ตอนที่ 784 ปลุกระดม

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 784 ปลุกระดม

คำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนช่างนิ่งเรียบ ทว่าเปรียบดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเผิงเฉิงอู่

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงเรื่อ จากนั้นก็เงยหน้าตะโกนออกมาเสียงดังว่า “เขาเป็นฮ่องเต้ส่วนข้าเป็นขุนนาง ! แล้วจะให้ข้าทำเยี่ยงไร ? ท่านคิดว่าจิตใจของข้าทำด้วยเหล็กกล้าหรือเยี่ยงไรกัน ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเผยอปากขึ้นเล็กน้อย ทว่าน้ำเสียงยังคงอ่อนโยน “ดังนั้น เจ้ามิสมควรเป็นแม่ทัพ ! ”

“เจ้าคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพชายแดนเหนือ มิรู้ถึงความสำคัญของด่านภูเขาเยี่ยนเลยหรือ ? มิรู้หรือว่าเมืองซินโจวสำคัญเพียงใด ? เจ้ามิเห็นความสำคัญของชาวบ้านเลยหรือ ? เขาเป็นฮ่องเต้อาจจะมิรู้มิเห็นได้ แต่เจ้าคือแม่ทัพใหญ่ที่คุ้มกันประตูเมืองของราชวงศ์นี้ไว้ ! ”

“เจ้าสามารถทำตามบัญชาของฮ่องเต้อย่างมีเหตุผลได้ เรื่องแค่นี้เจ้ามิรู้หรือเยี่ยงไร ? แท้ที่จริงข้าทราบเหตุผลว่าเจ้าละทิ้งประตูสำคัญเพราะเหตุใด ก็เพราะเขากล่าวกับเจ้าว่าการมีชีวิตอยู่ของข้ามันน่ากลัวกว่าชาวฮวงนัก…เจ้าเองก็คิดเยี่ยงนี้หรือ ? ”

เผิงเฉิงอู่ก้มหน้าก้มตา ผ่านไปเนิ่นนานทีเดียวกว่าจะเอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ ว่า “ถึงเยี่ยงไรท่านก็เป็นจักรพรรดิของราชวงศ์อู๋ ในสองปีมานี้ราชวงศ์หยูถูกท่านพัฒนาด้านการทหารและการปกครองจนเปลี่ยนแปลงไป”

“เมื่อท่านเดินทางกลับไปยังราชวงศ์อู๋แล้วขึ้นครองบัลลังก์ แน่นอนว่าราชวงศ์อู๋จะต้อง…แข็งแกร่งอย่างมหาศาล หากท่านปกครองไปอีกสามหรือห้าปี ใต้หล้านี้จะมีผู้ใดกล้าเป็นศัตรูกับท่านอีกกัน ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนฉีกขากระต่ายออกมาแล้วกัดกินเข้าไปหนึ่งคำ รอจนเผิงเฉิงอู่เอ่ยประโยคนั้นจนจบ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยถามว่า “ดังนั้นชีวิตของข้าจึงสำคัญกว่าทหารของเจ้าหลายแสนนายที่ต้องสละชีวิตในสนามรบ และสำคัญกว่าชาวบ้านในเมืองซินโจวกว่าห้าแสนรายเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“หากท่านกลับไปอย่างปลอดภัยก็เกรงว่าอนาคตของราชวงศ์หยูจะน่ากลัวกว่านี้สิบเท่า ! ”

“เหตุใดถึงคิดว่าข้าจะทำร้ายราชวงศ์หยูกัน ? หากข้าต้องการทำลายราชวงศ์หยูจริง แล้วเหตุใดข้าถึงต้องอยู่ที่นี่นานถึง 2 ปี ? เหตุใดข้าต้องไปพัฒนาว่อเฟิงเต้า ? ”

เผิงเฉิงอู่ตกตะลึงงันจนอ้าปากค้าง และไม่รู้ว่าจะเอ่ยอันใดออกมาดี

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มออกมาบางเบา “ความที่จะใส่ ไฉนกลัวไร้ข้ออ้าง นั่นเป็นเพราะเขากลัว ดังนั้นจึงต้องการกำจัดข้า เรื่องนี้ข้าเข้าใจดีเพราะก่อนหน้านี้ข้ายังเขียนจดหมายส่งให้เจ้าหนึ่งฉบับด้วย ข้าหวังว่าถ้าฮ่องเต้รู้สึกกลัวขึ้นมาจริงก็ขอเจ้าอย่ากลัวตาม เพียงแค่เจ้าคุ้มกันด่านภูเขาเยี่ยนหรือเมืองซินโจวเอาไว้ พื้นที่กว้างขวางของแคว้นฮวง ข้าก็จะยกให้เขา ! ”

น้ำเสียงของฟู่เสี่ยวกวนยิ่งเอ่ยก็ยิ่งเข้มแข็งหนักแน่น “เจ้าเป็นทหาร ข้าคิดว่าเจ้าจะเป็นเยี่ยงเผิงยวี๋เยี่ยนที่แสนหนักแน่นเสียอีก ! แต่ข้ามองคนผิดไป เพราะในท้ายที่สุดเจ้าก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง”

“เรื่องการเมืองการปกครองนี้เจ้าเล่นมันมิเป็นหรอก ดูสิ ! บัดนี้เป็นเยี่ยงไร ? กองทัพดาบสวรรค์จำนวนสองแสนกว่านายถอยทัพกลับไปแล้ว ท่าป๋าเฟิงส่งทหารจำนวน 500,000 นายมาทางเซียวเหอหยวนเช่นกัน ทหารของเจ้าจำนวน 200,000 นายกำลังติดตามทหารดาบเทวะของข้าอยู่ด้านหลัง…”

ฟู่เสี่ยวกวนหันไปจ้องมองเผิงเฉิงอู่เขม็ง “ทหารดาบเทวะของข้าจะไปต่อสู้กับชาวฮวง ! ข้าขอถามเจ้าว่ามีดและปืนในมือของเจ้ายังจะเล็งเป้าไปที่ทหารดาบเทวะหรือไม่ ? ”

มีดและปืนในมือของข้ายังจะเล็งเป้าไปที่ทหารดาบเทวะหรือไม่ ?

เผิงเฉิงอู่มิอาจหันหลังกลับไปตอบคำถามน่าอายนี้ได้ !

ทันใดนั้นเอง ทั้งสี่ด้านก็ได้ปรากฏเสียงเกือกม้าดังขึ้นมาอย่างก้องกังวาน เสียงดังโครมครามบนถนนหิมะราวกับเสียงพายุฝน

เป่ยหวังฉวนเงยหน้าขึ้นมอง ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับยังจับจ้องไปที่ร่างของเผิงเฉิงอู่

เขากำลังพนันว่าแม่ทัพใหญ่ผู้นี้จะมีเลือดของทหาร และมีศักดิ์ศรีของทหารราชวงศ์หยูหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่

กองทัพที่เดินทางมาคือกองทัพชายแดนเหนือดังคาด พวกเขาปิดล้อมที่นี่เอาไว้แล้ว

แม่ทัพผู้หนึ่งชักดาบออกมาแล้วกำลังจะออกคำสั่ง ทว่าเผิงเฉิงอู่กลับเงยหน้าขึ้นแล้วสั่งการว่า “ถอยออกไป ! ”

“ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ ! ”

“ข้าสั่งให้พวกเจ้าถอยออกไป ! ”

ทหารม้าถอยหลังออกไป 10 จั้ง ฟู่เสี่ยวกวนละสายตาจากร่างของเขาพลางหันไปมองกองไฟที่ลุกโชน เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักใจว่า “นี่คือทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในราชวงศ์หยู หากพวกเขาคุ้มกันด่านภูเขาเยี่ยนเอาไว้ ชาวฮวงจะตีแตกได้เยี่ยงไร ? ”

“เจ้าน่าจะรู้ว่าทหารกองทัพชายแดนเหนือมีผู้ลอบขายปืนใหญ่หงอีจำนวน 80 กระบอกให้กับชาวฮวง และเรื่องที่ขายปืนคาบศิลาจำนวน 4,000 กระบอก สิ่งเหล่านั้นล้วนทำเพื่อจัดการข้า”

“ชาวฮวงมาเคาะประตูด่าน ทว่าผ่านไปเจ็ดวันก็มิแตก ขณะที่การต่อสู้กำลังดุเดือดข้ากลับมิปรากฏตัว ดังนั้นเจ้าจึงสั่งให้แม่ทัพ 2 นายปลิดชีพทหารที่คุ้มกันเมืองอยู่นานถึง 7 วัน เพื่อที่จะเปิดประตูนั้นออกและปล่อยให้ชาวฮวงเข้ามา”

“ข้ามิคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องจริง แต่คาดมิถึงว่าพวกเขาจะมาซ่อนตัวอยู่ที่ซงกั่ง”

“ข้าขอบอกเจ้าตามตรงว่าแท้จริงแล้ว ข้ายืนดูสงครามตลอดเวลา ข้าได้เห็นเมืองซินโจวที่คุ้มกันได้ถึง 10 วันแตกพ่าย และได้เห็นชาวบ้านจำนวนห้าแสนกว่าคนอพยพจากเมืองซินโจวไปยังภูเขาผิงหลิงด้วยตาของตนเอง ข้ารู้ว่าเยี่ยงไรชาวฮวงก็ต้องตามไปฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอน เดิมทีข้ามิอยากเข้าไปช่วย…เนื่องจากตัวเจ้าเองยังมิสนใจ แล้วเหตุใดข้าต้องสนใจ ? ”

“เเต่ในตอนที่เจ้าระเบิดเมืองซินโจวทิ้ง ข้าจึงได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเจ้าสนใจพวกเขา เพียงแต่มิอาจทำในสิ่งที่ปรารถนาได้เท่านั้น”

“ดังนั้นข้าจึงเข้าไปช่วยพวกเขา ถึงได้ติดกับที่เจ้าวางเอาไว้อย่างจัง ยังดีที่ลูกน้องของเจ้ามีจิตใจที่อ่อนโยนอยู่บ้าง เสียงปืนที่ดังขึ้นทำให้ข้าหนีออกมาได้”

“เดิมทีข้าต้องการเดินทางจากไปให้จบสิ้น แต่คาดมิถึงว่าทหารทั้งสองกองทัพที่ข้าคิดว่าเป็นกบฏ อยู่ ๆ พวกเขาก็ไล่ตามทหารชาวฮวงทั้งหกหมื่นนายไป”

“บัดนี้ข้าจึงได้รู้ว่า ทหารกองทัพชายแดนเหนือก็มีผู้กล้าหาญหลงเหลืออยู่เช่นกัน ! ”

“พวกเขาใช้เลือดเนื้อของตนในการชำระล้างความผิด เพื่อเพิ่มเกียรติยศศักดิ์ศรีของทหาร ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “คนเราเกิดมาก็ล้วนต้องตายในสักวันหนึ่ง อาจจะเบาบางดั่งขนนกหรือหนักอึ้งราวขุนเขา ! การตายของพวกเขาช่างหนักอึ้งดุจเขาไท่ซาน ! เนื่องจากพวกเขาตายเพราะต่อสู้กับชาวฮวง ! ”

“ตัวเจ้าในตอนนี้เป็นเยี่ยงไรเล่า ? เจ้าคิดว่าทหารจำนวน 200,000 นายและปืนในมือไม่กี่พันกระบอกจะสามารถต่อสู้กับทหารดาบเทวะได้จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“พวกเขาจะตายภายใต้กระสุนของทหารดาบเทวะ ! และการตายเช่นนี้ช่างเบาบางยิ่ง… เบายิ่งกว่าขนนกด้วยซ้ำ ! ”

เผิงเฉิงอู่ก้มหน้าลง ด้านเป่ยหวังฉวนจ้องมองฟู่เสี่ยวกวนด้วยอารามตกตะลึงงัน

ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจออกมา “เจ้ามิอาจคิดแผนการเช่นนี้ได้หรอก แน่นอนว่าฮ่องเต้ก็มิอาจคิดแผนการอันโหดร้ายนี้ได้เช่นกัน แต่ข้ามิรู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่คิดแผนการนี้ขึ้นมา และบัดนี้ก็มิใช่เวลามาครุ่นคิด”

“บัดนี้ ข้าขอให้ท่านเงยหน้าขึ้นและกลับไปเป็นทหารกล้า เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้ทรงธรรมพร้อมนำพาทหารจำนวน 200,000 นายติดตามทหารดาบเทวะไปเพื่อสังหารชาวฮวง ! ”

“อย่าให้พวกมันตายอย่างง่ายดาย ! ”

คำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนสิ้นสุดลง เผิงเฉิงอู่อ้าปากจากนั้นก็ปล่อยลมออกมาเฮือกใหญ่

เผิงเฉิงอู่เดินตรงเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “ข้าหวังว่าในอนาคตท่านจะยังจดจำผืนปฐพีราชวงศ์หยู ที่เลี้ยงดูท่านจนเติบใหญ่ได้”

เขาก้าวออกไป กัดขากระต่ายเข้าไปอีกคำใหญ่

จากนั้นก็เดินเข้าไปท่ามกลางกองทัพ ไม่นานกองทัพนั้นก็ได้เคลื่อนพลจากไป

ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้ม เป่ยหวังฉวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “องค์ชายมิกลัวว่าเขาจะจัดการกับพวกเราสองคนหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ถึงเยี่ยงไรเขาก็เป็นทหารของราชวงศ์หยู และยังมีความแค้นต่อชาวฮวงมากมายนัก”

เป่ยหวังฉวนชะงักงัน เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “เช่นนั้น…ในเมื่อเขาเอ่ยออกมาเยี่ยงนี้ ต่อไปพระองค์จะเข้าโจมตีราชวงศ์หยูหรือไม่ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนหรี่ตาลง “เขาคือทหารและทหารมิอาจเล่นการเมืองได้หรอก”

“ส่วนข้า…มิได้เป็นอันใดเลย”