Ch.12 – ประวัติศาสตร์ของต่างโลก เป้าหมายต่อจากนี้ และคำขอของริเซ็ต
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
“…ยังไงก็เขินจริงๆด้วยสิ…”
นอนลงบนเตียงแล้วผมก็มองขึ้นไปบนเพดาน
นอนไม่หลับ
เพราะเครียดเหรอ…ไม่สิ ความรู้สึกตอนที่คุยกับริเซ็ตและฮารุกะยังหลงเหลืออยู่ ราวกับอาการค้างหลังปาร์ตี้เลย
“…อยู่ๆก็มาเป็นครอบครัว…ไม่รู้สึกว่าเป็นความจริงเลยนะ”
ตามจริงแล้วผมเป็นมนุษย์จากต่างโลก
การที่จะมาดูแล อาจจะเป็นการสร้างปัญหาให้ริเซ็ตกับฮารุกะก็ได้
ดังนั้น…ก็อยากจะตอบแทนเท่าที่เป็นไปได้
เพื่อการนั้น–
“ต้องรู้เรื่องราวของโลกใบนี้ให้มากกว่านี้อีกนิด”
เมื่อกี้ระหว่างกินอาหารริเซ็ตก็เล่าเกี่ยวกับ[ยุคมืด]ของโลกใบนี้ให้ฟัง
ระหว่างที่นอนอยู่อย่างนี้ ก็นึกถึงเรื่องที่ได้ยินขึ้นมา
ในฐานะลูกหลานของ[จักรพรรดิมังกร]แล้วริเซ็ตจึงรู้ประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้อย่างละเอียด
หลายร้อยปีก่อน โลกใบนี้มีประเทศเล็กๆอยู่มากมายที่ทำสงครามกันไม่จบไม่สิ้น
แล้วก็ได้มีองค์ราชาที่ถูกเรียกว่า[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]ได้มากอบกู้ยุคเช่นนั้น
เขาใช้เวทมนต์ดำกับแผนการสกปรกสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้นมา แล้วค่อยๆไปทำลายประเทศต่างๆ
เพียงแต่ด้วยการใช้[เวทมนต์ดำ]ที่มากเกินไปทำให้อสูรเกิดขึ้นมาจำนวนมาก เข้าคุกคามประเทศ
ตอนที่[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]ได้เกณฑ์ผู้คนไปสร้างประสาทขนาดยักษ์ทางตอนเหนือก็เป็นเวลานี้นี่เอง
หลังจากนั้น[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]ก็ได้กล่าวทิ้งไว้ว่า“ตนผู้ซึ่งบรรลุในเวทมนต์แล้วไม่มีทางตาย”แล้วก็ตายไป
ทันทีจักรพรรดิองค์ที่สองขึ้นครองราชย์ก็เกิดกบฎขึ้นตามเขตต่างๆทันที สุดท้ายจักรวรรดิของ[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]ก็ได้ล่มสลาย
หลังจากนั้นคนที่รวมทั้งทวีปเป็นหนึ่งเดียวกันก็คือท่าน[จักรพรรดิมังกร] หรือก็คือบรรพบุรุษของริเซ็ต
[จักรพรรดิมังกร]ใช้พลังชำระล้าง ขับไล่อสูร แล้วก็สร้างประเทศที่เต็มไปด้วยความสงบสุข
สร้างกฎที่ทำให้มนุษย์และอมนุษย์สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม รวมทั้งห้ามการใช้เวทมนต์
แต่ว่าหลังจากการสวรรคตของจักรพรรดิมังกร เวลาก็ผ่านไป การขับไล่อมนุษย์ก็เริ่มขึ้น
รวมทั้งพลังของลูกหลานจักรพรรดิมังกรก็ค่อยๆอ่อนแอลง ในตอนนี้เองก็ไม่ปรากฎตัวออกมาต่อหน้าผู้คนแล้ว
โดยเฉพาะจักรพรรดิในยุคนี้ ก็ถูกเหล่านักปราชญ์ที่อยู่กับจักรพรรดิกุมอำนาจที่แท้จริงไปหมดแล้ว
พวกเขาใช้ประโยชน์จากอำนาจของจักรพรรดิ ทำอะไรตามใจชอบ
แล้วอสูรก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง แถมลัทธิแห่งความมืดที่หลงไหล[จักรพรรดิเพลิงทมิฬ]ก็เกิดขึ้นมา
เหล่าขุนนางในเขตต่างๆของประเทศ[อาชิเซีย]แห่งนี้ ก็เริ่มแยกตัว และไม่ฟังคำสั่งของศูนย์กลางแล้ว
“…ยุคมืดเนี่ย ไม่ว่าโลกไหนก็ไม่ต่างกันเลยนะ…”
โลกของผมเองก็เหมือนว่าจะมีอะไรคล้ายๆกัน
ราชาผู้ยิ่งใหญ่ได้ก่องตั้งมหาจักรวรรดิขึ้น หลังจากตายก็เกิดความแตกแยกจนล่มสลาย
ประวัติศาสตร์ของมนุษย์เนี่ย บางทีไม่ว่าที่ไหนมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย
“เป้าหมายหลักของผมคือ[ปกป้องหมู่บ้านนี้] คงจะได้สินะ”
ผมไม่คิดจะขยายเขตแดน ริเซ็ตก็ต้องการแค่ความสงบสุขของโลกใบนี้ ฮารุกะก็ไม่ได้ต้องการจะครองโลก ดังนั้นยังไงผมก็ขอแค่ใช้สกิลปกป้องหมู่บ้านนี้จากศัตรูภายนอกไปเรื่อยๆก็พอ
ผมเลิกเป็นจูนิเบียวแล้ว
ผมในตอนนี้เป็น[อดีตจูนิเบียวที่รับรู้ถึงความเป็นจริง] ถ้าคิดถึงเรื่องการปะทะกับผู้ถูกอัญเชิญคนอื่น ก็ควรจะ[รับรู้ถึงความเป็นจริง]เอาไว้จะดีกว่า
เอาล่ะ ตัดสินใจเป้าหมายได้แล้ว
“…ฮ้าว”
เริ่มจะง่วงแล้วสิ ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็นอนไปแล้ว ยังไงก็ยังเหนื่อยอยู่จริงๆด้วย
พออยู่บนที่นอน ก็เห็นหน้าต่างที่อยู่บนเพดาน
ดวงจันทร์ที่เห็นมีแค่ดวงเดียว เป็นจันทร์เสี้ยวตามปกติ นั่นเองก็ไม่ต่างกับโลกเดิมสินะ
พวกริเซ็ตยังพูดต่อ
ผมกังวลว่าให้ดูแลจะดีจริงๆเหรอ ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าผมจะมีอะไรให้พึ่งได้
ถ้าเป็นไปได้ก็จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ ยังไงก็เป็นพี่น้องกันแล้ว…ก็ต้องทำแบบนั้นให้ได้
–จะว่าไปแล้วริเซ็ตก็พูดเกี่ยวกับ[ความสามารถในการตั้งชื่อ]ของจักรพรรดิมังกรนี่น่า
นั่น หมายความว่ายังไงกันนะ
ในฐานะอดีตจูนิเบียวแล้ว ก็รู้สึกสนใจการตั้งชื่อเท่ๆอยู่หรอก
“…ถ้าเกิดว่าตั้งชื่ออื่นให้ริเซ็ตขึ้นมาล่ะ…?”
ฟู่
ระหว่างที่คิดก็รู้สึกง่วง…ตาผมหลับลง
ที่ขอบสายตารู้สึกราวกับว่ามีหน้าต่างใสๆลอยขึ้นมาเลย…เพราะรู้สึกเบลอๆก็เลยมองไม่ค่อยเห็น–
[ตั้งชื่อคน:เลเวลไม่พอ
ตั้งชื่อสิ่งของ:สามารถทำได้]
ตัวอักษรปริศนาที่แสดงอยู่บนหน้าต่าง พอเริ่มฝันก็ลืมไปหมดเลย
──มุมมองริเซ็ต──
“ท่านโชมะ–ท่านพี่หลับไปแล้วเหรอ?”
“ค่ะ ท่าทางจะเหนื่อยจริงนะคะ”
หลังจากท่านพี่โชมะหลับลง
ริเซ็ตก็นั่งดื่มชากับฮารุกะต่อ
“ดีจริงๆที่ได้เป็น[พี่น้องร่วมสาบาน]นะ พี่ริส”
ฮารุกะถือชามข้าว แล้วยิ้มให้ริเซ็ต
“พี่ริสอยากจะเป็นครอบครัวกับคนที่มี[สายเลือดมังกร]สินะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ฮารุกะ”
ริเซ็ตส่ายหน้า
ไม่อยากจะให้ฮารุกะที่เป็นน้องสาวเข้าใจผิดค่ะ
“ที่ริเซ็ตอยากจะเป็น[พี่น้อง]กับท่านพี่โชมะ เป็นเพราะรู้สึกได้ถึง[ความถูกต้อง]จากเขาค่ะ”
“[ความถูกต้อง]เหรอคะ?”
“ริเซ็ตขอร้องท่านพี่โชมะไปว่า[ได้โปรดช่วยองค์จักรพรรดิแล้วกอบกู้ยุคมืดนี้ค่ะ]ค่ะ”
“เรื่องนั้น…กะทันหันจังเลยนะคะ”
ฮารุกะยิ้มเจื่อนๆ
“พึ่งเจอเลยใช่ไหมล่ะคะ? ยังไม่รู้จักท่านพี่โชมะเลยแท้ๆ”
“…ได้โปรดหยุดพูดเถอะค่ะ”
พอนึกขึ้นมาก็หน้าแดง
มันกะทันหันเกินไปจริงๆสินะคะ
“คิดว่าท่านพี่โชมะตอบกลับมาว่าอะไรล่ะคะ?”
“…คิดไม่ออกเลย”
“เขาพูดแบบนี้ค่ะ [สักวันก็มีความเป็นไปได้ว่าตัวเองอาจจะหายไปจากโลกนี้ ไม่อยากทำอะไรที่ไร้ความรับผิดชอบ] แต่จะช่วยให้ยืมพลังปกป้องหมู่บ้านแทนค่ะ”
การที่ริเซ็ต[เชื่อใจ]ท่านพี่โชมะก็ตอนนั้นล่ะ
ถ้าท่านพี่โชมะคิดจะใช้ประโยชน์ริเซ็ตก็สามารถทำได้แท้ๆ
ที่[สุสานจักรพรรดิมังกร]ริเซ็ตมั่นใจว่าท่านพี่โชมะเป็นคนที่ถูกเลือกเป็นจักรพรรดิมังกรก็เลยเรียกว่า[ท่านจักรพรรดิมังกร] แล้วเรื่องนั้นท่านพี่โชมะก็รู้ดีอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าพี่โชมะเป็นคนไม่ดีคงจะพูดว่า“ใช่แล้ว จงเชื่อฟังผู้สืบทอดของจักรพรรดิมังกรซะสิ” แล้วสั่งริเซ็ตไปแล้วค่ะ
พี่โชมะเป็นคนที่ถูกอัญเชิญมาโลกใบนี้ด้วยความผิดพลาดค่ะ เพื่อเอาตัวรอดการจะทำแบบนั้นก็คงจะบ่นอะไรไม่ได้ แต่ทั้งๆแบบนั้น…
“ทั้งๆแบบนั้น ท่านพี่โชมะก็เล่าทุกอย่างให้ฟังค่ะ”
เรื่องที่ตัวเองเป็นคนที่ถูกพามาโลกนี้แบบผิดหลักเกณฑ์
เรื่องที่มีโอกาสถูกพากลับไปโลกเดิม
เรื่องที่ถ้าเอาตัวเองเป็นแกนกลางในการไปช่วยท่านจักรพรรดิ ก็อาจจะหายไประหว่างทำหน้าที่นั้นกลางคัน
“ยิ่งกว่านั้นเขายังบอกว่าจะให้ริเซ็ตยืมพลังค่ะ”
“…พี่ริส”
“ดังนั้นก็เลยอยากจะเป็น[พี่น้อง]ค่ะ ระหว่างที่อยู่ในโลกนี้ ก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อตอบแทน[ความถูกต้อง]ของเขา ยุคมืดนี้ ริเซ็ตจะเป็นคนกอบกู้เองค่ะ”
“พี่ริส…”
ไม่รู้ทำไมฮารุกะถึงถอนหายใจออกมา
“ยังยึดติดกับคำพูดของคุณแม่อยู่อีกเหรอ? ถึงพี่ริสจะสืบสายเลือดของ[จักรพรรดิมังกร]แต่มันก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพี่ริสสักหน่อย ไอ้เรื่องที่ว่าต้องทำหน้าที่ให้เสร็จในฐานะลูกหลานของ[จักรพรรดิมังกร]น่ะ ไม่เห็นจะต้องไปยึดติดกับคำพูดแบบนั้นเลยนี่นา?”
“…ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ ค่ะ”
“ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ เหรอ”
“ค่ะ คนที่ตัดสินใจ ก็คือตัวริเซ็ตเองค่ะ”
“เรื่องตอนยังเด็กสินะ? ท่านพี่ จะคิดยังไงกันนะ ทั้ง[ต่อสู้กับศัตรูของโลก]ทั้ง[จะเปลี่ยนโลกที่บิดเบี้ยว] ถ้าได้ยินคงจะตกใจน่าดูเลยนะ?”
“ก็อาจจะนะคะ…บางที อาจจะตะลึงจนพูดไม่ออกก็ได้”
“…อ๊ะ ขอโทษค่ะ เผลอพูดไม่คิดอีกแล้ว พี่ริส”
พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นฮารุกะยิ้มเจื่อนๆ
“พี่ริส เปลี่ยนไปนะ ตั้งแต่ได้พบกับท่านพี่”
“…เอ๊ะ?”
“ก็ตั้งแต่เมื่อกี้ก็เอาแต่พูดแต่เรื่องของท่านพี่นี่นา?”
“ยะ อย่างนั้นเหรอคะ”
“อาจจะบางทีก็ได้ แต่ท่านโชมะ–ท่านพี่ คงจะทำให้พี่ริสเปลี่ยนไปล่ะนะ ทั้งอย่างความอยากจะช่วยโลก ทั้งเรื่องเป็นลูกหลานของจักรพรรดิมังกร ไปในทางที่ปลดปล่อยพี่ริสออกจากภาระความรับผิดชอบน่ะค่ะ”
“ระ เรื่องนั้น…”
แม้แต่ตัวเอง ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
แต่ว่า เรื่องที่สืบสายเลือดของจักรพรรดิมังกรนั้น คือสิ่งที่แสดงถึงตัวตนของริเซ็ตที่ไม่รู้เรื่องราวของพ่อค่ะ
เป็นหลักฐานว่ายังเป็นตัวของตัวเองอยู่ค่ะ
“แน่นอนว่า นั่นคือเป้าหมายสุดท้ายค่ะ เรื่องนี้ ในตอนนี้ขอแค่ปกป้องหมู่บ้าน ก็พอค่ะ”
“นั่นสินะ พวกผู้ใหญ่ก็ออกเคลื่อนไหวกันหมด ในการเตรียมตัวเพื่อโจมตี๘านใหญ่ของอสูรในป่า”
“นั่นสินะคะ ถ้าบุกที่นั่นสำเร็จ ท่านพี่โชมะเองก็จะได้อยู่อย่างสงบค่ะ”
“นี่ไง พูดเรื่องของท่านพี่อีกแล้ว”
เดึ๋ยวเถอะ ฮารุกะ ทำไมถึงทำหน้าแบบ“ว้ายว้าย”กันละคะ
หยุดเถอะค่ะ พวกริเซ็ตเป็นน้องสาวของท่านพี่โชมะนะคะ ถ้ามัวแต่ทำตัวเป็นเด็กได้ถูกหัวเราะเอาแน่ค่ะ!
“เราจะขอติดตามท่านพี่กับพี่ริสค่ะ”
ฮารุกะพูดแบบนั้นแล้วก็วางชามข้าวที่ว่างเปล่า
ลูบเขาสีมุก แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเขินๆ
“ฮารุกะ คัลมิเรียผู้นี้ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ขอสาบาน ณ ที่แห่งนี้ว่าจะคอยช่วยเหลือท่านพี่กับพี่ริสค่ะ ในฐานะน้องเล็ก การทำให้ความปรารถนาของพี่ชายและพี่สาวเป็นจริง ก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว”
“…ฮารุกะ”
“ถ้าอย่างนั้นเราขอกลับบ้านก่อนนะ ไว้พวกผู้ใหญ่กลับมาเรา3คนค่อยย้ายไปคฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้านเถอะ หลังจากทุกคนอนุญาตแล้ว”
พูดแบบนั้นแล้วฮารุกะก็ยิ้มออกมา
ริเซ็ตเอง ก็ยิ้มกลับไป
เป็นอนาคตที่น่าสนุกมากค่ะ
“ถ้างั้นก็ ราตรีสวัสดิ พี่ริส”
“ราตรีสวัสดิค่ะ ฮารุกะ”
ฮารุกะโบกมือ แล้วก็แบกกระบองไม้ขึ้นบ่ากลับบ้านไป
เอาล่ะ ริเซ็ตเองก็ไปพักผ่อนที่อีกห้องดีกว่า ผ้าห่มก็มีคนในหมู่บ้านเอามาให้แล้ว
เช้าแล้วก็เอาไปซัก หลังจากนั้นก็ไปปลุกท่านพี่โชมะ
หลังจากนั้น–
ก็ไปตรวจสอบสถานการณ์รบของพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน
เพื่อให้ท่านพี่โชมะกับพวกเราจะได้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายยิ่งขึ้น