ตอนที่ 1899

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,899 : ข้าตัดสินใจแล้ว!

 

ชุดเสื้อคลุมที่อีก 6 คนสวมใส่ก็ละม้ายคล้ายกันกับเถิงชานและหลี่อัน

 

ล้วนเป็นคลุมขาวลายปักเปลวเพลิงสีเงิน

 

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือลวดลายที่ปักของอีก 6 คนนั้น มันมีลวดลายต่างจากเถิงชานและหลี่อันอย่างสิ้นเชิง

 

ลวดลายบนชุดของเถิงชานและหลี่อันก็คือ เต่าทมิฬ

 

ส่วนอีก 6 คนนั้น มี 2 คนที่เป็นรูปมังกร อีก 2 คนปักรูปพยัคฆ์ ส่วนอีก 2 คนสุดท้ายปักเป็นรูปนกไฟ!

 

“เป็นอาวุโสเพลิงเงินของแทน่บูชามังกรคราม…แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว และแท่นบูชานกไฟ!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนอกสนใจกับลายปักบนชุดคลุมของคนทั้ง 6 เสียงโดยรอบก็ดังเข้าหู และเป็นอย่างที่เขาเดาไว้ ผู้มาใหม่เป็นอาวุโสจากแท่นบูชาอื่นๆ

 

“ข้าได้ยินมาว่าในบรรดาแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟ มีเพียงแท่นบูชาเสือขาวเท่านั้นที่มีเวทย์พลังประจำแท่นเป็นเวทย์พลังสายจู่โจม! ข้าล่ะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะถูกผู้อาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเลือก!!”

 

ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง

 

“ส่วนข้าอยากให้ท่านผู้อาวุโสของแท่นบูชานกไฟเลือกข้ามากกว่า เพราะเวทย์พลังประจำแท่นนกไฟนั้นเป็นเวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหว! วรยุทธ์วิชาทั่วหล้า ที่สุดคือความเร็ว! เมื่อมีความเร็วเหนือกว่าย่อมเสมือนอยู่ในตำแหน่งไร้เทียมทานตลอดเวลา!!”

 

อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคาดหวัง และความคิดของมันก็แตกต่างจากชายวัยกลางคนที่อยากเข้าร่วมแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว เพราะมันอยากเข้าแท่นบูชานกไฟ

 

“ส่วนข้ากลับอยากถูกแท่นบูชามังกรครามเลือกเสียมากกว่า…เพราะเวทย์พลังของแท่นบูชามังกรครามนั้นจักยกระดับพลังของผู้ใช้ให้สูงขึ้น…กล่าวกันว่ายังเป็นเวทย์พลังที่สืบทอดต่อกันมาจากเผ่ามังกรจริงๆอีกด้วย!!”

 

“หึ! หากให้เทียบเวทย์พลังของแท่นบูชามังกรคราม พยัคฆ์ขาวและนกไฟแล้วล่ะก็ ข้าชมชอบเวทย์พลังของแท่นบูชาเต่าทมิฬมากกว่า! อีกทั้งเท่าที่ข้ารู้มาในบรรดา 4 เวทย์พลังประจำแท่นบูชา มีเพียงเวทย์พลังของแท่นบูชาเต่าทมิฬเท่านั้นที่มีระดับสูง! อีกทั้งยังเป็นเวทย์พลังสายป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่ง เรียกว่าเวทย์พลัง ปราการเต่าทมิฬ!!”

 

ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ

 

ปราการเต่าทมิฬ!

 

เวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง?

 

ทันทีที่เสียงของชายวัยกลางคนผู้นี้ดังขึ้น ลูกตาของต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงทันที!

 

เวทย์พลังประจำแท่นบูชาทั้ง 4 ที่ผู้คนสนทนาถึงกันอยู่นั้น เขาเองก็เคยได้ยินผ่านๆมาบ้างแต่ไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไหร่…

 

เพราะในสายตาของเขาเวทย์พลังประจำแท่นที่ปล่อยให้คนเข้าไปทำความเข้าใจได้ไม่จำกัดแบบนี้ ไม่พ้นต้องเป็นเพียงเวทย์พลังระดับกลางทั่วๆไปเท่านั้น

 

เขาไม่ได้รู้เลยว่าเป็นเขาเดาผิดมาตลอด จนมาได้ยินคำของผู้คนรอบๆตอนนี้…เวทย์พลังของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่แท้แม้จะเป็นระดับกลางแต่ก็เป็นระดับกลางค่อนไปทางสูง!

 

และที่สำคัญที่สุดก็คือ เวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬกลับเป็นเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง!

 

‘นี่ข้ามีชะตาต้องกันกับแท่นบูชาเต่าทมิฬรึยังไงนะ?’

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหลี่อันอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายก็ระบายลมหายใจออกมา

 

ทุกวันนี้เวทย์พลังระดับสูงที่เขามี ก็มีแทบทุกสายแล้ว สายโจมตีได้แก่ เซียนอมตะข้ามภพ สายสนับสนุนก็มีปฐมเวทย์กลืนกิน และเสริมความเคลื่อนไหวก็คือ ปีกอีกาทองคำ…

 

แต่เขาไม่มีเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง!

 

เวทย์พลังสายป้องกันที่เขามีอยู่มันเป็นแค่เวทย์พลังป้องกันระดับกลางเท่านั้น และมันคือ ร่างทองลิ่วเหอ ที่เขาได้มาจากแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับ…

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเวทย์พลังสายอื่นๆที่ต้วนหลิงเทียนมี ล้วนแล้วแต่เป็นเวทย์พลังระดับสูงทั้งสิ้น เขาจึงดูเบาเวทย์พลังร่างทองลิ่วเหอไปอย่างไม่รู้ตัว และไม่คิดจะทำความเข้าใจเพื่อเพาะสร้างต้นแบบมันเลย…

 

แน่นอนว่าเหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเสียเวลาทำความเข้าใจเพื่อเพาะสร้างไว้ใช้งานก็คือ…เขาไม่อยากเสียเวลากับเวทย์พลังระดับกลาง!

 

ตอนนี้เขาต้องการเพิ่มพูนพลังฝีมือเพื่อช่วยเหลือเค่อเอ่อแม่ลูกให้เร็วที่สุด เขาไม่มีเวลามาเสียกับเวทย์พลังระดับกลาง!!

 

ช่างคิดไปได้…

 

หากเหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่เข้าไปในแดนลับเซียนพร้อมต้วนหลิงเทียนรอบนั้นมาได้ยินความคิดนี้ของต้วนหลิงเทียนล่ะก็ เกรงว่าพวกมันคงได้กระอักเลือดคำหนึ่ง ทั้งถลึงตามองต้วนหลิงเทียนพร้อมสาปแช่งในใจอย่างคับแค้นแน่แท้…

 

ไม่ต้องการเสียเวลากับเวทย์พลังระดับกลางหรือ?

 

ท่านไม่คิดเหลือที่ยืนให้ผู้อื่นใช้ชีวิตเลยหรือไร?

 

‘ในที่สุดข้าก็ได้เจอเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงเสียที…เอาล่ะ เพื่อเวทย์พลังสายป้องกันที่ขาด ข้าต้องเข้าแท่นบูชาเต่าทมิฬนี่ให้ได้!’

 

ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจอย่างแน่วแน่

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้มาก่อนว่าแต่ละแท่นบูชาก็มีเวทย์พลังประจำแท่นเอาไว้ให้เหล่าศิษย์ทำความเข้าใจ แต่เขาคิดว่าพวกมันก็แค่เวทย์พลังระดับกลางร้ายๆทั่วๆไป จึงไม่ได้สนใจเข้าร่วมกับแท่นบูชาไหนเป็นพิเศษ

 

แต่มาตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าแท่นบูชาเต่าทมิฬ กลับมีเวทย์พลังระดับสูงไว้ให้ศิษย์ได้ทำความเข้าใจและเพาะสร้าง! เขาก็ไม่คิดอะไรให้มากความ ตัดสินใจเลือกที่จะเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬทันที!!

 

เพราะแท่นบูชาเต่าทมิฬ มีเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงที่เขาขาด!

 

ในเมื่อเขาได้พบเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงที่ตามหามานาน ไหนเลยจะย่อมปล่อยให้พลาดได้!

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเคยถามเรื่องนี้จากผู้เฒ่าหั่วแล้ว ว่ามีเวทย์พลังอันใดให้เขาเพาะสร้างหรือไม่…แต่ผู้เฒ่าหั่วก็ทำได้แค่ส่ายหน้าและตอบกลับมาอย่างจนปัญญาว่า นอกจากเวทย์พลังปีกอีกาทองคำที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดให้เขาแล้ว เวทย์พลังที่เหลือที่ผู้เฒ่าหั่วมี จำต้องให้เขามีพลังฝึกปรือถึงขอบเขตเซียนอมตะเสียก่อน….

 

ดังนั้นพอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ตัดใจเรื่องขอเวทย์พลังจากผู้เฒ่าหั่ว

 

ทกอย่างทำได้แค่พึ่งตัวเองเท่านั้น

 

“ทุกคน”

 

ทันใดนั้นเองอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ เถิงชาน ก็ปริปากกล่าวคำออกมา

 

เสียงของเถิงชานนั้นค่อนข้างหยาบและฟังไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่แถมไม่คล้ายจะดังอะไรมากมาย หากแต่เมื่อผสานกับปราณของมันแล้ว ก็ทำให้เสียงดังกล่าวส่งตรงถึงหูทุกคนให้ได้ยินกันทั่ว…

 

“วันนี้ที่ทุกคนมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ ก็เผยให้ทราบกันชัดแล้วว่าทุกคนมีเจตนาและความตั้งใจอันใด…ทุกคนคิดเข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟของข้าใช่หรือไม่!?”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของเถิงชานก็ฟังดูปลุกเร้าไม่น้อย

 

“ไหนกล่าวตอบให้ข้าได้ยินชัดๆ ว่าใช่หรือไม่!?”

 

และทันใดนั้นเองเสียงของเถิงชานก็ถามไถ่ออกมาดังลั่นปานฟ้าผ่า

 

“ใช่!”

 

“ใช่!”

 

……

 

และทันทีที่วาจาปลุกเร้าอารมณ์นี้ของเถิงชานดังเข้าหูทุกคน ก็พาลให้ทุกคนรู้สึกคึกคักกันขึ้นมาไม่น้อย ยิ่งเหล่าผู้ศรัทธาที่ชั่วชีวิตหวังเพียงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ ยิ่งใส่อารมณ์จัด ต่างตะโกนกู่ร้องตอบคำออกมาสุดเสียง

 

เรียกว่าบรรยากาศโดยรอบคล้ายถูกจุดชนวนให้ปะทุระอุขึ้นมาทันที

 

‘ไม่คิดเลยว่าคนที่แลดูหยาบกร้านตรงไปตรงมาอย่างอาวุโสเถิงชาน จะมีกล่าวพูดปลุกเร้าอารมณ์อะไรผู้คนเป็นด้วย แถมยังพูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น’

 

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศโดยรอบถูกวาจาไม่กี่คำของเถิงชานชักนำให้กลายเป็นคึกคักขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย

 

และเมื่อเถิงชานยกมือขึ้น ผู้คนก็ค่อยๆสงบลงอีกครั้ง

 

“ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนคงได้เห็นกันแล้ว…มิผิด! ผู้คนที่ลอยอยู่ด้านข้างของข้ายกเว้นอาวุโสหลี่อัน ล้วนเป็นเหมือนกันกับข้าและอาวุโสหลี่อัน! อาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาจตุรลักษณ์อื่นๆ อาวุโสประจำแท่นบูชามังกรคราม พยัคฆ์ขาว และนกไฟ!!”

 

เสียงของเถิงชานยังคงดังกังวานออกมาอย่างต่อเนื่อง “และวันนี้ เหตุผลที่อาวุโสทุกท่านมาปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ ก็เพื่อเลือกเฟ้นพวกเจ้าบางคนไปเข้าร่วมกับแท่นบูชาประจำกาย!”

 

“และมิว่าพวกเจ้าจะถูกเลือกเฟ้นไปยังแท่นบูชาใด ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถผ่านการประเมินทดสอบของแท่นบูชาที่พวกเจ้าถูกเลือกให้เข้าร่วมแล้วล่ะก็…พวกเจ้าก็จักประสบความสำเร็จ ได้กลายเป็นศิษย์ของแท่นบูชานั้นๆ! และตราบใดที่พวกเจ้าเข้าร่วมแท่นบูชาใดในจตุรลักษณ์ได้สำเร็จ…ย่อมหมายความว่าพวกเจ้าสามารถเรียกหาตัวเองว่าศิษย์ลัทธิบูชาไฟได้อย่างภาคภูมิใจ!!”

 

เถิงชานกล่าวมาถึงจุดนี้ แววตาของผู้คนมากมายก็เผยประกายมุ่งหวังตั้งมั่นขึ้นมาทันที บางคนยังกำหมัดแน่น บางคนทั่วร่างก็สั่นสู้!

 

“เอาล่ะ ต่อมาพวกเจ้าก็มิต้องทำอันใดมาก เพียงลอยร่างอยู่ที่เดิมนิ่งๆ…และผู้ใดก็ตามที่ถูกเลือก ก็ให้เหินร่างไปรออยู่ด้านหลังอาวุโสประจำแท่นบูชาที่เลือกพวกเจ้าเสีย เมื่อครบคนแล้วก็ค่อยติดตามไปทำการทดสอบที่แท่นบูชานั้นๆ”

 

เถิงชานกล่าวสืบต่อ

 

“อาวุโสเถิงชาน…”

 

และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันส่งเสียงไปหาเถิงชานทันที “ข้าอยากอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬ…ขออาวุโสเถิงชานช่วยส่งเสริมให้ข้าสมหวังด้วย”

 

ได้ยินเสียงที่ต้วนหลิงเทียนส่งมา เถิงชานถึงกับอึ้งจนตัวแข็งไปทันที

 

หากหลี่อันไม่ได้อยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันแน่นอนว่าย่อมต้องเลือกต้วนหลิงเทียนก่อนใครเพื่อน…

 

พลังฝีมือทั้งพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนที่เผยออกมาก่อนหน้านี้ เรียกว่าดึงดูดความสนใจของมันเต็มเปี่ยม!

 

อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออาวุโสหลี่อันกลับอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬนี้ด้วย และมันเองก็มีอำนาจน้อยกว่าอีกฝ่าย มันจึงตัดใจไม่คิดชักชวนต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วม ด้วยเห็นแก่อนาคตของต้วนหลิงเทียน…

 

เพราะถ้าต้วนหลิงเทียนอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬจริงๆ วันเวลาหลังจากนี้ของต้วนหลิงเทียนคงไม่อาจผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นแน่! หลี่อันไม่พ้นต้องมารังควาญและสร้างปัญหาให้เขาจนอยู่ไม่ได้!!

 

อย่างไรก็ตามเถิงชานไม่อาจคิดคาดได้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่หลีกเลี่ยงแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างที่สมควรกระทำ กลับเป็นฝ่ายร้องขอที่จะอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬด้วยตัวเองเสียอย่างนั้น!!

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามิเหมาะอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬหรอก ข้าว่าอย่าเลยดีกว่า…มีอาวุโสหลี่อันอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬแบบนี้ เกรงว่าถึงเจ้าจะเข้าร่วมก็คงไม่เกิดประโยชน์อันใด! เพราะมันต้องหาหนทางสร้างปัญหาให้เจ้าไม่หยุดหย่อน และไม่คิดปล่อยให้เจ้าอยู่ดีแน่!!”

 

เถิงชานรีบกล่าวโน้มน้าว แนะนำต้วนหลิงเทียนทันที

 

ได้ยินคำกล่าวแนะนำนี้ของเถิงชาน ต้วนหลิงเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย

 

เขากับเถิงชานก็ไม่ใช่ญาติสนิทอะไร การที่เถิงซานสามารถกล่าวออกมาแบบนี้ได้ นับว่าหายากนัก!

 

“อาวุโสเถิงชาน ข้าขอกล่าวบอกท่านตามตรง ที่ข้าอยากเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬ เพราะข้าต้องการเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ…ส่วนหลี่อันนั่นข้าไม่เคยกลัวมันแม้แต่น้อย! เพราะตราบใดที่ข้าอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬ อยู่ในลัทธิบูชาไฟแบบนี้! ไหนเลยมันจะกล้าลงมือทำร้ายข้าตรงๆได้!!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอก ‘จุดประสงค์’ ของเขาที่อยากเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬออกไปตรงๆ และยังกล่าวออกด้วยความมั่นใจว่าไม่หวาดกลัวหลี่อัน

 

“จริงอยู่ตราบใดที่เจ้าอาศัยอยู่ในพื้นที่แท่นบูชาเต่าทมิฬมันมิอาจลงมือกับเจ้าด้วยตัวเอง แต่มันก็มีมากมายหลายวิธีที่จักสร้างปัญหาให้กับเจ้า…นอกจากนี้เวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬข้าแม้จะเลิศล้ำ ทว่าก็ยากที่จะมีใครทำความเข้าใจและเพาะสร้างต้นแบบได้…”

 

เถิงชานกล่าวสืบต่อ “เป็นการมิฉลาดเลยที่เจ้าจะเอาอนาคตมาเสี่ยงกับ ‘เวทย์พลัง’ ที่เจ้าเองก็ยังมิรู้ด้วยซ้ำว่าจะทำความเข้าใจจนเพาะสร้างมันได้สำเร็จหรือไม่…เจ้าทบทวนอีกครั้งดีหรือไม่?”

 

ทั้งหมดที่ว่ามาเถิงชานล้วนกล่าวออกมาด้วยความหวังดี หมายชักชวนให้ต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนใจไปเสีย

 

“ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่านอาวุโสเถิงชาน แต่น้ำใจท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจ…ท่านอย่าได้โน้มน้าวข้าอีกเลย เพราะข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว! นอกจากนี้ข้ายังหวังว่าท่านจะส่งเสริมและช่วยเหลือข้า…หากข้าได้เข้าร่วมกับแท่นบูชาเต่าทมิฬ ข้า ต้วนหลิงเทียน ถือว่าติดค้างท่านเรื่องหนึ่ง!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยความมั่นใจ และหลังจากกล่าวออกไปแล้วสีหน้าเขาก็เป็นกังวลไม่น้อยว่าจะสำเร็จหรือไม่

 

“เฮ่อ…เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วข้าก็ไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมเจ้าให้มากความ…มั่นใจได้ ข้าจักพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยให้เจ้าเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬให้จงได้”

 

สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่าติดค้างไว้เรื่องหนึ่ง เถิงชานก็เพียงรับฟังแค่ผ่านๆเท่านั้น ไม่ได้ยึดถือเป็นจริงจังอะไร

 

“ขอบพระคุณท่านมาก อาวุโสเถิงชาน!”

 

เมื่อเห็นว่าเถิงชานตกลงช่วยเหลือ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี รีบประสานมือส่งเสียงกล่าวขอบคุณไปทันที

 

“ทุกท่าน ยังคงใช้กฏเดิมเถอะ…หลังจากผ่านไปอีก 10 ลมหายใจ พวกเราก็มาผลัดกันเลือกผู้คนทีละคน”

 

ภายใต้ทุกสายตา เถิงชานพลันหันไปกล่าวกับอาวุโส 7 คนที่เหลือของแทน่บูชาจตุรลักษณ์

 

ทั้ง 7 คนก็พยักหน้ารับฟัง

 

“เหลืออีก 8 หายใจ ก็จักเริ่มแล้ว…สาธุ อาวุโสแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเลือกข้าเถอะ เลือกข้าเถอะ…”

 

“พุทธองค์ช่วยด้วย! หากข้าน้อยถูกแท่นบูชานกไฟเลือก กลับบ้านไปรอบหน้าข้าจะเปลื้องผ้าฝึกวิชาแก้บนสามวันสามคืน…”

 

ฯลฯ

 

ทันใดนั้นเสียงพึมพำอธิษฐานของผู้คนรอบๆก็ดังระงมขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนที่ได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันอยู่บ้าง ไม่ว่าที่ไหนๆเรื่องพรรค์นี้ก็มีไม่ขาดจริงๆ

 

และ 10 หายใจก็ผ่านพ้นไปในพริบตา…

 

ซัว! ซัว! ซัว!

 

……

 

ภายใต้สายตาวาดหวังของทุกคน ปรากฏลำแสงพลังอ่อนโยน 8 สายพุ่งยิงออกไปยังเป้าหมายที่ได้ทำการเลือกเอาไว้ทันที

 

ลำแสงพลัง 6 สายตกลงบนตัวผู้คนที่แตกต่างกันไป

 

หากทว่ามีลำแสง 2 สายที่พุ่งไปตกยังร่างบุคคลหนึ่ง!

 

หนึ่งในลำแสงพลังอ่อนโยนทั้ง 2 สายที่ตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียนนั้น มาจากเถิงชานที่ต้วนหลิงเทียนร้องขอไว้เป็นพิเศษ

 

ส่วนอีกสายมาจาก…

 

หลี่อัน!