไป๋เจี๋ยโมโหจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน 

 

 

“ผู้กำกับคะ ฉันยังตบไม่ถูกค่ะ รอบนี้ไม่นับ เอาใหม่อีกครั้งเถอะ!” 

 

 

ผู้กำกับมองดูหลินหว่าน ใบหน้าของเธอแดงไปแถบหนึ่ง 

 

 

“ไม่ต้องถ่ายใหม่แล้ว รอบนี้ดีมากแล้ว ผ่าน ถ่ายฉากต่อไปเถอะ!” 

 

 

ถึงแม้เขาจะกลัวพวกนายทุน แต่ฝ่ามือเมื่อครู่เห็นได้ชัดเลยว่าตบมาเต็มแรง ทุกคนในกองต่างก็มองดูอยู่ ถ้าตัวเขายังปล่อยให้ไป๋เจี๋ยก่อกวนแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจะเกิดเรื่อง 

 

 

ไป๋เจี๋ยแม้จะโมโห แต่ก็ทำอะไรต่อไม่ได้ ถึงยังไงก็ยังมีอีกหลายฉาก เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะเอาเธอไม่ตาย 

 

 

ใบหน้าของหลินหว่านตอนนี้ยังแสบร้อนอยู่เลย พอเปิดมือถือก็เห็นข้อความที่เซียวจิ่งสือส่งมาให้เธอ 

 

 

‘เมื่อไหร่คุณถ่ายเสร็จ ผมไปหาคุณที่กองถ่าย’ 

 

 

หลินหว่านไม่อยากให้เขาเห็นเธอในตอนนี้ จึงพูดว่า ‘คุณอย่าเพิ่งมาดีกว่า วันนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ’ 

 

 

‘ทำไมล่ะ? เกิดเรื่องอะไรเหรอ?’ 

 

 

ข้อความของเซียวจิ่งสือถามกลับมาทันที ดูท่าว่าเขาเพิ่งเสร็จจากการประชุม 

 

 

‘ไม่มีอะไรค่ะ แค่วันนี้ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวเท่านั้น’ 

 

 

หลินหว่านหยิบถุงน้ำแข็งมาโปะหน้า ไป๋เจี๋ยก็มาหาอีกแล้ว 

 

 

“โอ้ยโหย ทำไมถึงแดงขนาดนี้เนี่ย? คงเจ็บมากสินะ! ขอโทษด้วยนะคะ! เมื่อครู่ฉันมือหนักไปหน่อย ตอนนี้ฉันยังเจ็บมืออยู่เลย” 

 

 

พูดจบยังทำท่าสะบัดมือ หลินหว่านไม่ได้มองเธอเลย เดินผ่านเธอออกไป 

 

 

ใบหน้ากลายเป็นแบบนี้ ตอนบ่ายคงต้องบวมแน่ งั้นดูท่าว่ามากองถ่ายไม่ได้แล้ว 

 

 

“ผู้กำกับคะ ฉันขอลานะคะ เลื่อนฉากของฉันไปถ่ายวันหลังก็แล้วกันค่ะ! หน้าฉันเป็นแบบนี้ ถ้าผู้ชมเห็นเข้าจะเกิดเสียงนินทาได้ง่ายๆ” 

 

 

ผู้กำกับผงกศีรษะ “เอาเถอะ! บ่ายนี้เธอก็ไปพักเถอะ! รอให้หน้าหายดีแล้วค่อยมา”