ตอนที่ 149-3 แมวน้อย อย่าจากพี่ไปอีกเลย

จำนนรักชายาตัวร้าย

เมื่อเห็นสายตาซื่อตรงของเสิ่นถูเลี่ยที่มองมา เสิ่นถูปั่วอี้ก็ส่ายหน้าเล็กน้อยสลัดความคิดเมื่อครู่ให้หมดไป

 

 

เสิ่นถูเลี่ยเพียงแต่เอื้ออาทรมีน้ำใจจึงได้ออกหน้าช่วยพูดแทนสหายของตนเองสองคนนี้เท่านั้น เมื่อครู่เขาคิดมากไปเอง

 

 

“เจ้ามาจากแผ่นดินหลัวอวี่?”

 

 

เสิ่นถูปั๋วอี้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขารู้สึกสนใจในตัวอวี้ซิงฉงไม่น้อย แผ่นดินหลัวอวี่ ถูกชาวอู๋โยวดูถูกมาโดยตลอดว่าที่นั่นคือแผ่นดินสำหรับคนชั้นต่ำอาศัยอยู่

 

 

‘นึกไม่ถึงว่าอวี้ซิงฉงที่จากแผ่นดินหลัวอวี่จะโดดเด่นเพียงนี้ เขาคือพี่ใหญ่ของอวี้เฟยเยียน หรือว่าอวี้เฟยเยียนก็มาจากแผ่นดินหลัวอวี่เช่นเดียวกัน?’

 

 

‘หากเป็นเช่นนั้นจริง พรสวรรค์ของพวกเขาพี่น้องช่างน่าตกใจยิ่งนัก!’

 

 

‘แต่ทว่า วรยุทธ์ของอวี้เฟยเยียนคล้ายคลึงกับคนผู้นั้นยิ่งนัก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?’

 

 

ภายในเวลาไม่นาน สมองของเสิ่นถูปั๋วอี่ก็เต็มไปด้วยคำถามมากมาย

 

 

“ใช่ครับ!” อวี้ซิงฉงยืดหลังตั้งตรง

 

 

เมื่อมาถึงอู่โยวเขาพบเห็นสายตาที่ดูถูกดูแคลนจนเคยชิน หลายคนชักสีหน้าใส่ต่อหน้าต่อตา หรือไม่ก็เรียกเขาว่าคนชั้นต่ำ แต่ทว่าอวี้ซิงฉงกลับไม่เคยมีความคิดในแง่ลบทับถมตนเองว่าเกิดมามีฐานะต่ำต้อยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับมุ่งมานะฝ่าฝันต่อไป

 

 

เขาจะต้องแสดงให้คนชั้นกลางที่หลงคิดว่าตัวเองคิดถูกในวันนั้นได้เห็น ว่าคนชั้นต่ำก็สามารถทำให้พวกเขาต้องแหงนหน้ามองได้เช่นกันในสักวันหนึ่ง

 

 

“ไม่เลวๆ!”

 

 

อวี้ซิงฉิงไม่ดูถูกตัวเอง เขามีความเข้มแข็งกล้าหาญ ทำให้เสิ่นถูปั๋วอี้ชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก

 

 

“ข้าดูคนไม่ผิด เจ้ามาเรียนรู้วรยุทธ์กับข้าเถอะ!” คำพูดของเสิ่นถูปั๋วอี้ทำให้หมีเยว่ดีใจปลื้มปิติอย่างออกนอกหน้า

 

 

“เยี่ยมไปเลย!” นางรีบดันหลังอวี้ซิงฉงเข้ากราบเสิ่นถูปั๋วอี่เป็นอาจารย์ทันที แต่ทว่าอวี้ซิงฉงกับส่ายหน้า

 

 

“ผู้อาวุโสขอท่านรับเยว่เอ๋อร์เป็นศิษย์ด้วยอีกคน หรือไม่ท่านก็จะไม่ได้ศิษย์กลับไปเลยสักคน!”

 

 

ฮึ่ย!

 

 

เสิ่นถูปั๋วอี้ย่นจมูก เพราะอะไรคนหนุ่มสาวที่เขาพบแต่ละคนถึงได้หัวแข็งดื้อรั้นกันนักนะ!

 

 

‘จริงๆเลย…’

 

 

“ก็ได้ก็ได้!” เสิ่นถูปั๋วอี้โบกไม้โบกมือ

 

 

“ข้าจะแนะนำให้นางให้กับกงอวี๋จาวจาว ตอนนี้นางเป็นถึงเทพอาวุโสขั้นปลายแล้ว ผู้หญิงด้วยกันสอนผู้หญิงด้วยกันจะเหมาะสมยิ่งกว่า!”

 

 

ได้ยินเสิ่นถูปั๋วอี้กล่าวเช่นนั้น ก็ทำให้อวี้ซิงฉงดีใจเป็นอย่างมาก

 

 

กงอวี้จาวจาวเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่เก่งกาจยิ่งนัก นางคือบรรพชนเฒ่าแห่งสกุลกงอวี้

 

 

หากว่าหมีเยว่สามารถกราบนางเป็นอาจารย์ได้ละก็ นับเป็นเรื่องน่ายินดีมากเลยทีเดียว!

 

 

“ขอบคุณอาจารย์! ขอบคุณครับอาจารย์!” อวี้ซิงฉงรีบคุกเข่าลง แล้ว ตึ่งๆ โขกศีรษะคำนับเสิ่นถูปั๋วอี่สามครั้งเสียงดังฟังชัด

 

 

“ฮ่าๆ! ดีๆ! ลุกขึ้น! รีบลุกขึ้นเร็วเข้า! “

 

 

เสิ่นถูปั่วอี่หัวเราะด้วยความยินดีพร้อมกับเอ้มมือไปจับให้อวี้ซิงฉงลุกขึ้น คำเรียกขานว่า ‘อาจารย์’ นี้ ทำให้เสิ่นถูปั๋วอี้ยิ้มจนหน้าบาน

 

 

อวิ๋นเฮ่อเทียน ข้าก็มีศิษย์กับเขาแล้ว!

 

 

เสิ่นถูปั๋วอี้คิดเอาไว้อย่างดิบดี ในเมื่อวิ๋นเฮ่อเทียนอยากจะกระหยิ่มยิ้มยิ่งดีนัก เขาก็จะลากกงอวี้จาวจาวเข้ามาร่วมวงด้วยเสียเลยเพื่อที่เขาและนางจะได้ร่วมมือกันหัวเราะเยาะอวิ๋นเฮ่อเทียน

 

 

‘เฮอะ! เจ้ามีศิษย์แล้วนึกว่าตนเองวิเศษหรือใช่ไหม! พวกเราก็มีเช่นกัน! ทั้งยังเป็นคู่อีกด้วย!’

 

 

เมื่อนึกถึงสีหน้าของอวิ๋นเฮ่อเทียนเมื่อรู้รเรื่องนี้เข้าคงจะโกรธจนหนวดกระดิกแล้ว เสิ่นถูปั๋วอี้ก็ดีใจยิ่งนัก

 

 

อวิ๋นเฮ่อเทียน เจ้าเองก็มีวันนี้กับเขา!

 

 

ในที่สุดอวี้ซิงฉงและหมีเยว่ก็มีที่ให้พำนักพักพิง จึงทำให้อวี้เฟยเยียนคลายความกังวลใจลงไปได้เสียที

 

 

ครั้งนี้ ตี้อู่เฮ่ออี้สำเร็จขั้นอ๋อง หมีเยว่สำเร็จปราชญ์อาวุโส อาหูและอวี้ซิงฉงสำเร็จจักรพรรดิอาวุโส เสิ่นถูเลี่ยสามารถข้ามขั้นสำเร็จเป็นราชาอาวุโส ทุกคนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว

 

 

และเมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่เสิ่นถูเลี่ยช่วยเหลือตนเองแล้ว อวี้เฟยเยียนจึงกล่าวถามยิ้มๆ

 

 

“เสี่ยวเลี่ย ยินดีด้วยนะที่สำเร็จเป็นราชาอาวุโส! พลังวิเศษของเจ้าสีอะไรกัน?”

 

 

อวี้เฟยเยียนไม่ถามก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อนางเอ่ยถามขึ้น ก็ทำให้เสิ่นถูเลี่ยปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที

 

 

“จริงด้วย! เสี่ยวเลี่ยเลี่ย ข้ายังไม่เคยเห็นพลังวิเศษของเจ้าเลย เร็วเข้า รีบแสดงให้ตาเฒ่าอย่างข้าดูที!”

 

 

เมื่อมีลูกศิษย์ก็ทำให้เสิ่นถูปั่วอี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ และเมื่ออวี้เฟยเยียนเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้น เขาถึงได้นึกถึงเสิ่นถูเลี่ยขึ้นมาได้

 

 

“ไม่ต้องให้พวกท่านดูได้หรือไม่? “

 

 

เสิ่นถูเลี่ยหน้าตาห่อเ**่ยวราวกับมะเขือถูกราวกับดอกไม้โรยราไม่มีผิด

 

 

ไม่ได้! อวี้เฟยเยียนและเสิ่นถูปั๋วอี้ร้องขึ้นมาพร้อมกัน

 

 

“เร็วเข้า! อย่ามัวแต่อืดอาดยืดยาดอยู่! ลูกผู้ชายอกสามศอก อีดๆออดๆเหมือนอะไรกัน!” เสิ่นถูปั๋วอี้สะกิดเสิ่นถูเลี่ย

 

 

“เจ้าไม่แสดงเอง อย่ามาว่าข้าต้องบังคับเจ้านะ!”

 

 

ถูกเสิ่นถูปั๋วอี้บีบบังคับเช่นนี้ ทำเอาเสิ่นถูเลี่ยแทบจะร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว หลังจากถูกบังคับจนไม่มีทางเลือก เสิ่นถูเลี่ยจึงต้องปล่อยพลังวิเศษของตนเองออกมา

 

 

สีชมพู——

 

 

มองเห็นลำแสงสีชมพูที่วนเวียนอยู่รอบกายเสิ่นถูเลี่ยที่แลดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน อวี้เฟยเยียนก็ถึงกับ ‘คิกๆ’ หัวเราะออกมาทันที

 

 

‘เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า!’

 

 

‘ชายหนุ่มผู้สง่างามผ่าเผย พลังวิเศษกลับกายเป็นสีชมพู!’

 

 

“เสี่ยวเลี่ยเลี่ย ดูไม่ออกเลยนะ——” เสิ่นถูปั๋วอี่มองดูพลังวิเศษสีชมพูที่แสนน่ารักน่าเอ็นดูนั้นแล้ว ก็ตบไหล่เสิ่นถูเลี่ยท่าทางจริงจัง

 

 

“หรือว่าตอนที่เจ้ายังเล็ก ถูกแม่ของเจ้าจับเจ้าแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงเข้า ทำให้เจ้าตัวเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงไปแล้ว? มิน่าเล่าเจ้าถึงไม่ยอมแต่งงานเสียที ที่แท้เจ้าก็ชอบผู้ชายนี่เอง”

 

 

“ข้าเปล่านะ——”

 

 

โดนเสิ่นถูปั๋วอี้ดักคอ ทำเอาเสิ่นถูเลี่ยถึงกับหน้าแดงก่ำ

 

 

มารดาของเสิ่นถูเลี่ยอยากได้ลูกสาวที่เรียบร้อยน่ารัก ดังนั้นจึงเตรียมข้าวของเครื่องใช้ของเด็กผู้หญิงเอาไว้ห้องใหญ่ๆ

 

 

แต่ทว่าลูกสาวที่นางเฝ้ารอคอย กลับกลายเป็นเด็กชายตัวอ้วนจ่ำม่ำ

 

 

ดังนั้น เสิ่นถูฮูหยินผู้ซึ่งจิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะมีอายุห้าขวบมารดาจึงมักจะแต่งตัวเขาให้เป็นเด็กผู้หญิง เพื่อสนองความหวาดหวังที่อยากจะมีลูกสาวของตนเอง

 

 

เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ถูกบรรพชนเฒ่าของตนเองนำมาเผยแพร่เข้า เล่นเอาเสิ่นถูเลี่ยอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก

 

 

‘ใครเคยเห็นบรรพชนที่เอาเรื่องน่าอายของลูกหลานมาเผยแพร่เช่นนี้บ้าง?’

 

 

‘แล้วนี่ทุกคนเขาจะคิดกันอย่างไร!’

 

 

“ข้าไม่ได้ชอบผู้ชายสักหน่อย! บรรพชนเฒ่า ท่านอย่าพูดจาเหลวไหล!” อาการหน้าแดงและร้อนรนปฏิเสธทันควันของเสิ่นถูเลี่ย เรียกเสียงหัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ จากเสิ่นถูปั๋วอี้ได้เป็นอย่างดี

 

 

“เอาละ รู้ว่าเจ้าชอบผู้หญิงข้าก็วางใจแล้ว! แต่ว่า เสี่ยวเลี่ยลี่ยตอนเป็นเด็กสวมใส่ชุดกระโปรงของเด็กผู้หญิง แลดูเรียบร้อยน่ารักยิ่งนัก! น่าเสียดายตอนนี้เจ้าโตแล้ว และก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเย่อหยิ่งแล้วเสียด้วย! จึงไม่สนุกเช่นเมื่อก่อนอีก!”

 

 

เสิ่นถูปั๋วอี้แตะที่จมูกอย่างคุร่นคิด แล้วกวักมือเรียกอวี้ซิงฉงเข้ามาหา

 

 

“ศิษย์ข้า พวกเราไปที่นอกเมือง หาที่กว้างขวางปลอดผู้คนสักที่ อาจารย์จะทดสอบวรยุทธ์ของเจ้า!”

 

 

รอจนกระทั่งเสิ่นถูปั๋วอี้และอวี้ซิงฉงเดินออกไป อวี้เฟยเยียนจึงเพิ่งจะระลึกได้ว่าตนเองนั้นเนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกมอมแมม จึงรีบกลับเข้าไปเตรียมจะอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อย ส่วนคนอื่นๆก็สบายใจขึ้นมาก