วิธีของฉัน

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสุสานแต่ขนาดของจักรพรรดิยักษ์เทพนั้นขนาดใหญ่มากๆ ใหญ่ขนาดที่คนที่บินอยู่ในสุสานยังสามารถมองเห็นมันได้

ตอนที่โจวเหวินเห็นมันเอง สายตาของเขาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที เขาได้กลิ่นอายของผู้พิทักษ์แล้วทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวนั้นคือผู้พิทักษ์แน่ๆ

ผู้พิทักษ์ที่อยู่ในระดับเทพนั้นโจวเหวินสามารถฆ่าได้แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผู้พิทักษ์ทุกตัวจะเก่งเสมอไป จักรพรรดิยักษ์เทพอาจจะอยู่ระดับเดียวกันกับเทวดา6ปีกก็ได้

โจวเหวินอยากจะดูให้ชัดๆแต่เมสซิสนั้นเก็บผู้พิทักษ์กลับไปก่อน

โจวแหวินเลยคิดทบทวนซักพักในใจ “หรือว่าเจ้าหมอนั้นมันจะใช้พลังของผู้พิทักษ์ในการจัดการปัญหาในสุสานหน่ะ รนหาที่ตายรึไงวะเนี่ย”

ผู้พิทักษ์นั้นเดิมทีลงมาที่โลกเพื่อทำสงครามกับผู้พิทักษ์ตัวอื่นที่ต่างสายพันธ์อยู่แล้ว เพราะงั้นผู้พิทักษ์ทุกตัวนับว่าเป็นศัตรูกัน แล้วเมสซิสยังคิดจะใช้ผู้พิทักษ์ ในการไปถล่มที่นอนของเทพีผู้พิทักษ์ที่หลับอยู่ในสุสาน เด็กป.4คิดยังรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

โจวเหวินเดาได้ง่ายๆเลยคือเทพีที่นอนอยู่นั้นจะโกรธจัดแล้วพุ่งออกมาจากสุสาน หลังจากนั้นผลที่ออกมานั้นมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะไม่ใช่แค่ตระกูลฉางที่ตายห่า พวกเราจะตายห่ากันหมดนี่ละ

โจวเหวินเองก็ยังไม่อยากตาย อย่าว่าแต่จะให้ครอบครับของฉางหยูฉีตายหมดเลย เขาเลยตัดสินใจไว้แล้ว ว่าถ้าเกิดตระกูลฉางคิดจะใช้พลังของผู้พิทักษ์ในการจัดการปัญหาในสุสานมารจริงๆ ยังไงเขาก็ต้องหยุดมันไว้ซะ ฉางซือหยูตอนนี้กำลังตัดสินใจเรื่องข้อเสนอของชาลีและเมสซิสอยู่ ดูเหมือนว่าแผนของทั้ง2คนนั้นดูใช้งานได้เหมือนกันหมด เลยทำให้ไม่รู้ว่าอันไหนมันจะใช้ได้จริง

ทั้งชาลีและเมสซิสจึงพยายามงัดเหตุผลทุกอย่างออกมาสู้ และหวังว่าตระกูลฉางจะเลือกแผนของตัวเอง

“ชุนชิว คิดว่าไง”ฉางซือหยูถามฉางชุนชิว

ตั้งแต่ยังเด็กฉางชุนชิวเข้ามาช่วยงานป้องกันระวังสุสานมารและฉางซือหยูเองก็ตั้งใจจะฝึกฉางชุนชิวให้กลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ในตอนนั้นเอง ฉางชุนชิวไม่เพียงแต่จะโดนถามความเห็นแต่ยังเป็นการพิสูจน์ความคิดด้วย

ฉางชุนชิวคิดก่อนจะพูดกับฉางซือหยู “คุณลุงครับ ถ้าเป็นไปปได้ ผมอยากจะให้คุณลุงฟังความเห็นจากหลายๆฝ่ายก่อนจะเริ่มตัดสินใจครับ”

“น่าเสียดายนะ ที่นอกจากพวกเรา2คนแล้ว คนอื่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีหน้ากากอยู่ในสุสานมารด้วย อย่าว่าแต่จะรู้วิธีทำลายมันโดยไม่ขุดสุสานเลย”เมสซิสพูด

ฉางซือหยูมองฉางชุนชิวแล้วคิดก่อนจะถาม “มีแผนอื่นอีกเหรอ”

ฉางชุนชิวพูดทันที “ผมพูดแทนโจวเหวินที่มาจากตระกูลอันในลั่วหยางครับ เขาเองก็มีแผนที่วางไว้เพื่อแก้ไขปปัญหาในสุสานมารเหมือนกัน อยากจะลองฟังก่อนไหมครับ”

“คนของหยูฉีเหรอ”ฉางซือหยูนั้นรู้อยู่แล้วว่าโจวเหวินเป็นใคร

“ใช่ครับ หยูฉีนั้นมีสัมพันธ์อันดีกับโจวเหวินมากและเคยถูกโจวเหวินช่วยชีวิตเอาไว้ครั้งนึงครับ เขาไม่เคยมีเจตนาร้ายกับตระกูลฉางของเราเลย”ฉางชุนชิวพูด

“ถ้างั้นก็เชิญเขามาเล่าแผนของเขาเลย” ฉางซือหยูคิดแล้วพูด

ฉางชุนชิวรับคำสั่งแล้วไปตามหาโจวเหวิน พอฉางชุนชิวเดินไปแล้ว ชาลีก็พูด “โจวเหวินเป็นแค่เด็กที่มีดวงเท่านั้นเองนะครับ คุณคงจะไม่เชื่อที่เขาพูดใช่ไหมครับ ให้งานที่สำคัญขนาดนี้ให้เด็กที่ไร้ประสบการณ์แบบนั้น นี้มันคือชะตากรรมของตระกูลฉางเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ฟังแผนไว้เฉยๆหน่ะ สุดท้ายแล้วของใครดีสุดก็ใช้ของคนนั้นแหล่ะ”ฉางซือหยูพูดเบาๆ

พอเห็นฉางซือหยูตัดสินใจไปแล้ว ชาลีกับเมสซิสก็ไม่พูดอะไรอีก

ฉางชุนชิวพูดกับโจวเหวิน เขาเชื่อในตัวโจวเหวิน เพราะยังไงมีแค่โจวเหวินคนเดียวที่ไม่ได้เห็นแค่หน้ากากแต่เห็นรวมไปถึงสัตว์ประหลาดที่อยู่ใต้หน้ากากนั้นอีกที รวมไปถึงเทพีอมรณาที่อยู่ด้านใต้สุดด้วย

ชาลีและเมสซิสนั้นเห็นแค่หน้ากากที่อยู่ชั้นบนอย่างเดียว ถ้าเกิดจะต้องลอง ฉางชุนชิวก็เข้าข้างและเชื่อในตัวโจวเหวินมากกว่า

“พวกนั้นแค่เจอหน้ากาก พวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดการกับหน้ากากได้ไหม ถึงแม้จะทำได้แต่ถ้าสัตว์ประหลาดข้างใต้นั้นยังอยู่ละก็ เอาหน้ากากออกไปได้ก็เท่านั้นละ”โจวเหวินหยุดแล้วพูดต่อ “อีกอย่างนะ ฉันคิดว่าเทพีที่หลับอยู่ใต้หลุมศพนั้น จริงๆแล้วคือผู้พิทักษ์ด้วย ผู้พิทักษ์แต่ละตัวมีความสัมพันธ์กันเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย แต่ถ้าเป็นศัตรูขึ้นมา ถ้าเมสซิสใช้พลังของผู้พิทักษ์โจมตีสุสานมารละก็ บางทีมันอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นก็ได้นะ”

ฉางชุนชิวคิดแล้วถาม “นายมั่นใจเหรอว่าเทพีนั้นเป็นผู้พิทักษ์หน่ะ”

“จะบอกว่ามั่นใจก็ไม่ได้ เพราะที่ฉันเห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความสามารถในการตรวจสอบเท่านั้น แต่มันดูเหมือนผู้พิทักษ์มากๆเท่านั้นเอง ทั้งกลิ่นอายทั้งรูปร่าง”โจวเหวินพูด

“ถ้ามันมีโอกาสเป็นผู้พิทักษ์จริงละก็ จะให้เมสซิสใช้วิธีนั้นไม่ได้เด็ดขาด”ฉางชุนชิวตัดสินใจแล้วแตะแขนของโจวเหวิน “ไปหาท่านจ้าวตระกูลกับฉันก่อนเถอะ แล้วพยายามเอาโอกาสนั้นมาอยู่ในมือให้ได้ ฉันจะช่วยนายเต็มที่เอง”

“โอเค”โจวเหวินตัดสินใจแล้วเดินไปหาฉางซือหยูพร้อมกัน

“โจวเหวินขอคารวะท่านเจ้าตระกูล”โจวเหวินเริ่มต้นอย่างสุภาพนอบน้อม

ในอดีตตระกูลราชาวีรบุรุษตระกูลฉางนั้นเป็นหัวหน้าของเหล่าวีรบุรุษทั้ง6 ทำให้ทุกวันนี้ จ้าวตระกูลฉางยังคงมีหน้ามีตาและสถานะที่พิเศษในรัฐบาลกลาง แม้แต่คนใน6ตระกูลด้วยกันยังต้องให้ความเคารพและยำเกรงต่อหน้าชายคนนี้

“นายเป็นเพื่อนกับหยูฉี ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ฉันเคยได้ยินหยูฉีเล่าเรื่องของนายบ่อยแล้วละ”ฉางซือหยูมองโจวเหวินแล้วพูด “ฉันได้ยินมาว่านายมีแผนที่จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสุสานมารตอนนี้ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”

“วิธีของผมมันง่ายมากครับ เราต้องขุดสุสานมารแล้วฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ในนั้น เพื่อให้ปัญหาทั้งหมดมันคลี่คลายครับ”โจวเหวินพูด

ตอนที่โจจวเหวินพูดออกมา ไม่ใช่แค่คนจากตระกูลฉางหรอกที่ขมวดคิ้ว ชาลีที่ฟังอยู่ก็สวนขึ้นมาทันที “นี้ไอ้หนุ่ม ถ้าแค่ขุดสุสานแล้วฆ่าแล้วเรื่องมันจบเนี่ย ตระกูลฉางจะชวนนายมาทำไมกันละ”

ฉางซือหยูยังไม่ปฏิเสธโจวเหวิน แต่เขามองโจวเหวินแล้วพูด “งั้นช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมนายต้องขุดสุสานมาร”

โจวเหวินพูด “ผมมีสกิลในการตรวจสอบครับ ผมสามารถแยกชั้นของสุสานมารแบ่งออกได้เป็นสามชั้นครับ ชั้นแรกเป็นหน้ากาก ชั้นที่2เป็นสัตว์ประหลาดและชั้นที่3คือเทพีอมรณาที่ตระกูลฉางเฝ้าป้องกันอยู่ครับ การที่จะจัดการปัญหานี้ได้ทั้งหมดนั้นจะต้องจัดการทั้งหน้ากากในชั้นแรกและสัตว์ประหลาดในชั้นที่2 เพราะงั้นถ้าไม่ขุดลงไปในสุสานก็ไม่มีทางจัดการทั้ง2ตัวได้เลยครับ”

“นี้จะมากเกินไปแล้วนะ ตระกูลฉางหน่ะมีวิชาตาทิพย์นะ แม้แต่ตาทิพย์ของตระกูลฉางยังมองไม่เห็นข้างในนั้นแบบชัดเจนเลยแต่นายกลับมองเห็นได้ชัดขนานั้นแถมยังแบ่งออกเป็น3ชั้นเนี่ยนะ ฉันว่านายเอาเรื่องที่เราพูดไปผสมโรงตีไข่แล้วอยากจะแย่งผลงานจากพวกเรามากกว่า”ชาลีพูด

“จริงหรือเท็จ ท่านเป็นคนตัดสินเองครับ”โจวเหวินไม่ได้เถียงชาลี แต่เขาพูดต่อ “ท่านจ้าวตระกูล ให้ผมจัดการเถอะครับ เราต้องขุดสุสานนั้น มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วครับ”