Ch.15 – การรบที่ป่าชายขอบหมู่บ้านฮาซามะครั้งที่1

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

 ──มุมมองพวกนักสู้แห่งหมู่บ้านฮาซามะ──

 

สถานการณ์แย่อย่างมาก

 

เป้าหมายของกลุ่มก็คือการสร้างฐานตั้งรับก่อนบุก[ปราสาทร้าง]ที่อีกฝั่งของป่า สิ่งที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็คืออสูรระดับสูง–[อัศวินดำ]มันได้ตั้งกลุ่มอสูรขึ้นมาแล้วทำการเคลื่อนไหว ก่อปัญหาให้กับหมู่บ้านหรือพวกชาวบ้านที่เข้าไปในป่า

 

ตอนที่คิดจะเริ่มสร้างฐานป้องกันในป่าก็คือเมื่อ1เดือนก่อน

หลังจากนั้นก็คิดแผนหลายๆอย่าง สุดท้ายก็คิดที่จะสร้างรั้วกับหลุมกับดัก แล้วถ้าสร้างกระท่อมเล็กๆหลังรั้วนั้นก็จะกลายเป็นฐานอย่างง่ายๆ ถ้ามีแรงควายของเผ่ายักษ์คืนเดียวก็ขุดหลุมลึกๆเสร็จแล้ว ไม่ใช่งานที่ยากลำบากอะไร แปปเดียวก็เสร็จ

 

แต่ว่าดำเนินแผนได้ครึ่งทางก็โดนศัตรูเจอ

ระหว่างที่ขุดหลุมพราง ก็มีกลุ่มทหารเกราะสีดำจู่โจมเข้ามา

 

จะหนีก็ได้อยู่ แต่ถ้าทำแบบนั้นศัตรูก็จะไล่ตามมาจนถึงหมู่บ้าน

ศัตรูคือ[อัศวินดำ]และ[ก็อบลินดำ]ไม่ถึง40ตัว ถึงจะมากกว่าทางนี้เป็นเท่าตัว แต่ก็ไม่ใช่จำนวนที่สู้ไม่ได้

ก็คิดว่าจะปะทะศัตรูไปพลางหนีไปพลางอยู่หรอก–

 

“…เจ้าพวกนี้…จะแข็งเกินไปแล้ว”

 

ผู้ชายเผ่ายักษ์จ้องไปที่ดาบยาวที่หักอย่างเจ็บปวด

รั้วที่สร้างขึ้นมาก็พังลงอย่างง่ายดาย หลุมพลาง–ยังขุดไม่เสร็จด้วยซ้ำ ใช้กันฝูงอสูรไม่ได้เลยสักนิด

 

ยิ่งกว่านั้นเพราะสู้ยืดเยื้อ อาวุธของพวกเราชาวบ้านก็เริ่มจะพังกันแล้ว

 

“กระบองของนายเป็นไงบ้าง?”

“ก็อย่างที่เห็น หักสองท่อนไปแล้วล่ะ เอาเถอะ ก็ไม่ใช่ว่าใช้สู้ไม่ได้หรอกนะ”

 

ชาวบ้านเผ่ายักษ์ถือกระบองที่หักกลางด้วยสองมือแล้วยักไหล่ให้

 

“ถ้าเป็นท่านริเซ็ตคงจะเล็งตากับปากจัดการง่ายๆไปแล้วแท้ๆ”

“เราเผ่ายักษ์มันพวกทำอะไรตรงๆนี่หว่า ไม่ไหวหรอก”

 

ผู้ชายเผ่ายักษ์ที่ทรุดอยู่ข้างๆหัวเราะแห้งๆออกมา

 

“ใช้เวลามากไปแล้ว ทางหมู่บ้านจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย…”

“ที่นั่นมีท่านริเซ็ตกับฮารุกะอยู่ ถ้าทางนั้นมาช่วยก็คงพอทำอะไรได้บ้างล่ะ”

“นั่น…สินะ!”

 

ฟุบ!

 

ผู้ชายเผ่ายักษ์เหวี่ยงกระบองที่ถืออยู่

เสียงทุ้มๆดังขึ้น พร้อมกับนักรบสวมเกราะที่ปลิวออกไป

เวลาเดียวกันกระบองก็หักลง ผู้ชายเผ่ายักษ์จึงสบถออกมาจากนั้นก็โยนกระบองทิ้งไปแล้วตั้งหมัด

 

[…เผายักษ์ จงฟัง]

 

ทหารดำที่ปลิวออกไปก็ลุกขึ้น

ถึงโล่จะเบี้ยวไปแล้ว แต่ก็ไม่มีความเสียหายใดๆเลย

[ทหารดำ][ก็อบลินดำ]อีกเกินสิบตัวก็ตั้งแถวแล้วค่อยๆเข้ามาใกล้

 

พวกชาวบ้านถูกล้มจากสามทิศทางทั้งหน้า ซ้าย และขวา

 

[ป่าแห่งนี้เป็นเขตแดนของพวกเรา]

 

ดวงตาสีแดงเปล่งประกายจากภายในหมวกเกราะคาบูโตะ แล้ว[อัศวินดำ]ก็พูดออกมา

 

[พวกแกจบสิ้นแล้ว ผู้ที่รอดไปได้จะไปหมกตัวในหมู่บ้านก็ตามใจ จนกว่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของป่าแห่งนี้ของพวกเรา]

[การขับไล่เผ่ายักษ์ก็คือต่อจากนั้น]

[นั่นคือประสงค์ของท่านอัศวินเมโทเซลัท]

 

“พูดอะไรบ้าๆ! พวกเราเองก็ต้องใช้ชีวิตในป่านี้นะเฟ้ย!”

“ถ้าเป็นแบบนั้นผู้คนในหมู่บ้านไม่สามารถมีชีวิตรอดได้หรอกเว้ย!?”

“อีกเดี๋ยวมันก็จะถึงเวลาถางป่าทำสวนแล้ว! ใครจะยอมให้มาขวางกันฟะ!”

 

พวกชาวบ้านยกอาวุธแล้วตะโกนออกมา

 

[เวลาอันมีความสุขสำหรับพวกแกมันได้จบลงไปแล้ว]

 

พวกนักรบดำพูดออกมาก

 

[พวกเรา“อสูรดำ”จะเป็นเพื่อนบ้านของมนุษย์แทนที่อมนุษย์เอง การต่อสู้กับมนุษย์มันจะได้สนุกยิ่งขึ้น ถ้าไม่มีระเบียบก็ไม่มีความวุ่นวาย การที่มีของให้ทำลายน่ะคือความสนุกสุดยอดยังไงล่ะ]

“…พูดอะไรเอาแต่ใจเป็นบ้า”

 

พวกผู้ชายเผ่ายักษ์จับอาวุธแน่น

ศัตรูล้อมไว้หมดแล้ว ทางที่เปิดก็มีแค่ด้านหลัง–ทางหนีกลับหมู่บ้านเท่านั้น

 

แต่ว่า ที่ด้าบหลังของพวกทหารก็มีหน่วยที่ตั้งธนูไว้อยู่

บางทีพริบตาที่หันหลังออกวิ่งคงจะมีธนูพุ่งมาเลย

ก็รู้หรอก แต่ว่าอาวุธก็หักเบี้ยวจนใช้ไม่ได้ไปเกินครึ่ง

แล้ว

ทำได้แค่สู้มือเปล่าเท่านั้น

 

ต้องฝ่าวงล้อมกลับไปที่หมู่บ้าน

หลังจากนั้นก็สู้โดยอาศัยกำแพงของหมู่บ้าน

กลุ่มผู้ชายเผ่ายักษ์มองหน้ากันแล้วพยักหน้า

 

[ไม่ปล่อยให้หนีไปได้หรอก]

 

ทหารที่สวมเกราะดำหัวเราะออกมา

 

[จงสิ้นหวังเถิด นั่นล่ะสำหรับพวกเรา”เผ่าพันธุ์แห่งความมืด”แล้ว…]

 

“หนวกหูค่ะ ไม่มีใครเขาอยากจะฟังคำพูดของพวกคุณหรอกนะคะ?”

 

มีเสียงดังมาจากด้านบน

 

พริบตาต่อมา–

 

[กว๊าาาาาาาาาาาา!]

 

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

ดาบยาวที่ถูกฟาดลงมาจากด้านบนก็หั่นทหารชุดเกราะออกเป็นสองท่อน

 

“สุดยอด…สมกับเป็น[โคตรแข็ง]เลยค่ะ ดาบของท่านพี่โชมะเนี่ย”

 

เด็กสาวที่ลงมาบนพื้น สะบัดผมสีเงินแล้วยิ้มออกมา

เธอลงมาจากบนฟ้าแล้วก็ใช้แรงนั่นในการหั่นทหารดำเป็นสองท่อน

 

“ขนาดตัดเกราะจนขาดยังไม่มีรอยบิ่นเลยค่ะ ถ้าแบบนี้จะสู้ถึงเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้นค่ะ”

 

เด็กสาวที่ลงมายืนอยู่ข้างหลังพวกอสูรเหวี่ยงดาบยาว

พวกชาวบ้านได้แต่ยืนตาค้าง

เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะมันเป็นศึกที่กะทันหันทำให้พวกเผ่ายักษ์ไม่มีเวลาไปแจ้งข่าวที่หมู่บ้านเลย แต่ถึงจะออกไปแจ้งได้–ก็ไม่มีทางมาช่วยเร็วได้ขนาดนี้

เด็กสาว[สายเลือดมังกร]ที่แข็งแกร่งที่สุดใน[หมู่บ้านฮาซามะ]น่าจะอยู่ที่หมู่บ้านแท้ๆ

 

“ด้วยคำสั่งของท่านพี่ ริเซ็ต รูจ มาช่วยแล้วค่ะ!”

 

แต่ทั้งๆแบบนั้นเด็กสาวตรงหน้าก็ตะโกนออกมาเสียงดังฟังชัด

พวกชาวบ้านไม่ได้มองผิดไปแน่ๆ

ร่างกายผอมเพรียว ผมสีเงิน แล้วก็ดาวตาสีดอกซากุระที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า หูที่แหลมเล็กน้อย แล้วก็เขาผลึกหลังหู

ไม่ผิดแน่ๆ ริเซ็ต รูจ[ลูกหลานจักรพรรดิมังกร]ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านฮาซามะ

 

“ท่านริเซ็ต…ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้!?”

 

พวกชาวบ้านตะโกนออกมา

 

“ริเซ็ตมีหน้าที่คุ้มกันหมู่บ้านค่ะ?”

 

เด็กสาวมองไปที่พวกชาวบ้านแล้วยิ้มออกมา

 

“ถ้าคนในหมู่บ้านตกอยู่ในอันตราย ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้นล่ะค่ะ ได้ปีกของท่านพี่ช่วยเอาไว้ด้วย…ถึงจะพึ่งเคยได้บินบนฟ้าครั้งแรก แต่ก็…ได้กอดเต็มๆด้วยล่ะค่ะ”

 

เด็กสาวพูดแบบนั้นแล้วก็หน้าแดงระเรื่อ

เป็นใบหน้าของสาวน้อยทีตกอยู่ในภวังค์รักที่พวกชาวบ้านไม่เคยเห็นมาก่อน

 

[กิกิ๊!?] [ทะ ทัมไม?]

 

พวกอสูรที่ถูกแทงหลังร้องออกมา

 

พวกมันตั้งแถวเป็นครึ่งวงกลมล้มพวกชาวบ้าน แต่รูจนั้นลงไปที่ด้านหลังของพวกมัน ด้านหลังของแนวหลังพวกอสูรที่มีพวกก็อบลินและทหารถือธนู การโดนโจมตีกะทันหันทำให้เกิดความแตกตื่น

 

ริเซ็ตไม่ปล่อยช่องว่างนั้นไปแน่

 

“ความจริงแล้ว–ก็ไม่อยากจะเอาดาบที่ได้รับการเสริมแกร่งจากท่านพี่โชมะมาใช้เลยค่ะ!”

 

ริเซ็ตจับดาบแล้วออกวิ่ง

ร่างกายของก็อบลินดำที่อยู่ตรงหน้าถูกหั่นไปพร้อมธนูและลูกศร

 

พวกชาวบ้านแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ก็อบลินดำกับทหารที่มีลำตัวแข็งแกร่ง ถูกดาบของริเซ็ตตัดขาดอย่างง่ายดาย

 

“แข็งแกร่งค่ะ…ก็เพราะว่า เป็นดาบที่ริเซ็ตได้จากท่านพี่โชมะนี่คะ!”

[กุก๊าาาาาาาา!]

 

ทหารที่ถูกฟันกระอักเลือดแล้วล้มลงไป

 

[ล้อม! ล้อมมานนนนน!] [บุกเปนกลุ่ม!] [ล้อมแล้วค่ามัน!!]

 

พวกอสูรตะโกนแล้วเข้าล้อมริเซ็ต

แต่ว่า–

 

“ที่ถูกล้อมน่ะมันพวกนายต่างหาก? ไม่เข้าใจอีกเหรอ?”

 

มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเหนื่อหัว

 

[กุก๊ะโลก๊ะ!]

 

ร่างของ[ทหารดำ]ที่ตะโกนออกมาปลิวออกไป

 

[กุก๊ะระ] [โกกุฮะ!?]

 

[ก็อบลินดำ]ที่อยู่ข้างๆหลายตัวก็พลอยติดร่างแหไปด้วย ทหารกับอสูรปลิวออกไปเป็นก้อนเดียวกัน 3ตัวชนต้นไม้แล้วกลิ้งไปกับพื้น ไม่รู้ว่าโดนแรงไปขนาดไหนแต่ร่างกายเละไปแล้วเรียบร้อย ผสมกันจนเหมือนกับว่าเคยเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกันมาก่อน ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว

 

“ฮารุกะ คัลมิเรีย มาแล้ว! อสูรชั่วร้ายที่รังแกทุกคนอยู่ที่ไหนล่ะ!?”

 

ข้างริเซ็ตก็มีฮารุกะที่ถือกระบองยาวยืนอยู่

เสยผมสีแดงอย่างองอาจ แล้วยิ้มอย่างไร้เทียมทาน

 

“พึ่งเคยใช้อาวุธนี้ครั้งแรก! เลยออมแรงไม่ได้! ดังนั้นเตรียมใจให้ดีเถอะนะ!”

[ฟุ…กะอีแค่เจ้าพวกยักษ์ที่ทำเป็นแค่ฟาดแท่งไม้–กั๊ก!?]

 

ร่างกายของที่ทหารที่รับการโจมตีเข้าไปเต็มๆก็บิดเบี้ยว

ไหล่หัก กระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วก็กลิ้งไปนิ่งอยู่บนพื้น

 

“…อาวุธนั่นมันอะไรกัน?”

“…กระบองเหมือนกับพวกเราสินะ แล้วทำไมถึงทำให้เกราะของทหารแตกได้ล่ะ?”

 

พวกนักรบเผ่ายักษ์มองริเซ็ตกับฮารุกะตาค้าง

พวกเราถูกอสูรล้อมอยู่ ถ้าทั้ง2คนมาจากหมู่บ้าน ก็น่าจะโผล่มาจากข้างหลังพวกคนแท้ๆ แล้วทำไมริเซ็ตกับฮารุกะถึงมาโผล่ด้านหลังของอสูรล่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? วิ่งมาก็ไม่น่าจะทันแน่ๆ? แถม อาวุธสุดแกร่งนั่นมันอะไร?

 

“ขอโทษที่มากวนระหว่างที่กำลังคุยครับ”

 

พั่บ เสียงกระพือปีก

พอชาวบ้านเผ่ายักษ์หันไปมอง ก็เห็นผู้ชายสวมชุดแปลกๆจากเงาไม้…

 

มนุษย์…ล่ะมั้ง เหมือนว่าเห็นปีกสีขาวที่หลังเลย–แต่คิดเองล่ะมั้ง ไม่เห็นว่าจะมีเขาหรือปีกเลย เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์

 

“ทำไมมนุษย์ถึงมาอยู่ที่นี่?” “ใครกัน?” “คนจากเจ้าเมืองมนุษย์เหรอ?”

“ครอบครัว–ไม่สิ คนรู้จักของริเซ็ตกับฮารุกะครับ”

 

ผู้ชายคนนั้นมองลงมาเบาๆ แล้วก็ยื่นมืออกมากลางอากาศที่ไม่มีอะไร

 

“เอาอาวุธมาส่งครับ”

 

เขาทำท่าเหมือนกำลังล้วงอะไร–แล้วก็มีดาบยาวออกมา

จากนั้นก็ทำเหมือนเดิมแต่คราวนี้ที่ออกมาเป็นกระบอง ทั้งๆที่ไม่ได้ถืออะไรไว้แท้ๆ แต่ก็มีอาวุธออกมาเรื่อยๆ ดาบยาวกับกระบองที่หยิบออกมารวมๆแล้วก็20ด้ามได้

เขาปล่อยอาวุธออกมาจำนวนเท่ากับชาวบ้านออกมากองไว้ตรงหน้าพวกชาวบ้าน

 

“ผมชื่อว่าโชมะ คิริวครับ เรื่องราวโดยละเอียดไว้คุยกันหลังจากนี้ แต่ไม่ใช่ศัตรูของพวกคุณหรอกครับ”

“มะ มาจากไหนกัน!?”

“มาที่นี่ได้ยังไง!?”

“เอาอาวุธออกมาจากไหนกัน!?”

“มนุษย์? พ่อค้าเหรอ!? หรือว่า–อสูรชั้นสูง!?”

 

เพราะว่าเหนื่อยจากการต่อสู้อันยาวนานสินะ

พวกเผ่ายักษ์ถอยห่างจากมนุษย์–โชมะ ไม่คิดจะหยิบอาวุธเลยสักนิด

 

“…ยังไงก็คงจะทำให้เชื่อใจทันทีไม่ได้จริงๆสินะ”

 

ผู้ชาย–โชมะเอามือกุมหน้าผาก

ส่ายหน้า มองขึ้นไปบนฟ้า พึมพำเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

 

“ช่วยไม่ได้ ทำเหมือนกับตอนฮาร์ปี้ละกัน [ด้วยนามของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]–”

 

ผมสีดำของโชมะ เริ่มสั่นไหว

ดวงตาดูดุดันขึ้น แล้วบนหัวก็มีเขาสีหยกงอกออกมา

 

“[พลังแห่งยักษ์จงมาสถิต ณ ที่แห่งนี้]–[ปลุกเผ่ายักษ์]!!”

“““–หา!?”””

 

พวกชาวบ้านส่งเสียงออกมา

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ใช้เวลาไม่กี่วินาทีจนเปลี่ยนไปเป็นเผ่ายักษ์–เหมือนกับพวกเขา

 

“““ก็พวกเดียวกันนี่นา!!”””

“เผ่ายักษ์ผู้น่าภาคภูมิใจเอ๋ย จงฟังวัจนะแห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!!”

 

โชมะย่ำเท้าลงบนพื้นดินแล้วก็คำรามออกมา

 

“ข้าไม่ใช่ศัตรูของพวกเจ้า! มีเหตุเกิดขึ้นข้าจึงได้เป็นสหายกับริเซ็ตและฮารุกะ และได้นำอาวุธแบบเดียวกับที่พวกเธอใช้อยู่มามอบให้!!”

“““อย่างนี้นี่เอง!!!”””

“ขอถามกับเหล่านักรบ พวกเจ้า–ไม่สิ พวกคุณ ยังสู้ได้อยู่ไหมครับ?”

 

ไม่รู้ทำไมอยู่ๆชายคนนั้นถึงมองไปข้างๆอย่างเขินๆ แล้วก็พูดต่อ

 

“ถ้าสู้ไม่ได้ ผม ริเซ็ตแล้วก็ฮารุกะจะช่วยให้หนีไปได้เองครับ หยิบอาวุธ แล้ววิ่งตรงไปที่หมู่บ้านได้เลยครับ ริเซ็ตกับฮารุกะแล้วก็ผมจะจัดการที่เหลือให้เองครับ แต่ถ้ายังสู้ได้–”

“…ก็ต้องสู้อยู่แล้วสิ!?”

 

เผ่ายักษ์คนหนึ่งตะโกนออกมา

 

“ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว! ก็ต้องตัดสินกับเจ้าพวกอสูรให้มันรู้ผลกันไปเลย!!”

“พลังการฟื้นฟูของเผ่ายักษ์สุดยอดที่สุดอยู่แล้ว! ขอแค่มีอาวุธ พวกอสูรมันก็แค่ขี้ๆ!!”

“ขอยืมอาวุธหน่อยละกัน! พี่ชาย! จะขออยู่ช่วยเธอ ท่านริเซ็ต แล้วก็ท่านฮารุกะเอง!!”

 

แล้วพวกเขาก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน

 

“เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผม”

“พักได้ตามสบายเลย ทำให้ขนาดนี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ เธอถือว่าเป็นผู้มีพระคุณของเผ่ายักษ์เลย”

 

ผู้ชายที่ดูกำยำที่สุดของ–ของเผ่ายักษ์ ก็เกาหัวอย่างไม่สบายใจ

 

“ทำเพื่อคนที่พึ่งเจอหน้ากันขนาดนี้…ช่างใจกว้างราวกับท่าน[จักรพรรดิมังกร]ในตำนานเลย…ฮะฮะ”

 

จากนั้นพวกผู้ชายเผ่ายักษ์ก็หยิบอาวุธวิ่งออกไป

ใส่พวก[ก็อบลินดำ]และ[ทหารดำ]ที่ล้อมพวกตัวเองไว้

 

────────────────────

 

──มุมมองโชมะ──

 

“งานของผมก็มีแค่นี้สินะ”

 

ลองจับไปที่หัวดู

มีเขาจริงๆด้วย เหมือนกับพวกเด็กๆ สัมผัสดูแข็งๆ

“นี่คือ[ปลุกเผ่ายักษ์]งั้นเหรอ มีเขางอกจริงๆด้วยสินะ”

 

เพราะว่าที่โลกเดิมไม่เคยได้ใชจริงๆเลย

ผลของ[ปลุกเผ่ายักษ์]ก็คือ[เพิ่มกำลังกาย][เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟู][Super Armor]และ[Guard Cancel] ถึงจะยังไม่มั่นใจกับการต่อสู้ แต่ก็เหลือเฟือที่จะใช้เอาชีวิตรอดจากที่ตรงนี้

 

“ขอบคุณที่ขนฮารุกะมาให้นะ พวกฮาร์ปี้“

 

ผมส่งเสียงให้สองคนข้างบน

พวกฮาร์ปี้ทั้ง2คนเกาะอยู่บนยอดต้นไม้สูง

 

“พวกเธอกลับไปที่ปลอดภัยเถอะ ผมจะระวังหลังให้เอง”

“รับทราบค่ะ!” “ขอบคุณที่เป็นห่วงมากค่ะ องค์ราชา!!”

 

พวกฮาร์ปี้พูดแบบนั้น แล้วก็บินเบาๆกลับไป

ผมหันหลังให้ต้นไม้แล้วหยิบอาวุธ

 

พวกชาวบ้านที่ทะลวงเข้าไปในฝูงอสูรก็ต่อสู้ฟาดฟันอาวุธ ราวกับความเสียเปรียบเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหกเลย ดาบที่ได้รับการเอนชานต์ด้วย[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]สามารถตัดดาบและโล่ของ[ทหาร]ได้อย่างง่ายดาย พวกก็อบลินก็ไม่กล้าเข้าใกล้กระบองของพวกชาวบ้าน ก็ถ้าโดนซากคงดูไม่ได้เลยนี่นะ

 

แถมด้านหลังของฝูงอสูรก็มีริเซ็ตกับฮารุกะที่ถืออาวุธแบบเดียวกันรออยู่

 

“พวกผู้หญิงเผ่ายักษ์! ไม่ต้องรีบมาก็ได้นะเนี่ย!!”

“ทางนั้นก็ช่วยจัดการอสูรที่หนีไปด้วยนะคะ! เจอก็ยิงธนูใส่ได้เลย!!”

 

ระหว่างสู้ฮารุกะกับริเซ็ตก็ตะโกนออกมา

แน่นอนว่าไม่มีผู้หญิงเผ่ายักษ์มาหรอก ผมกับฮาร์ปี้ขนมาได้แค่2คนเท่านั้นล่ะ ดัังนั้นนี่ก็แค่ขู่เท่านั้น แต่ว่าพวกศัตรูมันก็ไม่รู้หรอก เดิมทีการที่ริเซ็ตกับฮารุกะโผล่มาก็เป็นอะไรที่พวกมันคาดไม่ถึงอยู่แล้ว

 

[กุโออออออออ!?]

 

ดังนั้นพวกอสูรจึงคำรามออกมาด้วยความหวาดกลัว

ตกอยู่ในวิกฤตโดนล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่สามารถหนีไปไหนได้

 

“…ไม่มีบทให้ผมออกโรงแล้วสินะ”

 

ความสามารถของผมในตอนนี้ ไม่ใช่แบบที่ใช้กับการสู้เป็นกลุ่ม

ที่ใช้[ปลุกเผ่ายักษ์]นี่ก็เป็นครั้งแรก คอยสนับสนุนอยู่ที่นี่จะดีกว่า ถ้าจำเป็นก็ใช้ลมหายใจของ[ปลุกเผ่ามังกร]เป่าไป

 

“ถ้าต้องการพลังทำลายก็บอกล่ะ! พร้อมยิงทุกเมื่อ!”

“““โอ๊อ๊อ๊อ๊อ๊!!”””

 

พวกชาวบ้านตะโกนกลับมา

ผมก็คอยปกป้องด้านหลังอยู่ตรงนี้

เพื่อในกรณีฉุกเฉิน–แต่ก็นะ คิดว่าไม่มีน่าจะมีหรอก