Ch.3 – อลิซ! มารน้อยตัวจริงเสียงจริง

Translator : Abcd25348 / Author

 

เขยมารตอนที่ 3

 

ตอนที่ 3: อลิซ! มารน้อยตัวจริงเสียงจริง

 

“ ข้าชื่ออลิซ” รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของโลลีงดงามผู้นี้ทำให้เฉินรุยละอายใจยิ่งนัก “ พี่ชาย แล้วพี่ละ?”

 

“ ชื่อของฉันคือ…เฉินรุย” เฉินรุยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้รวมถึงสถานที่แห่งนี้ แต่เขาก็ได้แต่ตัดใจชื่ออาเธอร์และเลือกชื่อของเขาแทน “ น้องอลิช เธอช่วยบอกฉันทีว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงกัน”

 

“ออกไปงั้นเหรอ?” อลิซจ้องไปที่เขาพร้อมกับดวงตาที่สดใสและน่ารักของเธอ จากนั้นก็ได้พูดขึ้นมาว่า“ ห้องทดลองของมาสเตอร์อัลดาซอยู่ใกล้ที่นี่มาก พี่จะไปที่นั่นงั้นหรือ ข้าพาท่านไปได้นะ”

 

“ไม่! ไม่ใช่ที่นั่นแน่ๆ!” เฉินรุยตกใจมาก เธอกำลังล้อฉันเล่นอยู่หรือไง? ฉันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะออกจากสถานที่ที่บ้าๆแบบนั้น นี้ถ้าฉันย้อนกลับไป ฉันคงเป็นพวกปัญญาอ่อนแน่

 

อลิซจึงถามออกมาอย่างสงสัย“ ทำไมกันล่ะ? ข้าได้ยินมาว่าการทดลองของมาสเตอร์นั้นน่าสนใจมากและข้าก็กำลังจะไปเยี่ยมชมสักครั้ง”

 

มันน่าสนใจอย่างมากจริงๆ เขาแค่ปล่อยให้คนอื่นดื่มพิษเป็นเครื่องดื่ม…เฉินรุยมองเด็กสาวตัวเล็กๆที่น่ารักและไร้เดียงสาคนนี้ เขากัดฟันแล้วก็โกหกออกมา” เธอไม่รู้หรอกเหรอ? ห้องทดลองประสบอุบัติเหตุ! ฉันเป็นศิษย์ใหม่ของมาสเตอร์ มาสเตอร์ดื่มน้ำยาแปลกๆโดยไม่ได้ตั้งใจและเขาก็บ้าไปแล้ว เขานั้นโจมตีทุกคนที่เขาเห็น แม้แต่แซลลี่เองก็พลอยซวยด้วย หากเขาเห็นเธอ เธอจะต้องถูกทำลายแน่ ฉันจะต้องรีบออกจากสถานที่นี้ แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย เธอช่วยพาฉันออกไปได้ไหม”

 

พอรู้ว่าอัลดาซบ้าไปแล้ว อลิชก็ดูกลัวมาก เธอพยักหน้าแล้วก็พูดว่า“ มันน่ากลัวจังเลย! แต่เพราะท่านเป็นศิษย์ของมาสเตอร์ มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะออกไปโดยไม่ได้รับการอนุญาตนะ”

 

“ อาจารย์ยังไม่ตื่นในตอนนี้ แต่ธุรกิจของฉันสำคัญมาก “เฉินรุยได้แต่อ้อนวอนเธอ “ อลิซ เธอพอจะช่วยฉันได้ไหม?”

 

อลิซยื่นริมฝีปากของเธอออกมาพร้อมกับคิดเกี่ยวกับมันและพยักหน้าในที่สุด “ ก็ได้ แต่ท่านต้องสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปพร้อมกับก้มหัวลงนะ อย่าให้คนอื่นรู้ว่าท่านเป็นเด็กฝึกงานใหม่ล่ะ”

 

“ขอบคุณมาก!” เฉินรุยเองก็กลัวว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย ข้อเสนอนี้ดูดีมาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะมีความสุข

 

“ ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ พี่ชาย” อลิซยิ้มหวานๆและเผยให้เห็นถึงลักยิ้มน่ารักๆ เธอจับมือของเฉินรุยพร้อมกับพาเขาเดินออกไปข้างนอก เฉินรุยรู้สึกว่ามือของเด็กสาวตัวน้อยลื่นและนุ่มด้วย มันแทบทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในใจของเขามาก: ใครบอกว่าอาณาจักรมารจะมีแต่มารร้ายเท่านั้น เด็กสาวคนนี้ใจดีเมตตาอารีช่วยเหลือเขา เธอเปรียบเสมือนกับเหล่านางฟ้าเสียด้วยซ้ำ!

 

ระหว่างทางทั้งสองข้าง เขาก็พบเห็นมารจำนวนมากที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาด พวกเขาส่วนใหญ่สูงดูดุร้ายพร้อมด้วยอาวุธในมือ พวกเขาควรจะเป็นยามของคฤหาสน์แห่งนี้

 

โลลิตัวน้อยดูเหมือนจะเป็นแขกประจำที่นี่ ผู้คุมเหล่านี้ไม่เพียง แต่ไม่ได้ตั้งคำถาม แต่ยังแสดงความเคารพอีกด้วย เฉินรุยพอเห็นว่าไม่มีใครหยุดพวกเขาก็เลิกที่จะกังวล เขาระลึกคำพูดของอลิซไว้ในใจพร้อมกับซ่อนใบหน้าของเขาไว้ในเสื้อคลุมและเดินไปคิดไปพราง แต่การกระทำของเขาก็ทำให้ยามพวกนั้นรู้สึกประหลาดใจมาก

 

“ คฤหาสน์” นี้มีขนาดใหญ่มาก หลังจากเดินมานาน โลลิตัวน้อยก็หยุดพร้อมกับพูดว่า“ พวกเรามาถึงแล้ว!”

 

เฉินรุยดีใจมาก เมื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นหินในทันที มันดันเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเขา ห้องทดลองที่บ้าคลั่งของอัลดาซ!

 

อลิซเปิดเผยรอยยิ้มและดวงตาโค้งของเธอก็ดูเหมือนดวงจันทร์แสนสวยสองดวง“ พี่ชายไม่อยากมาที่นี่หรือ? ตอนนี้เราอยู่ที่นี่กันแล้ว ท่านต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของข้านะ!”

 

รอยยิ้มนั้นงดงามและบริสุทธิ์เหมือนตะกี้นี้ แต่เฉินรุยดูเหมือนจะมองเห็นเขี้ยวที่ซ่อนอยู่ที่ปากของเธอ เขาเห็นแม้กระทั่งหางที่แกว่งไปมาด้านหลังของเธอ เมื่อเขาต้องการสลัดมือเล็กๆของอลิซที่อบอุ่นออกไป ก็เหมือนกับมีหวงเหล็กผันรอบตัวเขาอยู่จนทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้

 

“ มีใครอยู่ที่นี่บ้าง? ข้าอยู่นี่แล้ว!” อลิซ“ ดึง” เฉินรุยเข้ามาใกล้อย่างแนบชิดและตะโกน

 

“ใครกัน? เข้ามาโดยไร้มารยาท…” แซลลี่พึมพำ เมื่อเขาเห็นอลิซ เขาก็คุกเข่าลงทันที โดยไม่แน่ใจเลยว่าเขากำลังกลัวหรือตกใจอยู่

 

อัลดาซ ซึ่งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรกก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมา เมื่อเขาเห็นเฉินรุย เขาก็จ้องมองเฉินรุยอย่างน่ากลัว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รีบไปหาเฉินรุยตามที่คิดไว้ แต่เขากลับมอบธนูให้กับอลิชแทน

 

“ มาสเตอร์ ข้าไม่ได้เจอท่านมานานแล้ว” อลิซปล่อยมือเธอและก็พูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดร้าว“ เด็กฝึกงานใหม่ของท่านหลงทาง ดังนั้นข้าจึงช่วยเขากลับมาบ้าน แต่พี่ชายคนนี้กลับไม่ซื่อสัตย์ เขาโกหกข้าว่าเจ้านายของได้ดื่มยาที่ไม่ควรดื่มไป…ถ้าท่านเห็นข้า ท่านจะกระชากเสื้อผ้าของข้าออกไป จากนั้น…”

 

“ แค๊กๆ…” เฉินรุยไอออกมาแรงๆและใบหน้าของเขาก็เจียนจะกลายเป็นสีเขียว เขาต้องการที่จะขุดหลุมและซ่อนตัวมากๆเลย เด็กสาวคนนี้ทั้งใจดำและแข็งแกร่งเกินไปแล้ว

 

ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะพูดได้มากนัก ราวกับว่าเขาถูกหลอกตอนที่ใช้อินเตอร์เน็ตครั้งแรก เขาพูดไม่ออกเลยสักนิด เพราะตัวเขาไม่ได้เก่งเหมือนคนอื่น

 

“ เจ้าหญิงน้อย อย่าเชื่อในตัวมนุษย์ผู้มีไหวพริบผู้นี้” อัลดาซพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แสนอึดอัดใจ จากนั้นเขาก็พยายามที่จะเลี่ยงไปยังหัวข้ออื่นโดยพูดว่า“ ชายผู้นี้ตกสู่อาณาจักรปีศาจเมื่อสามวันก่อน ข้าได้พยายามใช้เขาเพื่อทดสอบยาพิษใหม่ของข้า ในตอนแรกมันก็ปกติดี แต่ยาพิษในวันนี้กลับไม่มีประสิทธิภาพต่อตัวเขา เมื่อข้าต้มพิษสีขาว มันก็ได้ระเบิดขึ้นและเขาก็ได้ใช้โอกาสนี้หนีไป โชคดีที่เจ้าหญิงน้อยพบตัวเขา”

 

เจ้าหญิงน้อย! ในที่สุดเฉินรุยก็รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของโลลิแล้ว คราวนี้เขาเดินเข้าไปติดกับดักของตัวเองซะงั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยอมรับเลยสักนิดว่าตัวเองเป็นคนหลอกหลวง เมื่อมาเทียบกับอลิชที่ดูใสซื่อคนนี้แล้ว เขาเปรียบเสมือนผ้าขาวบริสุทธิ์เสียด้วยซ้ำ

 

“ ยาของท่านหมดประสิทธิภาพงั้นเหรอ?” ดวงตาของอลิซสว่างขึ้นราวกับว่าเธอเห็นสิ่งที่น่าสนใจ “ ข้าไปที่ป่าฝนสีดำกับแอคซีน่าและก็ได้นำสิ่งที่น่าสนใจกลับมาด้วย นี่คือหญ้าทำลายลำไส้ นี่คือดอกไม้หัวใจที่เน่าเปลื่อย … ทำไมเราไม่ให้มนุษย์คนนี้ลองกินดูล่ะ?”

 

สิ่งของในตะกร้าใบเล็กๆไม่ใช่ผลไม้และดอกไม้ แต่เป็นของที่“ น่าสนใจ” ใช่ไหมนะ? เธอคนนี้เป็นปีศาจน้อยตัวจริงเลย ก่อนที่เฉินรุยจะได้ต่อต้านอะไร เขาก็ถูกแซลลี่มัดเชือกและพากลับไปที่ห้องทดลอง

 

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง

 

อัลดาซขมวดคิ้วของเขาแน่น แม้ว่าสมุนไพรและดอกไม้ที่อยู่ในป่าฝนสีดำจะแข็งแกร่ง แต่มันกลับยังไม่มีผลต่อเฉินรุย

 

ความคืบหน้าของระบบสุดยอดตอนนี้อยู่ที่ 19.6% แต่เฉินรุยกลับไม่ได้มีความสุขเลย: นักปรุงยาที่บ้าคลั่งนั้นน่ากลัวมากพอแล้ว และพอเพิ่มโลลิน้อยคนนี้อีกหนึ่ง มันไม่ใช่แค่ความน่ากลัวที่มีค่าเท่ากับ 1+1=2 แล้ว

 

เนื่องจากความชอบของเธอในการใช้ยาพิษที่อ่อนแอในขณะที่เล่นแผลงๆ อลิซจึงมักให้ความสนใจเกี่ยวกับการปรุงยาเสมอ เธออาจถูกมองว่าเป็นกึ่งเด็กฝึกงานของอัลดาซ เธอได้แต่กุมหน้าของเธอและพูดขึ้นมาว่า“ ท่านอาจารย์ ท่านมักจะปรุงยาพิษที่มีผลข้างเคียง ทำไมท่านไม่ลองใช้บางสิ่งที่ทำให้ส่งผลต่อสถานะร่างกายไปทางที่ดี?”

 

อัลดาซรู้สึกว่าแนวคิดนั้นเป็นไปได้ เขาเปิดตู้เหล็กพร้อมกับเลือกขวดยาสีแดงแล้วพูดว่า“ มาลองชิมยาเพิ่มความแข็งแกร่งนี้กันก่อนนะ”

 

แซลลี่รับยามาอย่างนอบน้อมและนำไปกรอกปากของเฉินรุย เฉินรุยรู้สึกอบอุ่นทั่วร่างกายของเขา ราวกับว่าเขาถูกฉีดด้วยยากระตุ้น ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเชือกรอบๆตัวเขาก็เริ่มที่จะฉีกขาดออก

 

แซลลี่มีความตั้งใจที่จะสร้างความประทับใจต่อเจ้าหญิง ดังนั้นเขาจึงแยกเขี้ยวเพื่อที่จะห้ามปรามเฉินรุย แต่เฉินรุยนั้นมีพละกำลังมากเกินไปและไม่มีที่ระบาย เขาจึงเริ่มต่อสู้กัน ถึงแม้จะมีโพชั่นเสริมแข็งแกร่งอยู่ แต่มันก็ยังยากที่จะเอาชนะแซลลี่ได้ อย่างไรก็ตาม แซลลี่ไม่กล้าฆ่าเขาต่อหน้าเจ้าหญิงและเจ้านาย และเฉินรุยยังต่อสู้สุดแรงเกิดด้วยผลของโพชั่นอีก ดังนั้นแซลลี่จึงได้แต่ยอมและไม่สามารถสู้กลับได้

 

แซลลี่ได้แต่ร้องโอดครวญออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่อัลดาซและอลิซก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยอะไร เฉินรุยไม่พอใจกับการถูกรังแกจากมารตัวนี้มานานแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่จะเอาชนะเขาได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะลงมือกับอัลดาซหรืออลิซ พวกเขาเป็นเหมือนกับผู้ก่อการร้ายที่ไม่สามารถยั่วยุได้

 

สิ่งที่แปลกก็คือระบบ ระบบสุดยอดไม่ได้ดูดซับพลังงานของโพชั่นนี้ มันเพียงความคืบหน้าเล็กน้อย ปัจจุบันความคืบหน้าอยู่ที่ 19.7%

 

เจ้ามารล้มลงกับพื้นพร้อมกับใบหน้าบวมและอ้าปากค้างเพื่อรับอากาศ จากนั้นผลของโพชั่นเสริมแกร่งก็เริ่มหมดผลลงอย่างช้าๆ อัลดาซสังเกตเฉินรุยที่สงบลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็เริ่มประหลาดใจอีก

 

“ โพชั่นเสริมแกร่งกลับสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมาก แต่ก็มีส่วนผสมบางอย่างที่มีผลข้างเคียง หลังจากที่รับผลของโพชั่นไปแล้ว เขาสมควรที่จะอ่อนแอลงสิ ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา”

 

อลิซเองก็ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ“ เป็นไปได้ไหมที่ท่านจะสร้างโพชั่นสมบูรณ์ อย่างน้ำยาเสริมแกร่งที่ไม่มีผลข้างเคียง?”

 

หัวใจของอัลดาซดูเหมือนจะกำลังอารมณ์ดีขึ้น แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ“ นั่นเป็นไปไม่ได้ สูตรยาได้หายไปนานมากแล้ว นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญในตำนานเท่านั้นที่มีความสามารถในการสร้างของแบบนั้นขึ้นมา มันแทบจะไม่มีสักขวดเดียวในอาณาจักรมาร”

 

ด้านเฉินรุยพอได้ยินคำว่า“ ผลข้างเคียง” และคิดว่าที่มันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย มันเป็นผลของ <การดูดซึมอัตโนมัติแบบอัจฉริยะงั้นเหรอ? ดูดซับสารจะใช้กับสารที่เป็นประโยชน์เท่านั้นสินะ? แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสมมติฐาน แต่มันก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่ละก็ ฉันคงจะตายจากสิ่งที่ฉันกินไปทั้งหมด เพราะว่าฉันไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชฯ์ได้เลย

 

หลังจากอัลดัสพยายามปรุงยาหลายชนิดด้วยกันอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็มาถึงข้อสรุปที่ดูบ้าบอแล้ว ยาพิษไม่มีผลกับมนุษย์คนนี้ แต่ยาพิษนั้นกลับเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา

 

ก่อนที่จะมาพบใครบางคนแบบเฉินรุย ปรมาจารย์ยาพิษผู้นี้รู้จักกันดีว่าไม่ใช่คนที่ใจดีและช่วยเหลือใครแน่!

 

“ ต้องมีบางอย่างที่สามารถหยุดยั้งเขาได้!” อัลดาซคำราม เขาไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าเจ้าหญิงและเริ่มมุ่งหน้าหาทางจบเรื่องนี้ “ ในเวลาเพียงไม่กี่ร้อยปี มีมนุษย์ที่มีความน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้เลยงั้นหรือ? นี่เป็นเพียงคนที่แสนจะอ่อนแอและธรรมดา! ถ้าเช่นนั้นอนาคตของปีศาจจะเหลืออะไร?”

 

อลิซในฐานะผู้สังเกตการณ์ เห็นเรื่องพวกนี้ชัดเจนและก็ได้แต่ส่ายหัวของเธอ“ ข้าไม่คิดว่ามนุษย์ทุกคนจะเป็นแบบนี้ แต่ผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างพิเศษออกไป ท่านอาจาร ย์ท่านต้องการสร้างเครื่องดนตรีเวทย์มนต์เพื่อทดสอบมันหรือไม่?”

 

“ ข้าทำเครื่องดนตรีพวกนั้นไม่ได้ การเล่นแร่แปรธาตุทั้งกว้างและลึก ตัวข้านั้นมีประสบการณ์ในด้านปรุงยาเท่านั้น”

 

อัลดัสค่อนข้างเข้มงวดในด้านวิชาการ ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มคิดอะไรออกและตาของเขาก็ดูจะกระหายเลือดขึ้นมา “ข้าให้เลือดของเขากับแซลลี่เมื่อไม่นานมานี้ แต่แซลลี่กลับไม่มีภูมิคุ้มกัน ครั้งนี้ ข้าจะผ่าร่างของเขาเพื่อการวิจัย!”

 

เฉินรุยรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังของเขา ในที่สุดสิ่งที่เขากังวลก็เกิดขึ้นแล้ว

 

“มาสเตอร์ เดี๋ยวก่อน!” อลิซเหมือนกับพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเฉินรุย “ อย่าฆ่าเขาเลย ผู้ชายคนนี้น่าสนใจมาก ให้ข้าเล่นกับเขาเสียก่อน”

 

ในขณะนั้นเฉินรุยรู้สึกว่ารัศมีของทูตสวรรค์ได้ประทับลงบนศีรษะของอลิซอีกครั้ง หลังจากยอมรับชะตากรรมของเขาในฐานะของเล่นแล้ว เขาก็รีบพูดว่า“ อย่าฆ่าข้าเลย! มาสเตอร์ ข้าจะลองโพชั่นทุกอย่างที่ท่านทำจนตัวข้าแตกสลายไปเลย”

 

มันเป็นความคิดที่ดีมาก ไม่เพียงแต่เขาจะรักษาชีวิตตัวเองได้ แต่ยังสามารถเพิ่มระบบสุดยอดเป็น 100% อีก บางทีเขาอาจจะกลายเป็นซูเปอร์แมนที่สามารถต่อยกับปีศาจตัวน้อยและเหยียบย่ำไนท์เอลฟ์ได้

 

มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเขาพูดคำพวกนี้ออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เพราะคำพูดเหน็บแหนมที่เขาเคยพูดยังดังก้องไปในหัวของอัลดาซและใบหน้าอันแสนมืดมนของเขายิ่งดำมืดลงไปอีก