ตอนที่ 192 การต่อสู้ของนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เดินทางมาทั่วทุกแห่ง ด้านนอกเมืองหลวง ทหารกลุ่มหนึ่งเดินมาอย่างช้าๆ เสียงลากล้อดังออกมาจากโลกที่เงียบสงบ กองกำลังเหล่านี้เปล่งกลิ่นอายที่พลังออกมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้สายตาของทุกคนกำลังกระตือรือร้นเหมือนดอกไม้กำลังบานออกมา ข้างในมีกรงนักโทษขนาดยักษ์ กรงกำลังลากสามคนไปตามขบวน………. หากบู่ฟงมาเห็นทั้งสามคนที่อยู่ในกรงก็คงจะจำได้ พวกเขามีอะไรพิเศษที่แตกต่างจากคนธรรมดา ตรงที่ท่อนล่างของพวกเขาสามคนเป็นงูขนาดใหญ่ “พี่อาหนี่แน่ใจเหรอว่าที่นี่เป็นอาณาจักรสายลมแห่งแสง?” เสียงคนที่โดนใส่กุญแจมือถามด้วยความขี้อาย ทั่วทั่งร่างมนุษย์งูเป็นแผลได้รับบาดเจ็บ เขาหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยังฝืนยิ้มก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ฟังจากที่พวกเขาพูดคุยกันพวกเราจะไปที่นั่น……..” ร่างกายส่วนบนของอาหนี่มีกลิ่นอายที่อ่อนแอ แต่ใบหน้าของเขาพยายิ้มแล้วพูดออกมา หยี่ฟูพยักหน้า มองไปดูร่างที่อยู่ข้างร่างกายของนาง หยี่ฟงพ่อของนางที่ปิดตาอยู่กำลังหายใจเบาๆ “แม้ว่าพวกเราเผ่างูจะมาอย่างเร่งรีบแล้ว เพื่อที่จะมาถึงอาณาจักรสายลมแห่งแสงในครึ่งเดือน แต่นี่เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น ท่านลุงหยี่ฟงอาจจะรู้อยู่แล้วว่าครึ่งเดือนนี้เป็นไปไม่ได้ เขาจึงปิดกั้นร่างกายจำศีลอยู่ ตอนนี้เข้าเมืองอย่าเพิ่งเคลื่อนไหว ท่านลุงหยี่ฟงต้องไม่เป็นไรหยี่ฟูเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” อาหนี่พยายามพูดให้หยี่ฟูสบายใจ หยี่ฟูพยักหน้า ตอนนี้นางเข้าใจอย่างชัดเจนตอนนี้พ่อของนางมีเป้าหมายอยู่ที่พักฟื้นตัว อาหนี่เหยียดตัวตรง มองไปที่ช่องว่างของแผ่นเหล็ก นางเห็นกำแพงเมืองหลวงยาวไม่มีที่สิ้นสุดและประตูเมืองยักษ์ “ที่แห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลกว่าเผ่าของเรามาก……….มันหรูหราจนไม่อาจจะเปรียบเทียบได้ มนุษย์พวกนี้มีความคิดสร้างสรรค์มากจริงๆ” อาหนี่ถอนหายใจออกมา กรงถูกกระแทกอย่างรุนแรงทันที เสียงดังสั่นไหวก็ดังออกมา “อย่าพูดจาไร้สาระ อยู่นิ่งๆ” ข้างนอกกรงมีเสียงระเบิดออกมาด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นใบหน้าอาหนี่ก็แดงออกมาด้วยความโกรธเขากำหมัดออกมาแล้วทรุดตัวลงด้วยความโกรธ พวกเขาเดินทางออกมาจากบึงวิญญาณลวงตา เข้ามาที่เขตแดนอาณาจักรสายลมแห่งแสง แล้วเดินมาตรงตามเส้นทาง เดิมอาหนี่ที่เป็นคนกล้าหาญ เขาเป็นจักรพรรดินักรบขั้นที่หก เขาจึงไม่กลัว…..แต่คิดไม่ถึงเด็หนุ่มในพวกเขาจะเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด ตอนนี้อาหนี่กำลังเผชิญหน้ากับนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด เป็นธรรมดาที่เขาจะพ่ายแพ้ ท่านลุงหยี่ฟงก็จำศีลอยู่ พวกเขาจึงถูกขังแล้วถูกส่งไปที่เมืองหลวง หัวใจของอาหนี่รู้สึกดีใจมากเมื่อปลายทางของคนพวกนี้คือเมืองหลวง ถ้าเป็นที่อื่นๆอาจจะทำให้ท่านลุงหยี่ฟงเสียเวลาขึ้นไปอีก บูม บูม บูม พื้นดินสั่นสะเทือน ดวงตาของอาหนี่หดตัว เขามองไปก็มองไปที่สัตว์วิญญาณที่มีขนาดใหญ่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันคือสิงโตไฟ มันมีเขี้ยวโก้งโค้งเหมือนกับดาบ “สัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นที่เจ็ด….สิงโตไฟ” ดวงตาอาหนี่หดตัว กลุ่มคนที่ถูกขังกับกองทหารก็ได้ยินเสียงที่แผ่กระจายออกมา สิงโตไฟคำรามเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ทำให้สัตว์วิญญาณที่ดุร้ายในขบวนเริ่มกังวนกระสับกระส่ายและกลัวอย่างมาก “เมืองหลวงอาณาจักรสายลมแห่งแสง ต้องโทษเจ้าไฟน้อยที่เล่นสนุกตลอดเวลา ตอนเช้ามันรีบมาจนมาถึงแล้ว” มีเสียงดังออกมาจากหลังสิงโตไฟที่เอ่ยปากออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เงาของคนสวมเสื้อคลุมสีแดงก็ปรากฏขึ้นมา เสียงฝ่าเท้าดังออกมาไกลออกไป สิงโตไฟมีชายสวมเสื้อคลุมแดงขี่มันเดินตรงเข้าไปในเมืองหลวง มันเป็นการรวมตัวที่น่ากลัวของ นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดกับสัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นที่เจ็ดด้วยกันอย่างน่ากลัว…………เมืองหลวงอาณาจักรสายลมแห่งแสงมีนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดเดินไปทุกแห่ง? ภายในใจของอาหนี่ค่อนข้างสับสน “ดินแดนรกร้างพระราชวังสามเทพคนโฉด อาณาจักรคนฝึกสัตว์ดุร้าย? พวกเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ………”เสียงคนแก่หัวเราะดังออกมาไม่หยุด อาหนี่จำได้เขาอยู่ในขบวนนักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดที่อยู่ในขบวนที่ทำร้ายพวกเขาที่ถูกเรียกว่า เทียนฉือสื่อเจตจำนงดาบปรากฏออกมาอย่างน่าแปลกใจ เจตจำนงของดาบพุ่งออกมาทำให้อากาศแทบที่จะหายใจไม่ออกได้ พลังวิญญาณที่ออกมาจากอากาศทำให้เขาไม่สบายใจ เสียงของนกอินทรีย์ดังออกมาก้องกังวานคนที่อยู่บนดินเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ประหนึ่งว่าเป็นร่างจำลองของสวรรค์ที่แปลงตัวมา ปีกของนกอินทรีย์ขนาดใหญ่บินสยายตัวขึ้นมา ผู้คนเห็นหลังของนกอินทรีย์ที่ลอยขึ้นมาบนอากาศมีคนอยู่ข้างหลัง เบื้องล่างในขบวน สัตว์วิญญาณที่ดุร้ายในขบวนส่งเสียงวุ่นวายไม่มีหยุด เด็กสาวร่างเพรียวบางผูกผมหางม้า สวมชุดเกราะนักรบไหล่สะพายคันธนูยาว เด็กสาวตั้งท่ามองไปรอบๆ ด้วยความสับสน นางไม่รู้จักทิศทางเลยอยู่นาน นางจำอะไรบางอย่างได้ ก็โบกมืออยู่ข้างบนฟ้าให้นกอินทรีย์ “พี่เตียวท่านบินเล่นไปช้าๆ เดี๋ยวข้าจะบอกท่านอีกครั้ง” เสียงนกอินทรีย์ก็ดังก้องสะท้อนออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นแววตาของนกอินทรีย์ก็เปลี่ยนไป มันกระพือปีก ปีกที่แข็งแรงของมันก็ส่งเสียงผ่านลม พัดเมฆแตกกระจายทันที เด็กสาวยิ้มมองไปที่ขบวนทหารที่อยู่เบื้องหลัง นางมองดูขบวนอย่างดูถูก แล้วพุ่งเข้าไปตรงทางเมืองหลวง อาหนี่ไม่กล้าหายใจออกมา บ้าจริง………..สัตว์วิญญาณดุร้ายขั้นที่เจ็ด นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ด……..นอกจากนี้พวกเขายังอายุไม่มาก? เมืองหลวงนี้น่ากลัวจริงๆ “สัตว์ร้ายขั้นที่เจ็ด ปีศาจนกอินทรีย์พายุสายฟ้า………เบื้องหลังของสาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดา” ชายชราคนนี้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจอีกครั้ง อาหนี่ได้ยินตัวก็สั่นนิดๆ ……..เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้กลัวที่จะได้ต่อสู้ ” พี่อาหนี่เราจะไปที่เมืองหลวงกัน ข้าจะปลุกพ่อให้ตื่นนอนได้หรือยัง?” หยี่ฟูถาม อาหนี่แปลกใจสักพัก มุมปากของเขาก็ยกขึ้นมาทันที นักรบศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดบ้าจริง………..ตรงนี้มีนักรบศักดิ์สิทธิ์มากมายมากกว่าหลายปีที่เขาได้เห็น จริงๆแล้วโลกนี้กวางใหญ่นัก เมื่อได้เห็น……จะรู้ว่าสิ่งที่รู้นั้นน้อยมาก “ปลุกเถอะ……..ไม่อย่างนั้นเราจะออกไปจากขบวนนี้ไม่ได้” อาหนี่ฝืนยิ้มพูดออกมา ดวงตาของหยี่ฟูส่องสว่างก่อนที่นางจะเอายาวิญญาณบดละเอียดแล้วกรอกใส่ปากมนุษย์งูหยี่ฟง …… “รายงานท่านแม่ทัพ ตอนนี้เรารู้ตำแหน่งของนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามาในเมืองหลวงแล้ว…..” “รายงานท่านแม่ทัพเซียว ตอนนี้นักรบศักดิ์สิทธิ์ขี่สัตว์วิญญาณดุร้ายเข้ามาในเมืองหลวง…..” “รายงานท่านแม่ทัพเซียว ที่ประตูเมืองหลวงมีการต่อสู้ของนักรบศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้น……….” …… เซียวเม้งปวดหัวเมื่อฟังที่ทหารรายงาน เขาทนไม่ได้ตบบหน้าตัวเอง หนึ่งเดือนนี้มีนักรบศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในเมืองหลวงมากมาย มันทำให้เซียวเม้งหัวใจสั่นไหวในสถานการณ์ในยามนี้ เขาไม่รู้ว่านักรบศักดิ์สิทธิ์พวกนี้มาจากไหน “ฝ่าบาทฝ่าบาท…………ตอนนี้ข้าน้อยหัวใจไม่สงบสุข” เซียวเม้งยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเพื่อความปลอดภัยของเมืองหลวง จีเฉิงเชี่ยรีบไปเชิญขันทีเหลียนฟูกลับมาจากสุสานหลวงทันที มีนักรบศักดิ์สิทธิ์สองคนดูแลความปลอดภัย แต่เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนก่อน เมืองหลวงเริ่มมีน้ำขุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ …… บู่ฟงเปิดประตูเอาซี่โครงหมูอ่อนขี้เมาไปวางไว้ตรงหน้าเจ้าดำน้อย วันนี้เขารู้สึกตื่นเต้นเพราะเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนในการหมักเหล้าวิญญาณ สามสมุนไพรวิญญาณขั้นที่เจ็ดที่ใช้เอามาหมักเหล้าวิญญาณ หัวใจของเขามีความคาดหวังอย่างมาก แต่เขาก็ไม่กังวล เขาฝึกฝีมือการใช้มีดและการแกะสลัก หลังจากที่ฝึกซ้อมมานานฝีมือของเขาก็พัฒนาขึ้นมามาก หลังจากฝึกฝนฝีมือการใช้มีดกับการแกะสลักเสร็จ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากประตู เจ้าอ้วนจินนำกองทัพคนอ้วนมาได้ทันเวลา ธุรกิจของร้านก็เริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าอ้วนจินเข้ามาสั่งอาหาร ใบหน้าที่ร่าเริงของโอวหยางเสี่ยวยี่ก็เข้ามา เช่นเดียวกันกล่องอาหารของเจี๋ยนเอ้อก็เข้ามาหลังจากที่ไม่ได้เห็นเป้นเวลานาน ตามมาด้วยลั่วสื่อเหนียงที่พลังของนางได้พัฒนาขึ้น เข้ามาในร้าน “เถ้าแก่บู่ไม่อยู่นาน ข้ากับเจี๋ยนเอ้อเข้ามา ทาร์ตไข่ของเจี๋ยนเอ้อจะต้องสยบท่านได้อย่างแน่นอน” ลั่วสื่อเหนียงเดินผ่านประตูแล้วตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจ บู่ฟงก้าวออกมาช้าๆจากในห้องครัวมองดูผู้หญิงคนนี้โดยไม่ได้พูดอะไร เจ้าอ้วนจินกับคนอื่นก็กินอาหารจนเสร็จ ก็บอกลาบู่ฟง บู่ฟงก็พยักหน้าให้เขานิดๆ หลังจากที่พวกเขาจากไปบู่ฟงก็มองมาที่เจี๋ยนเอ้อแล้วพูดออกมา “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายเจ้าคงจะทำทาร์ตไข่ได้มาตรฐานและเป็นอย่างที่ข้าต้องการได้นะ?” เจี๋ยนเอ้อถือกล่องอาหาร ใบหน้าเล็กๆของนางปรากฏความมั่นใจและเชื่อมั่นตัวเอง นางผงกหัวอย่างรุนแรงทันที โอวหยางเสี่ยวยี่กับลั่วสื่อเหนียงก็เข้ามาด้วยความอยากรู้ ลั่วสื่อเหนียงเมื่อได้ลองชิมทาร์ตไข่ของเจี๋ยนเอ้อ นางก็ยอมรับมัน หากทาร์ตไข่นี้ไม่อาจที่จะทำให้บู่ฟงพอใจได้ ลั่วสื่อเหนียงจะต้องมีเรื่องกับบู่ฟงแน่นอน มันเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของนมทำให้ตาของบู่ฟงสว่างขึ้นมานิดๆ ตึก ตึก ตึก ตอนที่บู่ฟงกำลังลิ้มรสชาติของทาร์ตไข่ เขาได้ยินเสียงคนตะโกนหัวเราะเยาะเย้ยดังออกมา “ต้นไม้ห้าเส้นทางพุทธิปัญญาอยู่ในมุมร้านแห่งนี้ใช่ไหม? ร้านนี้ข้าใช้เพียงฝ่ามือเดียวก็พังมันได้เป็นชิ้นๆแล้ว….”
มันก็ถูกวางอยู่ตรงหน้าบู่ฟง