บทที่ 2520 พวกเราลงไปดูกันอีกรอบ! / บทที่ 2521 รูปสลักหยกชิ้นนี้ประหลาดจริงๆ ด้วย!

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2520 พวกเราลงไปดูกันอีกรอบ!

เขาโกรธจนหน้าเปลี่ยนสีแล้ว อดไม่ได้ที่กวาดสายตาไปทั่ว…

อวิ๋นเยียนหลีฉลาดถึงขั้นไหนกันแล้ว?

เดิมทีเขาสงสัยอยู่แล้วว่าเสียงร้องของลาตัวนี้ จะมีคุณสมบัติในการทำลายเขตแดนได้ เมื่อดูจากสีหน้าของจู๋ตู๋ชิงแล้ว ก็ยิ่งมั่นใจในข้อสงสัยนี้มากขึ้น!

เขาสั่งคนให้ค้นหาไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้อีกรอบ ผลคือยังคงไม่พบอะไรเช่นเดิม

จู่ๆ เขาก็นึกถึงคุนเสวี่ยอี๋ที่หนีลงน้ำไป…

หันไปมองในทะเลสาบอีกครั้ง…

พลันยิ้มแวบหนึ่ง

“ไม่แน่ว่าในทะเลสาบนี้อาจจะซ่อนเขตแดนเอาไว้…”

กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อเล็กน้อย

อวิ๋นเยียนหลีไม่ลังเลอีกแล้ว

“ไป พวกเราลงไปดูกันอีกรอบ!”

แล้วลากกู้ซีจิ่วหมายจะกระโจนลงน้ำอีกครั้ง

‘ตูม!’ มวลน้ำมหาศาลพลิกตลบเหนือผิวทะเลสาบ เงาร่างสีแดงทองสายหนึ่งโผขึ้นมาจากน้ำ กลายร่างเป็นพญาเผิงปีกทองกลางอากาศทันที สองปีกโบกสะบัด ก่อสายลมสลาตันพัดผู้คนให้ล้มระเนระนาด…

พญาเผิงปีกทองถือโอกาสโบยบินขึ้นสู่นภา หมายจะหลบหนี…

สายตาอวิ๋นเยียนหลีเฉียบคม มองเห็นชัดเจนว่าบนหลังพญาเผิงปีกทองมีคนอยู่สองคน

เนื่องจากร่างของพญาเผิงตัวนี้ใหญ่โตเกินไป ขนาดเท่ากับเครื่องบินทิ้งระเบิดลำหนึ่งเลย ดังนั้นคนทั้งสองที่อยู่บนหลังมันจึงซุกอยู่ในขนปีกมัน ทำให้คนมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน…

แต่ถึงแม้เป็นเช่นนี้ นัยน์ตาอวิ๋นเยียนหลีก็ลุกวาบแล้ว!

เขาหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง

“ในทะเลสาบซ่อนเล่ห์กลไว้จริงๆ ด้วย! ตั้งค่าย จับมันลงมา!”

เขาพลันตวัดมือ ผลักกู้ซีจิ่วที่อยู่ในอ้อมแขนให้เจ้าวังน้อย เอ่ยสั่งด้วยเสียงเยียบเย็น

“ดูนางไว้! ถ้าปล่อยให้นางหนีไปได้ข้าจะถลกหนังเจ้า!”

เจ้าวังน้อยไม่กล้าชักช้า รีบตอบรับทันที

อวิ๋นเยียนหลีรู้ถึงความลื่นไหลของกู้ซีจิ่วดี ถ้าเผลอไปสักนิดนางจะสามารถหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ ดังนั้นเขาจึงสกัดจุดในร่างกายกู้ซีจิ่วไว้หลายตำแหน่ง ทำให้เธอไม่มีแม้แต่แรงจะกระดิกนิ้ว

จากนั้นพลันทะยานกาย ไปตามจับคุนเสวี่ยอี๋ด้วยตัวเอง…

เกิดศึกใหญ่ที่พัวพันวุ่นวายขึ้น!

เกิดประกายแสงแปลบปลาบ สายนทีปั่นป่วน สะเทือนฟ้าดิน…

ใช้ถ้อยคำพรรณนาต่างๆ มาบรรยายฉากการต่อสู้นี้ ก็ไม่นับว่าเกินจริงเลย และผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้ก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดเดาไว้

คุนเสวี่ยอี๋ที่แปลงร่างเป็นพญาเผิง ถูกอวิ๋นเยียนหลีจับกุมได้อีกครั้ง ส่วนองครักษ์จินที่อยู่บนหลังมันก็ได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู่ เพราะองครักษ์จินปกป้องรูปสลักหยกที่อยู่ข้างกาย

ยามที่เขาพลัดหล่นลงมา รูปสลักหยกก็ร่วงลงมาจากฟ้าด้วย…

กู้ซีจิ่วเบิกตามองรูปสลักหยกชิ้นนั้น ร่วงหล่นลงมาจากระดับความสูงหลายร้อยเมตร สีหน้าเธอพลันแปรเปลี่ยน อยากใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปรับมันเอาไว้ใจแทบขาด แต่ตัวเธอในยามนี้มีใจ ทว่าไร้กำลัง ภายใต้ความวิตกกังวล เธอถึงขั้นที่อยากตะโกนก็ตะโกนไม่ออกด้วยซ้ำ…

หยกมีความเปราะยิ่งนัก กริ่งเกรงการถูกทุบ ถูกกระทบ นิดหน่อยก็แตกหักแล้ว

ตอนที่กู้ซีจิ่วพกพารูปสลักหยกนั้น หวาดหวั่นว่าจะกระทบกระแทก จึงขนย้ายอย่างระมัดระวังยิ่งนักเสมอมา

กลับคาดไม่ถึงเลยว่า จะมีวันที่เธอปกป้องมันเอาไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงแต่ปล่อยให้มันตกลงมาจากนภาสูง…

ด้วยความสูงระดับนี้เมื่อตกกระแทกพื้น อย่าว่าแต่รูปสลักหยกเลย ต่อให้เป็นหุ่นเหล็กก็บิดเบี้ยวเสียรูปได้…

อวิ๋นเยียนหลีย่อมมองเห็นรูปสลักหยกที่หล่นลงมาเช่นกัน

ตอนที่เขาเพิ่งเริ่มสกัดกั้นคุนเสวี่ยอี๋ ยังนึกอยู่เลยว่าด้านบนคือตี้ฝูอี ต่อมาถึงได้เห็นชัดเจนว่าเป็นรูปสลักหยก…

เขาค่อนข้างผิดหวังยิ่งนัก หลงนึกว่าเป็นของเลียนแบบของกู้ซีจิ่ว นึกว่านางคิดถึงตี้ฝูอีอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงสลักรูปสลักหยกจำลองของเขาออกมา

เขามุ่งมั่นกับการจับคุนเสวี่ยอี๋ และจับตัวองครักษ์จินไปด้วย จึงไม่ได้เก็บรูปสลักหยกนั้นมาใส่ใจ

พอเห็นมันร่วงหล่นก็ไม่สนใจมัน…

ในใจถึงขั้นที่ค่อนข้างคาดหวัง ให้รูปสลักหยกนี้แตกกระจายได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เลี่ยงไม่ให้กู้ซีจิ่วคะนึงหาผู้อื่นต่อไปอีก

จุดที่รูปสลักหยกร่วงหล่นลงไปคือลานฝึกยุทธ์ศิลาเขียว พื้นผิวแข็งด้าน เยียบเย็น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดถ้าตกกระทบลงไปล้วนต้องแตกกระจายไม่คงตัวอย่างแน่นอน แต่รูปสลักหยก…

เมื่อรูปสลักหยกเจียนจะตกถึงพื้นแล้ว พลันมีแสงสีขาวเลือนรางชั้นหนึ่งระเบิดออกมาจากร่าง

….

————————————————————————————-

บทที่ 2521 รูปสลักหยกชิ้นนี้ประหลาดจริงๆ ด้วย!

เมื่อรูปสลักหยกเจียนจะตกถึงพื้นแล้ว พลันมีแสงสีขาวเลือนรางชั้นหนึ่งระเบิดออกมาจากร่าง แสงสีขาวนั้นลดทอนแรงดึงดูดมหาศาลจากการร่วงหล่นของมัน ประคองให้มันลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยไร้สุ้มเสียง ละอองธุลีสักเสี้ยวก็ไม่ฟุ้งขึ้นมา

ฝูงชนตกตะลึง

รูปสลักหยกนี้เกิดปัญญาแล้วหรือ? หรือว่ามีคนให้การคุ้มครองอย่างลับๆ อยู่?

รูปสลักหยกนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น พริ้มตาลงเล็กน้อยราวกับพุทธองค์ รอบกายมีแสงมงคลโอบล้อม

จู่ๆ เจ้าวังน้อยก็ตะโกนขึ้นมา

“มันคือเทพเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้น!”

ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ก็มียอดฝีมือที่ถูกพามาจากเมืองเล่อกั่วอยู่ไม่น้อยเลย เคยเห็นเหตุการณ์ในคืนนั้นมาแล้ว พวกเขาก็พากันตะโกนขึ้นมาด้วย

“เป็นมัน! ใช่มันจริงๆ!”

“ที่แท้มันก็เป็นรูปสลักหยกชิ้นหนึ่ง…”

“มันจำลองมาจากผู้ใดกัน?”

ฝูงชนพูดกันไปสารพัด จ้อกแจ้กจอแจ

กู้ซีจิ่วเสมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ ถึงแม้จะเบาใจลงแล้ว แต่มือเท้ายังคงสั่นระริกอยู่

อวิ๋นเยียนหลีหรี่ตาลงนิดๆ เอ่ยอย่างเยือกเย็น

“มันจำลองมาจากราชันมาตี้ฝูอี! ข้าบอกแล้วไง วันนั้นก็คืออุบายชั่วของเขา!”

ฝูงชนเงียบงัน

ถึงแม้ยามนั้นอวิ๋นเยียนหลีจะปั้นคำเท็จได้ดี แต่เนื่องจากการแทรกแซงของคุนเสวี่ยอี๋ ผู้คนจึงยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่อเรื่องราวในวันนั้น ผู้คนมากมายลอบไปพิสูจน์ดูที่เมืองอื่นๆ แต่เนื่องจากผังดาวตั้งอยู่ในสถานที่ลึกลับซับซ้อนยิ่ง พวกเขาไม่มีทางหาเจอ ได้แต่คิดหาทางค้นหาเอา…

ในหมู่ยอดฝีมือที่อวิ๋นเยียนหลีพามาในหนนี้ ก็มีผู้คุ้มกันของเมืองเล่อกั่วอยู่จำนวนหนึ่ง ยากจะเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อสงสัยในใจของพวกเขาได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกเท่านั้น ตอนนี้ทันทีที่ได้เห็นรูปสลักหยก ก็เชื่อคำพูดของอวิ๋นเยียนหลีไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว

เรื่องราวในครั้งนั้น ทำให้ประชาชนเอาใจออกห่างอวิ๋นเยียนหลีไม่น้อยเลย ซึ่งอวิ๋นเยียนหลีก็ทราบถึงจุดนี้เช่นกัน

ตอนนี้ในที่สุดเขาก็มีโอกาสแล้ว…

โอกาสที่จะได้ล้าง ‘มลทิน’ ให้ตัวเอง!

“นายท่าน ท่านว่ารูปสลักหยกนี้จะใช่ราชันมารจำแลงมาหรือไม่? เป็นร่างจริงของราชันมารหรือเปล่า? ร่างจริงของเขาหรือว่าเป็นภูตหยก?”

เจ้าวังน้อยสอบถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

อวิ๋นเยียนหลีมองดูกู้ซีจิ่ว ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะพยายามสงบเยือกเย็นอย่างสุดกำลัง แต่ใบหน้าที่ซีดเผือดก็ขายตัวนางเองเสียแล้ว…

ดูเหมือนนางจะหวั่นวิตกในตัวรูปสลักหยกชิ้นนี้อย่างยิ่ง!

และรูปสลักหยกชิ้นนี้ก็มีจุดที่ประหลาดยิ่งนัก…

เขารับตัวกู้ซีจิ่วมาจากมือเจ้าวังน้อย คลายจุดบางส่วนให้นาง พานางไปใกล้ๆ รูปสลักหยก ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ย

“ที่แท้ตี้ฝูอีก็กลายเป็นรูปสลักหยกไปแล้ว มิน่าล่ะตอนที่เจ้าฝ่าด่านเคราะห์เขาถึงไม่ออกมา นี่ช่างน่าประหลาดเหลือเกิน หรือว่าร่างเดิมของเขาคือภูตหยกจริงๆ?”

กู้ซีจิ่วหลับตาไม่กล่าววาจา ปล่อยให้เขาคาดเดาไป

อวิ๋นเยียนหลีวนเวียนรอบรูปสลักหยกอยู่สองสามรอบ ยื่นมือไปหมายจะสัมผัสรูปสลักดู

“รูปสลักหยกนี้ช่างมีชีวิตชีวาสมจริงนัก…”

สีหน้ากู้ซีจิ่วพลันแปรเปลี่ยน

“อย่าเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะมัน!”

อวิ๋นเยียนหลีพลันหรี่ตาลง ยิ้มเย็น

“ถ้าข้าแตะมันแล้วจะทำไมเล่า?!”

เมื่อก่อนเขาไม่เคยขัดขืนต่อต้านความต้องการของกู้ซีจิ่วเลย แต่ยังคงไม่ได้หัวใจของนางอยู่ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ เหตุใดเขาต้องฟังนางอีกเล่า?!

ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ตกเป็นเชลยของเขาแล้ว!

เขาซัดฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าของรูปสลักหยกของตี้ฝูอี!

เขาอยากจัดการคนผู้นี้มานานมากแล้ว! ตอนนี้จัดการตัวจริงไม่ได้ ได้จัดการรูปสลักของเขาก็ไม่เลวเลย!

เมื่อฝ่ามือของเขากำลังจะซัดลงบนใบหน้าของรูปสลักหยก พลันมีแสงเจ็ดสีระเบิดออกมาจากจากทั่วร่างของรูปสลักหยกอีกครั้ง ต้านรับฝ่ามือของเขาเอาไว้พอดี!

เกิดเสียงดัง ‘ฟุบ!’ ราวกับโจมตีใส่พงหญ้า แสงเจ็ดสีไหวสะท้านเล็กน้อย

อวิ๋นเยียนหลีตบหน้ารูปสลักหยกไม่ได้ ซ้ำยังถูกแสงเจ็ดสีสั่นสะเทือนจนฝ่ามือชาหนึบด้วย

รูปสลักหยกนี้มีเขตแดนคุ้มร่าง!

อวิ๋นเยียนหลีสะบัดมือ เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง

“รูปสลักหยกชิ้นนี้ประหลาดจริงๆ ด้วย!”

ฝ่ามือที่เขาซัดออกไปเมื่อครู่เป็นเพียงฝ่ามือธรรมดา