‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าอาจารย์จึงไม่มีความจำเป็น!’
อีกทั้ง ขอเพียงเป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะอายุมากน้อยมีฐานะเป็นอย่างไรก็ตาม ล้วนแต่ห้ามเข้าใกล้แมวน้อยทั้งสิ้น ห้ามเข้ามาใกล้ชิด หรือว่าเข้าใกล้แมวน้อยเป็นเวลานาน ห้ามเด็ดขาด!
ดวงตาคมกริบของซย่าโหวฉิงเทียนที่เจือเอาไว้ด้วยสายตาทิ่มแทงขณะที่กวาดมองไปยังเสิ่นถูปั๋วอี้
‘ต่อให้อายุเป็นร้อยปี แล้วอย่างไร!’
‘นอกเสียจากว่าโดนตอนเรียบร้อยนั่นแหละ ยังอาจจะพอพิจารณาได้——’
เสิ่นถูปั๋วอี้แม้ว่าอายุอานามจะมากแล้ว แต่เขาก็เป็นคนจริงที่มีคุณภาพ ทั้งเป็นผู้ชาย! จะต้องอยู่ให้ห่าง!
‘แม่เจ้า!’
‘อย่าทำข่มขู่คนให้ตกใจถึงเพียงนี้ได้ไหมเล่า!’
‘หากว่าสายตาของซย่าโหวฉิงเทียนคือมีดละก็ ไอ้นั่นของเขาไม่รู้ว่าจะถูกเฉือนไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง?’
‘ข้าไม่ได้จะแย่งเมียกับเจ้าเสียหน่อย…’
เสิ่นถูปั๋วอี้คิดว่าซย่าโหวฉิงเทียนหวงเมียมากเกินไป ตัวเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนจะเป็นคนร้ายสักหน่อยนี่นา
‘เพราะอะไรเจ้าหนุ่มนี่ถึงไม่เชื่อในความเป็นเขาเอาเสียเลย?’
‘หากเป็นคนอื่นละก็ คงอยากจะเป็นศิษย์ของเขาจนตัวสั่น!’
เมื่อนึกถึงว่าอวี้เฟยเยียนอายุยังน้อยก็สำเร็จถึงราชาอาวุโสเสียแล้ว เสิ่นถูปั่วอี้ก็เสียดายหนักหนา
‘หรือว่าต้องยอมสยบให้กับ ‘อิทธิพลมืดในความหวงเมีย’ ของซย่าโหวฉิงเทียน จนต้องละทิ้งศิษย์ที่ล้ำค่าเช่นนี้ไป?’
‘หรือว่าเขาจะยอมให้อวิ๋นเฮ่อเทียนตาแก่นั้นเยาะเย้ยถากถากตนเอง ยกยอในความเก่งกาจของศิษย์ตนเองอยู่ร่ำไปหรือ?’
เดิมทีเสิ่นถูปั๋วอี้คิดที่จะสอนสั่งเสิ่นถูเลี่ยด้วยตนเอง แต่ทว่า อวิ๋นเฮ่อเทียนได้เขียนเอาไว้ในจดหมายอย่างชัดเจน สอนสั่งลูกหลานของตนเองไม่ถือว่ามีความสามารถ! เมื่ออวิ๋นเฮ่อเทียนยังไม่เลือกอวิ๋นจิ่นเฉิน ฉะนั้นเสิ่นถูปั๋วอี่จะยอมแพ้อวิ่นเฮ่อเทียนไม่ได้เด็ดขาด จึงมิอาจนำ เสิ่นถูเลี่ยมา นับรวมได้
เมื่อนึกถึงเจ้าเฒ่าเคราขาวอวิ๋นเฮ่อเทียนนั่นแล้ว เสิ่นถูปั๋วอี้ก็จับตามองซย่าโหวฉิงเทียนอย่างกดดันมากขึ้น พร้อมๆกับมองไปยังอวี้เฟยเยียนด้วยตาละห้อย
“แม่หนู ให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าเถอะ!” ท่าทางของเขา เปลี่ยนเร็วเกินไปแล้วกระมัง
เมื่อครู่ยังถามความเห็นของอวี้เฟยเยียนอยู่เลยว่าต้องการเป็นศิษย์ของเขาหรือไม่ มาตอนนี้ น้ำเสียงของเสิ่นถูปั๋วอี่เจือเอาไว้ด้วยความคาดหวังรอคอยเสียแล้ว
‘เร็วเข้า!’
‘รีบมาเป็นลูกศิษ์คนเก่งของข้า!’
‘หากตอบรับว่า ‘ได้!’ เร็วเข้า’
ตอนนี้อวี้เฟยเยียนรู้สึกฉงนงงงวยในสถานการณ์ตรงหน้ายิ่งนัก
‘เสิ่นถูปั๋วอี้…บรรพชนเฒ่าแห่งสกุลเสิ่นถู?’
อวี้เฟยเยียนมองไปยังเสิ่นถูเลี่ย ทว่ากลัวพบว่าเสิ่นถูเลี่ยในตอนนี้กำลังแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกราวกับกำลังรู้สึกอับอายขายหน้าไปถึงต้นตระกูลอย่างไรอย่างนั้น สีหน้าท่าทางของเขาอับจนหนทางไร้ทางออกจวนเจียนจะตายให้ได้
สีหน้าของเสิ่นถูเลี่ยเป็นคำตอบให้กับอวี้เฟยเยียนได้เป็นอย่างดี พูดตามความจริง ได้รับการชื่นชมจากปราชญ์ราชันย์เช่นนี้นางดีใจยิ่งนัก เพียงแต่นางไม่เคยคิดที่จะกราบใครเป็นอาจารย์มาก่อน
นางยังต้องเดินทางไปที่ตันซ้าย ไปตามหาพ่อแม่บังเกิดเกล้า ยังเรื่องอะไรที่ต้องมำอีกมากมาย ไหนเลยจะมีเวลาไปร่ำเรียนวรยุทธ์กับเสิ่นถูปั๋วอี้ได้!
อีกทั้งนางก็มีซย่าโหวฉิงเทียนที่เป็นอาจารย์ชั้นเลิศผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ขั้นสูงสุดคอยฝึกฝนวิชาอยู่ข้างกายนางแล้วทั้งคน จึงไม่จำเป็นต้องมีอาจารย์อีกต่อไป
แต่ว่า นางเป็นไม่ได้ แต่คนอื่นเป็นได้นี่นา!
หากว่าเสิ่นถูปั๋วอี้เป็นอาจารย์ของพี่ใหญ่และซ้อใหญ่จะดีสักเพียงไหนกันนะ!
“ผู้อาวุโส”
“อย่า อย่าเพิ่งปฏิเสธข้าตรงๆเช่นนี้! หัวใจของข้าบอบบางยิ่งนัก! เจ้าจงไตร่ตรองดูก่อน!”
เสิ่นถูปั๋วอี้ดูจากสีหน้าของอวี้เฟยเยียนก็พอจะคาดเดาคำตอบของนางออกได้
‘อย่าใจร้ายเพียงนี้เลย!’
‘นี่เท่ากับปักมีดลงกลางหัวใจของข้าเลยทีเดียว!’
เมื่อเห็นว่าเสิ่นถูปั๋วอี้ หน้าหนาไล่ไม่ไป เช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงโพลงออกไปประโยคหนึ่ง
“อยากเป็นอาจารย์ของแมวน้อย ได้สิ! ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง!”
“เงื่อนไขอะไร?!” เพียงแค่ได้ยิน เสิ่นถูปั๋วอี้ตาโตแววตาเป็นประกาย เพื่อที่จะได้เหนือกว่าอวิ๋นเฮ่อเทียนแล้ว ต่อให้อวี้เฟยเยียนต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า เขาก็จะต้องสอยลงมาให้นางให้จงได้!
“เฉือนเสีย——”
มีดสั้นในมือของซย่าโหวฉิงเทียนพุ่งตรงเข้ามามุ่งหน้าส่วนล่างตรงจุดยุทธศาตร์ของเสิ่นถูปั๋วอี้อย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!” เสิ่นถูปั๋วอี้ร้องลั่น ชายเสื้อด้านล่างของเขาถูกมีดสั้นนั้นตรึงเอาไว้กับพื้น
‘โอ้ย! คนหนุ่มสาวสมัยนี้มัน*ถึงเพียงนี้เชียวหรือ!’
เสิ่นถูปั๋วอี้ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ยังดีที่ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ได้เล็งไปตรงนั้น มิเช่นนั้นต่อไปเขาคงจะต้องนั่งยองฉี่เฉกเช่นผู้หญิงอย่างแน่นอน
“ข้างกายของแมวน้อยมีข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชายได้ เจ้าคิดดูเอาก็แล้วกัน!” คำพูดสุดเท่ห์กระชากใจของซย่าโหวฉิงเทียนทำเอาเสิ่นถูปั๋วอี้เข่าอ่อนเซถลาไปพิงเสิ่นถูเลี่ยทันที
“เสี่ยวเลี่ยเลี่ย เจ้าแน่ในนะว่าเขาคือเพื่อนของเจ้า? คือเพื่อนของเจ้าจริงๆหรือ?” เสิ่นถั๋วอี้สะเทือนใจอย่างหนัก ระหว่างลูกศาย์กับน้องชายอาวุธประจำกาย เลือกได้เพียงสิ่งเดียว
‘แม่เจ้า นี่เป็นตัวสิ่งที่เลือกยากที่สุดในประวัติศาสตร์เลย——’
‘ลูกศิษย์ข้าก็ต้องการ อาวุธประจำกายข้าก็ต้องการเช่นกัน!’
หากว่าไม่มีลูกศิษย์ก็จะต้องถูกอวิ๋นเฮ่อเทียนหัวเราะเยาะ แต่หากไม่มีอาวุธประจำกายก็ต้องถูกเจ้าเฒ่านั้นหัวเราะเยาะจนฟันหลุดเช่นกัน!
เทียบกับเสิ่นถูปั๋วอี้แล้ว หานจื่อยิ่งกระเทือนใจมากกว่านัก!
‘นายท่าน ข้าก็เป็นตัวผู้เช่นกันนะ!’
‘ท่านทำเช่นนี้หรือว่าต้องการจะแยกข้ากับแม่นางน้อยออกจากกันหรือ?’
ยิ่งนึกถึงวิธีการที่ซย่าโหวฉงิเทียนลงมือกับเสิ่นถูปั๋วอี้เมื่อครู่แล้ว ขาหลังทั้งสองข้างของหานจื่อก็กำเข้าหากันแน่น
‘ไม่นะ! ข้ายังไม่ทันได้ให้กำเนิดเสียวเสี่ยวหานเลย ข้าไม่ยอม!’
“ฉิงเทียน…” อวี้เฟยเยียนดึงชายเสื้อของซย่าโหวฉิงเทียนเบาๆเพื่อปรามเขา หมอนี่ แม้ว่าจะสำเร็จถึงปราชญ์อาวุโสแล้ว แต่รูปแบบกระทำไม่มีเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด!
ยังดีที่ เสิ่นถูปั๋วอี่มิใช่คนจิตใจคับแคบ
เป็นถึงปราชญ์ราชันย์ทว่ากลับไม่มีความเย่อหยิ่งอวดดีเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังจะติดตลกไปอีกด้วยซ้ำ หนวดเคราสีดำรุงรัง ราวกับด้ามจับอะไรสักอย่างก็ไม่ปาน มองจากภาพลักษณ์ที่ไม่ดูแลตัวเองของเขาแล้ว ยังคิดไปว่านี่มันชายจากโรงฆ่าสัตว์ที่ไหนมากันนี่!
“ผู้อาวุโส สามีของข้านิสัยตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมค้อม ขอท่านอย่าได้ถือสา!”
น้ำเสียงของอวี้เฟยเยียนอ่อนหวานนุ่มนวล แม้ว่าบนใบหน้าของนางยังไว้คงมอมแมมจากฝุ่นดินจากการต่อสู้เมื่อสามสี่วันก่อนหลงเหลืออยู่ แต่เมื่อนางยิ้มขึ้นมา คิ้วและดวงตาที่โค้งมน มองดูก็ให้ความรู้สึกดั่งสาวน้อยผู้เรียบร้อยน่ารักคนหนึ่ง
‘เฮ้อ…’
เสิ่นถูปั๋วอี่มองดูอวี้เฟยเยียนแล้วค่อยเหลือบมองไปยังซย่าโหวฉิงเทียน ก็ให้รู้สึกเห็นใจอวี้เฟยเยียนยิ่งนัก
‘แม่หนูน้อยที่ทั้งเรียบร้อย อ่อนหวานและน่ารักเพราะอะไรถึงได้แต่งงานกับเจ้าหนุ่มที่โหดเ**้ยมดุดันเช่นเขาได้นะ? นี่มันเนื้อเข้าปากเสือโดยแท้!’
‘น่าเสียดาย เราเจอกันช้าไป มิเช่นนั้นเขาจะดึงแม่หนูน้อยกลับมาให้เป็นเมียของเสี่ยวเลี่ยเลี่ยเสียเลย!’
เสิ่นถูปั๋วอี้กำลังถูกภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยน่ารักน่าเอ็นดูของอวี้เฟยเยียนครอบงำเข้าให้ จนหลงลืมไปเสียสนิทว่าสามสี่วันที่แล้วที่นอกเมืองเฮ่อ นางใช้วิธีการอย่างไรทรมานสุ่ยเจ๋อซีกระมัง! วิธีการที่นางใช้นั้นทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนจับใจ!