ตอนที่ 1959 เคล็ดวิชาหลอม

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หานลี่เข้าสู่สมาธิเป็นเวลาสองเดือนเต็ม

เมื่อผ่านไปสองเดือนเขาพลันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ไม่เพียงปัญหาในร่างกายจะถูกกำจัดไปจนเกลี้ยง พลังปราณจิตสัมผัสยังฟื้นฟูมาอยู่ในสภาวะจุดสูงสุด

หานลี่ในยามนี้ถึงได้วางใจลง

ยามนี้ต่อให้บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารอย่างหยวนซามาหาเรื่องอีกครั้ง เขาก็มั่นใจว่าจะมีพลังต่อสู้

หลังจากที่หานลี่ได้สติก็ครุ่นคิดชั่วครู่ มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ กล่องไม้สีขาวและขวดหยกสีฟ้าใบหนึ่งปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน

ในมือมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นกล่องไม้สีขาวก็ถูกลำแสงสีทองห่อหุ้มเอาไว้ และบินมาอยู่กลางอากาศพลางลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น

หานลี่มองขวดหยกสีฟ้าที่เหลือง ใบหน้าอดที่จะเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมาไม่ได้

“ไอหุ้นตุ้น ได้ยินชื่อนี้มาเนิ่นนานแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้สิ่งนี้มา หากหลอมสิ่งนี้ได้ คิดดูแล้วการพัฒนาระดับขั้นปลายก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว” หานลี่เอ่ยพึมพำเสียงแผ่วเบา จากนั้นนิ้วชี้ก็ดีดไปทางฝาขวดหยก

เสียง “ปัง” ดังขึ้น ฝาขวดดีดออกตามกลไก

ในขวดมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ลำแสงสีเขียวบินออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็พุ่งไปยังที่สูง

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม แขนข้างหนึ่งเลือนรางแล้วตะปบไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลไร้รูปร่างก็ห่อหุ้มไปทั่วทั้งถ้ำ

ลำแสงจากปลายนิ้วทั้งห้าเปล่งแสงสว่างวาบแล้วดึงกลับมา!

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น หลังจากลำแสงสีเขียวสั่นเทา ก็ถูกดูดกลับมา ตกอยู่ใจกลางฝ่ามือ

หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มือหนึ่งรองเอาไว้ ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงพลางพิจารณาสิ่งที่อยู่ในมือ

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ดวงลำแสงขนาดเท่าเมล็ดถั่วสีดำขาวเปล่งแสงสว่างวาบอยู่ในนั้น

รูม่านตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ พลังปราณทั่วเรือนร่างบรรจุเข้าไปในดวงตา เดิมดวงลำแสงทั้งสองนั้นรางเลือน ชั่วขณะนั้นก็แจ่มชัดขึ้นในดวงตา

แต่เมื่อมองเห็นดวงลำแสงนั้นชัดเจน ร่างกายของเขาก็สั่นเทา ชั่วพริบตาใบหน้าก็เผยสีหน้างุนงงออกมา ร่างทั้งร่างนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน

หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ใบหน้าของหานลี่ก็เผยสีหน้าดิ้นรน กัดฟันแน่น หลังจากอ้าปากกระอักโลหิตสดๆ ออกมา คนถึงได้ล้มลงไปด้านหลัง

“ไอหุ้นตุ้นร้ายกาจมาก ช่างเป็นวัฏจักรลวงตาที่ร้ายกาจนัก น่ากลัวดังในตำนาน หากไม่ใช่เพราะสุดท้ายได้สติตื่นขึ้นมา เกรงว่าคงตกอยู่ในแดนที่สร้างขึ้นจากไอหุ้นตุ้นไม่มีวันรู้สึกตัว” หานลี่พลิ้วกาย คนก็นั่งสมาธิอยู่ที่เดิม แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้วร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้งสองสามครั้ง

เมื่อครู่พริบตาที่เขาใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างมองไอหุ้นตุ้นให้ชัดเจน คาดไม่ถึงว่าจะถูกพลังดั้งเดิมที่แฝงอยู่ดึงดูดเข้าไป ชั่วครู่ก็ตกเข้าไปอยู่ในแดนลวงตาขนาดน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน จนไม่อาจถอนตัวได้

หากไม่ใช่เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจและเตรียมระเบิดพลังเที่ยงแท้ในร่างของตนเองก่อนแล้ว การจะปลุกตนเองภายในระยะเวลาที่แน่นอน เกรงว่าคงจะต้องเพลี่ยงพล้ำที่นี่จริงๆ

แม้ว่าหานลี่จะตกตะลึงไม่น้อย แต่ในใจกลับไม่สงสัยสิ่งที่อยู่ในมืออีก

และมีเพียงไอหุ้นตุ้นในตำนานถึงจะมีอานุภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจตรงข้ามกับความจริงได้ ขอแค่เขาได้เคล็ดวิชาลับในการหลอมเจ้าสิ่งนี้ ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายก็นับวันรอได้เลย

แม้ว่าหานลี่จะเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง แต่ส่วนลึกในใจก็อดที่จะเกิดความตื่นเต้นไม่ได้

ทว่าก่อนหน้านั้นเขาต้องคบค้ากับมารเฒ่าทั้งสองที่อยู่ในหอคอยป้อมปราการมารก่อน

เมื่อเขาขบคิดในใจเช่นนี้ นิ้วหนึ่งพลันชี้ไปที่ลำแสงสีเขียว

หลังจากเสียงฟ้าผ่าอึกทึกดังขึ้น ปลายนิ้วพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าบางๆ ดีดออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในดวงลำแสงสีเขียว แต่ลำแสงอัสนีก็ม้วนกลับไปราวกับศิลาเพลิง

ลำแสงสีดำขาวในลำแสงสีเขียวสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาก่อน

แต่หานลี่กลับเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา มือหนึ่งชี้ไปที่ขวดหยกสีฟ้า ชั่วขณะนั้นปากขวดพลันพ่นหมอกสีขาวออกมา ม้วนลำแสงสีเขียวเข้าไปข้างใน

สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นขวดหยกพลันถูกเก็บเข้าไป

หานลี่ถึงได้เลื่อนสายตามาตกอยู่ที่กล่องไม้กลางอากาศ อ้าปากออกพ่นไข่มุกทรงกลมออกมาอย่างต่อเนื่อง มือหนึ่งตบไปที่หน้าผาก แล้วหลับตาทั้งสองข้างลงอย่างช้าๆ…

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้นกลางมิติเวลาลึกลับ เสี้ยวจิตสัมผัสแยกของหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาปรากฏกลางอากาศ

หลังจากที่เขากวาดสายตาไปรอบๆ ก็ขมวดคิ้วน้อยๆ

บรรยากาศรอบด้านเป็นสีขาวโพลน เกล็ดหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อนลงมา คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะกลายเป็นแดนสายธารน้ำแข็ง!

ทว่ายังไม่ทันได้ให้เขาเคลื่อนไหวใดๆ บรรยากาศรอบด้านก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาร่างคนสองคนเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน

คนหนึ่งสวมชุดเกราะและหมวกเกราะสีดำ อีกคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีดำ นั่นก็คือเฟิงเซวี่ยและเชอฉีกงตัวประหลาดเฒ่าเผ่ามารทั้งสอง

เมื่อทั้งสองเห็นหานลี่ปรากฏตัว ดูเหมือนว่าจะทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ เฟิงเซวี่ยหัวเราะร่าพลางเอ่ยถามตรงๆ

“สหายหาน เหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวเอายามนี้! ข้าและพี่เชอนึกว่าเจ้าโชคร้าย เกิดอันใดขึ้นไปแล้ว!”

“ผู้แซ่หานน่าจะมาพบทั้งสองท่านตั้งนานแล้ว แต่ปีนี้กลับพบกับคู่ต่อสู้สองสามตน ถูกไล่สังหารจนมาถึงยามนี้ ถึงได้สลัดออกมาได้” หานลี่ฉีกยิ้ม ตอบกลับความจริงครึ่งหนึ่งเท็จครึ่งหนึ่ง

“ในเมื่อสหายหานมาปรากฏตัวที่นี่ ดูแล้ววน่าจะปลอดภัยไร้กังวล ผู้แซ่เชอขอแสดงความยินดีด้วย ทว่าไอหุ้นตุ้นนั่น สหายได้มันมาหรือไม่” เชอฉีกงเอ่ยอย่างส่งๆ สองประโยค แล้วเอ่ยถามอย่างตึงเครียด

“ในเมื่อทั้งสองท่านอยู่ในป้อมปราการมาร ไอหุ้นตุ้นจะขาดแคลนหรือไม่ น่าจะรู้ดีกว่าผู้แซ่หานกระมัง” หานลี่เลิกคิ้วแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ตัวประหลาดเฒ่าเชอและเฟิงเซวี่ยก็มองสบตากันแวบหนึ่ง ไม่เพียงจะไม่รู้สึกโกรธเกรี้ยว กลับเผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา

“หึๆ เราสองคนเพิ่งแยกกันครั้งที่แล้วได้ไม่นาน ก็สัมผัสได้ว่าป้อมปราการมารเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่พวกเราเป็นคนที่ถูกกักอยู่ในนี้ได้รับผลกระทบจำกัดมาก จึงรู้สึกถึงสิ่งนี้ได้รางเลือนมาก ต้องให้สหายเป็นฝ่ายยืนยัน ฟังจากน้ำเสียงของสหายหานเมื่อครู่ หรือว่าได้ไอหุ้นตุ้นมาแล้วจริงๆ?” เฟิงเซวี่ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสมปรารถนา น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นมีมารยาทขึ้นไม่ได้

“แม้ว่าแดนแม่น้ำเหลืองเพลิงธรณีจะเกิดความผิดพลาด แต่ก็เอาไอหุ้นตุ้นมาได้ สหายทั้งสองควรจะบอกวิธีหลอมมันมาได้แล้วกระมัง” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ถึงได้เอ่ยยอมรับอย่างแช่มช้า

“เรื่องนี้ไม่รีบร้อนแม้ว่าเราสองคนจะเชื่อว่าสหายหานไม่หลอกลวง แต่สหายควรจะแสดงก่อนว่าไอหุ้นตุ้นมาหรือไม่” เชอฉีกงเก็บสีหน้ายินดี แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

เฟิงเซวี่ยได้ยินคำนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นกัน

“อยากพิสูจน์ นั้นง่ายมาก”

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ดูเหมือนว่าจะคาดเดาเอาไว้ตั้งนานแล้ว สองมือจึงถูกันไปมา

เสียงอึกทึกดังขึ้น!

ประจุไฟฟ้าสีทองสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนฝ่ามือ ร่ายอาคมกระตุ้นอีกครั้ง แยกออกเป็นสายฟ้าเส้นบางๆ สองสาย พุ่งไปยังเฟิงเซวี่ยและตัวประหลาดเฒ่าเชอ

มารทั้งสองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ล้วนใจเต้นไม่หลบหลีก และยิ่งไปกว่านั้นมือหนึ่งยังตะปบออกไป อ้าปากออกแรงดูด

ประจุไฟฟ้าสีทองทั้งสองส่งเสียง “พรึ่บ” ออกมา อันหนึ่งถูกเฟิงเซวี่ยตะปบไว้ อันหนึ่งถูกดูดเข้าไปในท้อง!

ทั้งสองหลับตาทั้งสี่ข้าง ในเวลาเดียวกันก็แผ่จิตสัมผัสไปห่อหุ้มสายฟ้าที่ได้รับ

ทว่าผ่านไปแค่สองสามชั่วลมหายใจ เฟิงเซวี่ยและเชอฉีกงก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

“ไม่เลว แม้ว่ากลิ่นอายจะอ่อนแอมาก แต่เป็นไอหุ้นตุ้นไม่ผิดแน่ ดูแล้วสหายหานน่าจะไม่หลอกลวง เช่นนี้พวกเราถึงจะปรึกษาการร่วมมือขั้นต่อไปกันได้” เฟิงเซวี่ยเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจขณะเอ่ย

“ก่อนหน้านี้ไม่ได้คุยกันแล้วหรือว่า สหายทั้งสองจะมอบวิชาการหลอมให้ข้าน้อย ผู้แซ่หานจะแบ่งไอหุ้นตุ้นให้ครึ่งหนึ่ง? หรือว่าทั้งสองท่านเปลี่ยนใจ?” หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงเย็นชาขึ้นหลายส่วน

“สหายหานเข้าใจผิดแล้ว สัญญาของข้าย่อมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าการปฏิบัติตามสัญญาที่เป็นรูปธรรมนั้นกลับต้องไตร่ตรองให้ละเอียด มิเช่นนั้นสหายคิดว่าพวกเราบอกวิธีหลอมก่อน หรือว่าสหายหานมอบไอหุ้นตุ้นให้ก่อนดีกว่ากัน?” เชอฉีกงหัวเราะหึๆ ขณะเอ่ย

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! แม้ว่าพวกเราจะมีคำสาบานต่อกันแล้ว แต่เรื่องนี้สำคัญมาก ย่อมยุ่งยากจริงๆ” หานลี่มีสีหน้าผ่อนคลายลง แล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“ดังนั้นข้าและสหายเฟิงปรึกษากันแล้ว จึงคิดวิธีที่ยอดเยี่ยมต่อทั้งสองฝ่ายออก แต่ไม่ทราบว่าสหายหานจะเห็นด้วยหรือไม่” เชอฉีกงเอ่ยออกมาทีละคำๆ

“สหายลองพูดให้ฟังสิ” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีพลางเอ่ยอย่างราบเรียบ

“ความจริงแล้วนั่งง่ายมาก แบ่งการแลกเปลี่ยนเป็นสองสามส่วน พวกเราถ่ายทอดคาถาให้ส่วนหนึ่ง ให้นายท่านแยกแยะว่าจริงหรือเท็จ หากคิดว่าจริงก็มอบไอหุ้นตุ้นให้พวกเราสองคนส่วนหนึ่ง และการแลกเปลี่ยนจากนี้ก็ทำตามวิธีนี้ คิดดูแล้วสุดท้ายนายท่านคงไม่ทรยศต่อคำสาบานของตนเองเพียงเพราะไอหุ้นตุ้นรอบสุดท้ายหรอก ส่วนพวกเราสองคนก็คงไม่ยอมละทิ้งไอหุ้นตุ้นเพื่อคาถาส่วนที่เหลือ” เฟิงเซวี่ยมีสีหน้าเคร่งขรึม พลางอธิบายอย่างจริงจัง

หานลี่ยังคงนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน แต่แววตาพลันเปล่งประกายไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ากำลังขบคิดเงื่อนไขที่เสนอมาอย่างละเอียด

มารเฒ่าทั้งสองมั่นใจว่าหานลี่จะตอบตกลง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเช่นนี้ก็ตึงเครียดไปสองสามส่วน

แต่แค่ทั้งสองล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้มหาศาล ใบหน้าย่อมยังคงรักษาสีหน้าราบเรียบเอาไว้ได้ แค่รอปฏิกิริยาตอบสนองของหานลี่

“เป็นวิธีที่ดีจริงๆ! เอาล่ะ เอาตามที่ทั้งสองท่านว่าเถิด” หานลี่พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยปากด้วยสีหน้าราบเรียบ

“หึๆ สหายหานชาญฉลาดนัก เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มแลกเปลี่ยนกันเถิด คาถาส่วนแรกของการหลอม สหายศึกษาให้ดีล่ะ ขอแค่สหายคิดว่าคาถาไม่มีปัญหา ภายในสามวันต้องมอบไอหุ้นตุ้นให้พวกเรา หากเวลาผ่านไปพวกเราสองคนก็จะถือว่าสหายยอมทิ้งการแลกเปลี่ยน หึๆ ถึงยามนั้นนายท่านไม่เพียงจะถูกจิตมารแว้งกัด จากนี้หากคิดจะหลอมไอหุ้นตุ้นก็เป็นเรื่องที่เพ้อฝันแล้ว” ภายใต้ความดีอกดีใจของเฟิงเซวี่ย กลับรีบร้อนเอ่ยขึ้นพร้อมแฝงไว้ด้วยคำเตือน