อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่756 ฆ่ากันเอง
เห็นแค่เย่จิ่งหานฟาดขลุ่ยหยกสีขาวออกไป พลังแห่งแรงอาฆาตที่รุนแรงโหมกระหน่ำไปยังทุกคนที่กำลังสร้างค่ายกล

ทุกคนที่ถูกขลุ่ยหยกครอบงำไว้ต่างก็รู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าและหมดหนทาง

ความรู้สึกนี้เหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่กลับทำอะไรไม่ได้

กู้ชูหน่วนแววตาเย็นชา เอาขลุ่ยหยกสีเขียวที่อี้เฉินเฟยให้นางฟาดออกไป

ปัง……

ขลุ่ยหยกสีขาวกับขลุ่ยหยกสีเขียวกระทบกัน เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ไม่ว่าจะเป็นขลุ่ยหยกสีขาวหรือสีเขียว ล้วนแต่เป็นอาวุธชั้นดีทั้งนั้น ไม่มีทางทำลายง่ายๆแน่นอน แต่ทว่า หลังจากที่กระทบกันในครั้งนี้ ตรงปลายของขลุ่ยสองเลานี้ก็มีรอยร้าวเกิดขึ้น

“ปังๆๆ……”

ขลุ่ยของทั้งสองกลับมาอยู่ที่มือพวกเขาเอง ทั้งสองต่อสู้กันโดยใช้ขลุ่ยเป็นอาวุธ แค่พริบตาเดียวก็สู้กันเป็นสิบกระบวนท่าแล้ว

“เย่จิ่งหาน เจ้าตื่นสักที ดูว่าข้าเป็นใคร”

เย่จิ่งหานไม่ได้ยินว่านางพูดอะไร รู้แค่ว่าฆ่าคน ฆ่าคน ฆ่าคน ฆ่าพวกเขาให้หมด

เขายิ่งตียิ่งแรง ทุกกระบวนท่าถึงตายกันได้เลย ไม่ให้โอกาสกู้ชูหน่วนได้มีชีวิตต่อไปด้วยซ้ำ

แต่กู้ชูหน่วนกลับกลัวว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บ ทุกครั้งหลังจากที่โต้กลับ ก็จะยั้งมือไว้บ้าง

นานเข้า กู้ชูหน่วนก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

บวกกับที่วิทยายุทธของนางก็สู้กับเย่จิ่งหานไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ ทุกคนที่ดูอยู่ก็อดไม่ได้เป็นห่วงนางกันหมด

ฮัวฉีหลัวรีบพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ายังจะดูอยู่อีก ไม่เห็นหรือไงว่าพี่หน่วนอยู่ในอันตราย? พวกเจ้ารีบไปช่วยนางสิ”

ฮัวฉีหลัวร้อนใจ ผู้อาวุโสใหญ่พวกเขาก็ร้อนใจเหมือนกัน

แต่พวกเขาจะต้องนั่งสมาธิก่อน เพิ่มกำลังภายในให้ได้ก่อน ไม่งั้นแค่พวกเขาแค่เดินยังลำบากเลย จะไปช่วยหัวหน้าเผ่าได้ยังไง

เผ่าหยกอันยิ่งใหญ่ คนที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บสาหัส คนที่เสียสติก็เสียสติ

ไม่มีคนที่สามารถช่วยหัวหน้าเผ่าได้เลยสักคน

นี่เป็นความอัปยศของเผ่าหยกพวกเขา

ฮัวฉีหลัวตบขาตัวเอง “ให้ตายสิ พวกเจ้าไม่ช่วย ข้าช่วยเอง ตาแก่คนนั้นน่ะ เจ้ารีบมาควบคุมค่ายกลสองชีวิตนี่เร็วเข้า” ฮัวฉีหลัวเรียกผู้อาวุโสไป๋เฉ่า

ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าพยักหน้า แล้วรีบเข้าไปควบคุมค่ายกลสองชีวิต พร้อมกับพูดว่า “ข้าถนัดด้านการรักษา ไม่ถนัดด้านวิทยายุทธ ค่ายกลสองชีวิตนี้ต้องให้ผู้ที่มีวิทยายุทธแกร่งกล้ามาควบคุม ข้าเกรงว่าจะควบคุมไม่ไหวหรอก”

“เจ้ากลัวว่าจะควบคุมไม่ไหว ข้าก็กลัวว่าพี่หน่วนจะเป็นอันตรายเหมือนกัน”

ไม่รอไป๋เฉ่าตอบรับ ฮัวฉีหลัวก็ดึงผ้าไหมฉีหลัวออกมา ยิงไปยังเย่จิ่งหาน

ผ้าไหมฉีหลัวเป็นผ้าผืนหนึ่ง แต่พออยู่ภายใต้การควบคุมของนางก็กลายเป็นดาบเล่มหนึ่ง ที่มีจิตวิญญาณและมีความคิด

ดาบคมเร็วและแรง ฟาดไปยังเย่จิ่งหาน

ทุกคนไม่สงสัยเลยว่า หากโดนดาบคมนี้เข้า เย่จิ่งหานไม่ถูกฟันเป็นสองถอนคงแปลก

“ปัง……”

เย่จิ่งหานฟาดขลุ่ยหยกไป ชนดาบคมนั้นกระเด็นออกไป

ดาบคมนั้นไม่ได้กระเด็นออกไปทางอื่น แต่เป็นตัวของฮัวฉีหลัวเอง

“ให้ตายสิ เจ้าอยากใช้ของรักของข้าฆ่าข้างั้นเหรอ? พี่หน่วน คนผู้นี้ใจร้ายมากจริงๆ ต่อไปพี่อย่าสนใจเขาอีกนะ”

ฮัวฉีหลัวยังอายุน้อย วิทยายุทธกลับสูงมาก วิชาตัวเบาก็สูงมากด้วย นางรีบหลบอย่างรวดเร็ว

กู้ชูหน่วนพูด “เจ้าไปตามหาไป๋จิ่น ข้าจัดการที่นี่เอง เจ้าอย่ามายุ่งเลย”

“แต่เข้าเสียสติไปแล้วนะ พี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก”

“นี่เป็นคำสั่ง เจ้ารีบไปตามหาไป๋จิ่นเร็ว”

ที่นี่ต่อสู้กันนานขนาดนี้ก็ยังไม่เห็นไป๋จิ่นกับทูตอีกสองคนเลย กู้ชูหน่วนอดไม่ได้รู้สึกกังวลใจ

ด้วยนิสัยของไป๋จิ่น ไป๋จิ่นไม่มีทางปล่อยให้นางเป็นอันตรายแน่

“นี่……แต่ว่า……ก็ได้ ข้าจะรีบไปตามหาพี่ไป๋จิ่น พี่หน่วนรอข้าก่อนนะ พี่จะต้องอดทนให้ได้นะ”

อาจเป็นเพราะกู้ชูหน่วนเย็นชาเกินไป ฮัวฉีหลัวไม่กล้าขัดคำสั่ง บวกกับที่ตัวเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่จิ่งหานด้วย จึงต้องไปหาคนมาช่วยแทน

“หมับ……”

กู้ชูหน่วนถูกเย่จิ่งหานบีบคอ และถูกเขายกตัวขึ้นมา

ทุกคนลนลานกันไปหมด

กู้ชูหน่วนกลั้นหายใจพูดอย่างเย็นชาว่า “ห้ามเข้ามา”