บทที่ 1190 มีคนต้องการพบเจ้า

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบหลิงเย่วกลับไปว่า..
  “ไม่มีครับท่านลุง..หลายเรื่องที่ข้าไม่ทันได้คิด ท่านลุงก็ได้ช่วยข้าคิด และช่วยเตรียมการให้หมดแล้ว!”
  ครั้งนี้หลิงหยุนเอ่ยชมหลิงเย่วด้วยความจริงใจไม่ได้จงใจประจบประแจงเหมือนก่อนหน้านี้..
  “ดี..ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็มีบางเรื่องที่จะต้องพูดกับเจ้า!”
  หลิงเย่วกระดกแก้วชาในมือขึ้นดื่มจนหมดแล้วจึงบอกหลิงหยุนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม..
  “เชิญลุงสองพูดมาได้เลย..”
  หลิงหยุนเองก็รู้ว่าหลิงเย่วคงจะมีเรื่องที่ต้องการให้เขาช่วยแก้ปัญหาเช่นกันจึงได้ตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่หลิงเย่วกำลังจะพูด..
  หลิงเย่วยิ้มเล็กน้อย..จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปที่ภาพบนผนังพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “หลิงหยุน..การประลองของเจ้าในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่กระทบตระกูลซันกับตระกูลเฉิน แต่ยังกระทบกระเทือนไปถึงหน่วยนภาด้วย!”
  “เท่าที่ข้าฟังเจ้าเล่ามา..ในการประลองครั้งนี้ทั้งซันเจิ้นหวู่กับเฉินจิ้งเฉวียนได้เชิญคนของหน่วยนภาไปร่วมประลองในครั้งนี้ด้วย และหากรวมตัวเฉินจิ้งเฉวียนด้วยแล้ว ก็จะมียอดฝีมือจากหน่วยนภาเข้าร่วมประลองกับเจ้าถึงหกคนด้วยกันใช่หรือไม่”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง!”
  “ในบรรดายอดฝีมือจากหน่วยนภาทั้งหกนั้น..ไต้ซือหลู่หมิงฉู่ได้กลับออกไปก่อนเพียงผู้เดียว ส่วนตี๋ยั่วถังแห่งสำนักกระบี่เทียนซานก็ถูกเจ้าจับตัวไว้ ที่เหลืออีกสี่คนล้วนถูกเจ้าสังหารตายจนหมด..”
  “แม้ว่าจนป่านนี้ตระกูลหลิงจะยังไม่ได้รับสาส์นใดๆจากหน่วยนภาตามธรรมเนียม แต่ข้าเชื่อว่าแม้ตระกูลหลิงของเราจะทำทุกอย่างถูกต้องตามกฏของการประลองในครั้งนี้ หน่วยนภาก็จะต้องส่งคนมาสอบถามเรื่องนี้กับตระกูลหลิงอีกครั้งเป็นแน่! ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง!”
  หลิงเย่วพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง นั่นเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของตระกูลหลิงไม่น้อย..
  หลิงหยุนตั้งใจฟังและไม่กล้าที่จะเพิกเฉย “ลุงสอง.. ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี! หากคนจากหน่วยนภาเข้ามาหาเรื่องกับตระกูลหลิง ข้าจะเป็นคนออกหน้าจัดการเรื่องนี้เอง ท่านอย่าได้กังวลใจไป!”
  “อืมม..”
  หลิงเย่วพยักหน้ารับรู้และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลิงหยุน.. ที่เจ้าจับตี๋ยั่วถังมือกระบี่จากสำนักกระบี่เทียนซานมานั้น เหตุผลเพราะเรื่องของฉินจิวยื่อซึ่งเป็นแม่บุญธรรมเจ้าใช่หรือไม่”
  ดูเหมือนว่าหลิงเย่วจะรู้เรื่องและเข้าใจเรื่องราวของหลิงหยุนกับตระกูลฉินได้เป็นอย่างดี..
  คิ้วรูปดาบของหลิงหยุนยกขึ้นสูงดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน “ท่านลุงคาดเดาได้ถูกต้องแม่นยำนัก!”
  “ขอบอกท่านลุงตามตรง..ที่ข้าจับตัวตี๋ยั่วถังมานั้น ก็เพื่อจะใช้มันแลกเปลี่ยนกับท่านแม่ของข้าซึ่งเวลานี้อยู่ที่สำนักกระบี่เทียนซาน..”
  “ข้าคาดการไม่ผิดจริงๆ!”
  หลิงเย่วพึมพำกับตัวเองและหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยจึงได้เตือนหลิงหยุนว่า..
  “หลิงหยุน..เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตระกูลฉิน เจ้าควรจะต้องปรึกษาหารือกับตระกูลฉินด้วย เพื่อจะได้หาหนทางจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ขอบคุณท่านลุงสองที่ชี้แนะ และตักเตือน! รอให้ผ่านเรื่องยุ่งๆนี้ไปสักวันสองวันก่อน ข้าจะไปพบน้าหญิงและปรึกษาหารือเรื่องช่วยท่านแม่กับนางอีกที..”
  “อืมม..แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับตระกูลหลิงของเราเช่นกัน เจ้าจะตัดสินใจ หรือคิดอ่านที่จะทำเช่นใด ควรบอกให้ข้าได้รับรู้ด้วย อย่าได้จัดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้แต่เพียงลำพัง!”
  หลิงหยุนตอบกลับด้วยจิตใจที่ร้อนรน“ขอบคุณท่านลุงสองยิ่งนัก!”
  “ส่วนอีกเรื่องนั้น..”
  หลิงเย่วมีท่าทีลังเลเล็กน้อยและในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกไปว่า “หลิงหยุน.. เจ้าเคยบอกไว้ว่าอยากจะสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิงหลังใหม่ขึ้นไม่ใช่รึ ข้าได้เลือกทำเลสำหรับก่อสร้างไว้ให้เจ้าหลายแห่ง แต่ก่อนหน้านี้เจ้าเองก็ยุ่งมากจนไม่มีเวลาใส่ใจกับเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนอะไรแล้ว เจ้าก็หาเวลาไปดูทำเลที่ข้าเลือกไว้ให้ แล้วก็ตัดสินใจว่าต้องการทำเลแถบใหน..”
  เรื่องคฤหาสน์หลังใหม่ของตระกูลหลิงนั้นหลิงหยุนได้เกริ่นกับหลิงเย่วไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งแรกที่ได้พบกันแล้ว และได้ขอให้หลิงเย่วช่วยมองหาทำเลดีๆให้ ส่วนเขาจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกเอง หลิงเย่วจึงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้แทนได้..
  “สองสามวันนี้ข้าจะหาเวลาพาโม่วู๋เตาไปดูที่ทางกับข้าด้วย..!”
  ความจริงแล้วหลิงหยุนไม่ได้รีบร้อนที่จะก่อสร้างคฤหาสน์ตระกูลหลิงหลังใหม่นักตามแผนการของเขานั้น จะลงมือก่อสร้างในอีกสองหรือสามปีข้างหน้า..
  แต่หลิงหยุนก็อดที่จะซาบซึ้งใจไม่ได้ที่หลิงเย่วยังคงคิดถึงเรื่องนี้ และติดตามแม้ในช่วงเวลาที่ตัวเขาเองก็มีงานล้นมือเช่นนี้ นั่นทำให้หลิงหยุนรู้สึกประทับใจในตัวหลิงเย่วยิ่งนัก..
  หลิงเย่วยกมือขึ้นชี้ไปทางทิศเหนือและพูดกับหลิงหยุนว่า “ข้าว่าเลยถนนวงแหวนที่หกไปนั่นก็ทำเลดีมากทีเดียว อย่างไรเจ้าลองไปดูและตัดสินใจด้วยตัวเองอีกที”
  “ลุงสอง..เรื่องนี้ท่านอย่าได้กังวลใจไปข้าเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก!”
  “อีกอย่าง..ท่านลุงทำเพื่อข้ามากมายเช่นนี้ ข้าจะตอบแทนท่านหมดได้อย่างไรกัน!”
  หลิงเย่วหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าเด็กดื้อ.. เจ้าอย่าได้มาทำเป็นเกรงใจและมีมารยาทกับข้านัก! ขอเพียงแค่จากนี้ไปเจ้าอย่าได้หายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอีกก็พอแล้ว!”
  หลังจากพูดคุยธุระเกี่ยวกับตระกูลหลิงจนจบแล้วจู่ๆ หลิงเย่วก็หันมาพูดกับหลิงหยุนผ่านกระแสจิต
  –หลิงหยุน..ข้าได้ยินข่าวลือหนาหูว่ามีใครบางคนต้องการจะพบเจ้า!-
  หลิงหยุนถึงกับใจสั่นแต่ก็ไม่คิดที่จะคาดเดา จึงเอ่ยถามหลิงเย่วกลับไปทันที –ผู้ใดต้องการพบข้างั้นรึ-
  หลิงเย่วยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของราชวังต้องห้าม พร้อมกับตอบไปว่า  –ผู้ใดเล่าที่จะสามารถอยู่ในสถานที่ต้องห้ามเช่นนั้นได้!-
  “เอ่อ…”
  ทันทีที่พอจะคาดเดาได้ว่าผู้ที่ต้องการจะพบตนเองคือใครนั้นหลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที!
  เมื่อถึงเวลา..สิ่งที่ควรมาก็จะมา ใครก็ยากจะหลีกเลี่ยงได้!
  เรื่องที่หลิงหยุนสามารถผงาดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วเมื่อครั้งที่อยู่ในจิงฉูนั้นนับว่าเป็นการเปิดประตูให้กับตนเองอย่างคาดไม่ถึง
  ยิ่งเมื่อตระกูลซันกับตระกูลเฉินถูกหลิงหยุนทำลายจนล่มสลายไปเช่นนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมากมายทั่วปักกิ่ง และการที่คนผู้นั้นเลือกที่จะพบกับเขาในเวลานี้ ย่อมต้องมีคำพูดบางอย่างที่ต้องการจะพูดกับตนเป็นแน่!
  การพบกับคนผู้นี้เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้..เพียงแต่หลิงหยุนเองก็คิดไม่ถึงว่ามันจะรวดเร็วถึงเพียงนี้!
  หลิงหยุนเอ่ยถามหลิงเย่วทันที–เมื่อไหร่รึ-
  หลิงเย่วยิ้มพร้อมตอบกลับไปทันที–เรื่องนี้เป็นความลับ! แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ แต่หากให้ข้าคาดเดาก็คงจะภายในเดือนนี้ และไม่น่าจะนานกว่านี้แน่ เจ้าเองก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ..-
  “อืมม..”
  หลิงหยุนรู้ว่าถึงอย่างไรตนเองก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จึงได้แต่พยักหน้าให้หลิงเย่วอย่างเข้าใจ!
  “หลิงหยุน..เวลานี้เจ้าคือผู้นำตระกูลหลิง และเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของประเทศนี้! เป็นธรรมดาที่จะต้องเข้าพบคนผู้นี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดอะไร หรือหนักอกหนักใจอะไรนัก ก็แค่การพบกันธรรมดาๆเท่านั้น!”
  หลิงเย่วเกรงว่าหลิงหยุนจะกังวลใจมากจนเกินไปจึงได้บอกให้เขาคลายความกังวลใจ..
  “ลุงสอง..ท่านเองก็อย่าได้กังวลใจไปเช่นกัน! เรื่องนี้ข้าย่อมต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวัง!”
  หลิงหยุนยิ้มกว้าง..เขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และจะเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการพบกับคนผู้นี้!
  “ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็วางใจ!”
  หลิงเย่วยิ้มออกมาหลังจากที่ไคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ส่วนเรื่องของตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้น..”
  “แม้เรื่องของสองตระกูลนี้จะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรแต่ข้าก็อยากจะรู้ว่าเจ้ามีแผนการที่จะจัดการกับสองตระกูลใหญ่นี้เช่นใดบ้าง เพื่อที่จะได้รู้ว่าตระกูลหลิงของเราควรต้องเตรียมการเช่นใด?”
  การที่หลิงเย่วยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยกับหลิงหยุนนั้นเพราะในความคิดเห็นของเขานั้น เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง และเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลหลิงเลยทีเดียว!
  ตระกูลหลงกับตระกูลเย่ล้วนอยู่ในเมืองหลวงและเวลานี้ก็มีสามตระกูลใหญ่คานกันอยู่ อีกทั้งความสัมพันธ์ของทั้งสามตระกูลนั้น แม้จะไม่อาจเรียกว่าศัตรูได้เต็มปาก แต่ก็ไม่อาจนับเป็นสหายได้เช่นกัน..
  ซึ่งไม่แตกต่างจากตระกูลเฉินกับตระกูลซัน..ที่มักจะแอบฟาดฟัน และแทงข้างหลังกันมาโดยตลอด เรียกได้ว่าแอบทำลายให้อีกฝ่ายค่อยๆอ่อนแอลง เพื่อที่ตนเองจะได้แข็งแกร่งขึ้น..
  และความจริงข้อนี้ทั้งหลิงหยุนกับหลิงเย่วต่างก็รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี หลิงเย่วจึงต้องการที่จะรู้ว่าหลิงหยุนคิดอ่าน หรือมีแผนการอะไรอยู่ในใจ!
  หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดจึงพูดขึ้นว่า “ลุงสอง.. ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องจัดการกับตระกูลหลง และตระกูลเย่!”
  การที่ตระกูลหลิงกับตระกูลซันและตระกูลเฉินตัดสินใจประลองกันเช่นนี้และการที่ตระกูลหลงกับตระกูลเย่ไม่เคลื่อนไหว และไม่แม้แต่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวนั้น อาจจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของหลิงหยุน!
  ทั้งที่ก่อนหน้าวันประลองนั้น..หลงฮ่าวหลานเป็นผู้ส่งสาส์นไปถึงตระกูลหลิงย้ำว่าความสงบสุขมีราคาแพง! แต่ในระหว่างที่หลิงหยุนประลอง และลงมือสังหารเฉินจิ้งเทียนกับยอดฝีมือมากมาย กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย.. ทุกอย่างเงียบสนิท!
  ไม่เพียงเท่านั้น..หลังจากที่หลิงหยุนหักขาหลงฮ่าวเฉียงไป ตระกูลหลงกลับเอาแต่นิ่งเงียบไม่ต้อบโต้
  หลิงหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาง.“ลุงสอง.. แม้ตระกูลหลงกับตระกูลเย่ยังคงนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่คิดร้ายกับตระกูลหลิงของเรา!”
  อีกทั้งเวลานี้..หลงคุนกับหลงหวู่เองก็ถูกตระกูลหลงจับตัวไป จนถึงตอนนี้หลิงหยุนเองก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของทั้งสองคน ไม่ว่าอย่างไรช้าหรือเร็ว.. เขาก็ต้องเข้าไปพบคนสำคัญของตระกูลหลงอยู่ดี!
  หลิงหยุนเพียงแค่รอคอยให้ตนเองแข็งแกร่งกว่านี้เท่านั้นเขาต้องการไปสำรวจสุสานใต้ดินกับโม่วู๋เตาเสียก่อน หลังจากที่เขาได้สมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นมาก เขาก็จะบุกไปตระกูลหลงอย่างแน่นอน!
  ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังคิดที่จะก่อตั้งโรงประมูลตระกูลหลิง และฉวยโอกาสยึดธุรกิจนี้จากตระกูลหลงและตระกูลเย่มาเป็นของตนด้วย!
  เมื่อนึกถึงเรื่องโรงประมูลขึ้นมาหลิงหยุนจึงเอ่ยถามหลิงเย่วว่า..
  “ลุงสอง..ในเมื่อท่านพูดถึงเรื่องของตระกูลหลงกับตระกูลเย่ขึ้นมา ข้าก็มีเรื่องที่ต้องการจะบอกกับท่าน..”
  หลิงเย่วร้องถามออกมาด้วยความสงสัย“เรื่องอะไรงั้นรึ!”   หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมตอบกลับไปทันที“ลุงสอง.. ข้าวางแผนไว้ว่าปลายปีนี้ตระกูลหลิงของเราจะเปิดโรงประมูลชาวยุทธขึ้น!”
  “ห๊ะ!”
  หลิงเย่วได้ยินถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!
  เพราะการที่จะก่อตั้งโรงประมูลชาวยุทธขึ้นมานั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นการแข่งขันกับตระกูลหลงและตระกูลเย่ และเท่ากับว่าเป็นการฉกฉวยแย่งชิงธุรกิจของทั้งสองตระกูลด้วย!
  “หลิงหยุน!นี่เจ้าพูดจริงรึ! ข้าว่าเจ้าควรใคร่ครวญดูให้ดีก่อน!”
  เรื่องนี้นับเป็นเรื่องใหญ่มากหลิงเย่วจึงไม่ตอบรับในทันที..
  หลิงหยุนยิ้มอย่างเข้าใจ..เพราะตระกูลหลิงนั้นตกต่ำมานานกว่าสิบแปดปี จู่ๆ ต้องมาแข่งขันกับตระกูลหลงและตระกูลเย่เช่นนี้ มีหรือที่หลิงเย่วจะไม่ตกอกตกใจ
  “หลิงหยุน..การทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลหลง และตระกูลเย่ทันที ต่อไปคงยากที่จะเลี่ยงการเผชิญหน้ากันได้!”
  “อีกอย่าง..การก่อตั้งโรงประมูลนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผู้ที่จะจัดขึ้นได้ไม่เพียงต้องมีเส้นสายเป็นวงกว้างทั้งในโลกธุรกิจ และโลกยุทธภพ อีกทั้งยังต้องมีทรัพยากร มีข้อมูล และมีผลประโยชน์ที่มากพอ..”
  “หลิงหยุน..เจ้าใคร่ครวญดูให้ดีว่า เจ้าต้องการที่จะทำจริงๆงั้นรึ!”
  หลิงหยุนมองสีหน้าหนักอกหนักใจของหลิงเย่วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ลุงสอง.. ข้าใคร่ครวญดีแล้ว!”
  “จากนี้ไปอีกไม่กี่วันตระกูลเย่จะจัดโรงประมูลขึ้นข้าเองก็จะไปดูว่ายิ่งใหญ่มากเพียงใด!”