ตอนที่ 1822 ยอมจำนนให้ผมซะ!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1822 ยอมจำนนให้ผมซะ!

“คุณคิดจะทำอะไร?” เห็นชายหนุ่มพรวดพราดออกจากถ้ำ นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงเกิดลางสังหรณ์เลวร้ายขึ้นมาทันที เขาอยากยับยั้งชายหนุ่มไว้ แต่รังสีเย็นเยือกก็พุ่งเข้ามาปะทะ

ภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาควรจะเอาชนะพละกำลังระดับนั้นได้อย่างง่ายดายและตอบโต้ได้ด้วย แต่เพราะอาการบาดเจ็บที่ต้องทนทุกข์อยู่ นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงพบว่าตัวเองไม่อาจสำแดงพละกำลังออกมาได้แม้แต่น้อย

“นักปราชญ์โบราณโม่หลิง, แก ไอ้สารเลว! ผมสาบานว่าผมจะฆ่าคุณทันทีที่ได้พละกำลังกลับคืนมา!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง

“ผมจะรอนะ” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบอย่างไม่แยแสขณะปล่อยพละกำลังต่อไป ตรึงอีกฝ่ายให้ติดอยู่กับผนัง

“วู้วววววว!”

ขณะที่สองนักปราชญ์โบราณกำลังห้ำหั่นกัน เสียงร้องของอสูรมากมายนับไม่ถ้วนก็ดังกึกก้องอยู่นอกถ้ำ ราวกับชายหนุ่มได้จัดการสังหารหมู่ทันทีที่ออกจากถ้ำไป

“ไม่นะ, แก ไอ้สารเลว! ฉันสาบานเลยว่าฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นๆและเผาจิตวิญญาณของแกให้สิ้นซาก!” ได้ยินเสียงร้องโหยหวนเหล่านั้น นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงตัวสั่นด้วยแรงโทสะขณะคำรามกร้าว “พวกแก ไอ้ชั่วช้า! สังหารคนอ่อนแอกว่าแบบนั้นได้อย่างไร? ศักดิ์ศรีของแกอยู่ไหน?”

เสียงของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงดังก้องไปทั่วสันเขา แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้ยินสักนิด

เสียงร้องโหยหวนครวญครางยังคงลั่นระงมต่อไป

ในเมื่อเขาไม่อาจหลบหนีได้ และตะโกนไปก็ไม่มีใครได้ยิน นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงรีบหันไปพูดกับผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ “โม่หลิง คุณก็เป็นนักปราชญ์โบราณ ถึงเราไม่เคยพบกัน แต่ผมก็พอรู้วีรกรรมของคุณและพอจะรู้จักนิสัยใจคอของคุณอยู่บ้าง คุณเป็นคนรักความชอบธรรม และไม่เห็นดีเห็นงามกับการใช้กำลัง แล้ว…คุณจะนั่งมองท่านประธานของคุณฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อย่างนี้น่ะหรือ? สมาคมผู้พยากรณ์จิตวิญญาณตกต่ำถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“คือ…” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก้มหน้าลงอย่างอับอาย

แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าท่านประธานจะพรวดพราดออกไปและใช้พละกำลังเล่นงานอสูรเหล่านั้น ต่อให้ในสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ไม่มีขื่อแป ก็ยังมีกฎเกณฑ์ที่เป็นที่รู้กัน ถ้าเหล่านักปราชญ์โบราณได้รับอนุญาตให้สังหารผู้อ่อนแอกว่าได้อย่างง่ายๆ ทุกอย่างก็คงยุ่งเหยิงไปหมดแน่

แต่ในฐานะบริวาร นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตัดสินใจแล้วที่จะทำตามทุกคำสั่งของชายหนุ่มไม่ว่าคำสั่งเหล่านั้นจะเป็นอะไร ดังนั้น ถึงจะยังแคลงใจ แต่ก็ตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ต้องขอโทษด้วย ผมแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงส่ายหน้าขณะปล่อยพลังออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อตรึงร่างของอีกฝ่ายให้ติดอยู่กับผนัง

“คุณ…” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงโมโหจนเสียงสั่น “ถ้าผมมีชีวิตรอดออกไปได้นะ สาบานเลยว่าผมจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณของคุณ!”

เขาโมโหเดือดเอาจริงๆ

ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่แม้แต่ตัวเขายังรับมือด้วยไม่ไหวทำการสังหารหมู่บรรดาลูกหลานของเขา ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายเหลือเกิน!

นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เป็นผล เสียงร้องโหยหวนครวญครางระงมยังคงดังก้องอยู่ในหู มันยาวนานราวกับชั่วนิรันดร์ ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบกริบ ในตอนนั้น หัวใจของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงเย็นเยียบด้วยความสิ้นหวัง

ไม่ช้า ชายหนุ่มก็กลับมาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

“แก ไอ้สารเลว! แกฆ่าคนของฉัน ทำลายเผ่าพันธุ์ของฉัน ถ้าฉันเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ ฉันจะทำลายทุกสิ่งที่แกรัก คอยดู!” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงร้องโหยหวน ความโกรธเกรี้ยวฉายชัดออกจากดวงตาของเขา พร้อมจะทำลายทุกอย่างที่อยู่ในสายตาให้ราบคาบ

“ฆ่าคนของคุณ?” เห็นนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงออกอาการโมโหเดือด จางเซวียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “คุณคิดมากไปแล้วล่ะ ผมน่ะเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมที่รักความสงบ จะทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้อย่างไร? นักปราชญ์โบราณโม่หลิง ปล่อยเขาออกไป ให้เขาไปเห็นด้วยตาตัวเอง!”

“เอ่อ…” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนพละกำลัง

ตุ้บ!

นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงร่วงลงจากผนัง เขากระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนก่อนจะพรวดพราดออกจากถ้ำ จางเซวียนกับนักปราชญ์โบราณโม่หลิงตามไปติดๆ

ที่ด้านนอกถ้ำ แสงสว่างจากพระจันทร์สีเลือดเปล่งประกาย นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงรีบมองไปรอบๆ เห็นทายาทจำนวนมากมายของเขารวมตัวกันอยู่ด้านนอก ทุกตัวดูสดชื่นและมีชีวิตชีวาดี ต่างกำลังคำรามอย่างพออกพอใจ นัยน์ตาแดงก่ำฉายแววของความตื่นเต้น

“วรยุทธของพวกคุณ…” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงถึงกับผงะ

เขาใช้เวลาเนิ่นนานนับปีไม่ถ้วนกับเหล่าทายาทในสันเขาทุรกันดารแห่งนี้ และรู้ระดับวรยุทธของพวกนั้นดี หลังจากถูกบีบให้ต้องอพยพมายังดินแดนแห่งนี้ ด้วยพลังจิตวิญญาณที่มีอยู่จำกัด จึงถือเป็นพรจากสวรรค์ทีเดียวหากแต่ละตัวยังสามารถรักษาระดับวรนยุทธเดิมเอาไว้ได้ การยกระดับวรยุทธใดๆนั้นเรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย…

แต่ในตอนนั้น อสูรหลายหมื่นตัวต่างฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ พละกำลังและประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก!

โดยเฉพาะสำหรับตัวที่มีความสำคัญในเผ่า ไม่เพียงแต่จะยกระดับวรยุทธได้สำเร็จ ยังดูเหมือนพวกมันจะได้แรงบันดาลใจและภูมิปัญญาบางอย่างด้วย พวกมันดูพร้อมจะก้าวไปสู่วรยุทธขั้นที่สูงขึ้นได้ทันทีที่โอกาสอำนวย

ยิ่งไปกว่านั้น ผิวพรรณของพวกมันก็ไม่ได้ดูซีดเหลืองเหมือนอสูรที่ขาดสารอาหารอีกต่อไป ทุกตัวดูสดชื่น แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยพลังจิตวิญญาณ ราวกับได้เกิดใหม่

เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

“คารวะบรรพบุรุษเก่าแก่!”

อสูรมากมายโค้งคำนับเพื่อแสดงการคารวะนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง

“พวกคุณ…” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงปากสั่น มีคำถามมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ที่ปลายลิ้น แต่ตัวสั่นเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้

อสูรที่พาจางเซวียนมาที่ถ้ำเมื่อครู่นี้โน้มตัวลงกับพื้นและพูดว่า “บรรพบุรุษเก่าแก่, นายท่านของพวกเราคือผู้ที่มีความเมตตากรุณามาก พวกเรายอมจำนนให้เขากันหมดแล้ว เราขอวิงวอนให้คุณรีบตัดสินใจด้วย!”

“พวกคุณยอมจำนนให้เขากันหมดแล้ว?” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงรู้สึกราวกับฝันไป “นี่พวกคุณยอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้วหรือ?”

“ใช่!” เหล่าอสูรพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง พวกมันหันไปมองจางเซวียนและโค้งคำนับให้อีกครั้ง “คารวะนายท่าน!”

“อือ!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะหันกลับไปมองนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง “ว่าอย่างไร? คนของคุณน่ะยอมรับผมเป็นเจ้านายแล้ว และพวกเขาก็พร้อมสนับสนุนให้คุณยอมจำนนให้ผมด้วย ตอนนี้ยังมีอะไรที่คุณต้องลังเลอีก?”

“บรรพบุรุษเก่าแก่ เราขอวิงวอนให้คุณเข้าร่วมกับพวกเรา”

นัยน์ตาของเหล่าอสูรเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

“พวกคุณ…”

นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงรู้สึกเหมือนมีระเบิดลูกย่อมๆอยู่ในศีรษะของเขา เขาถอยไปหลายก้าวขณะจ้องภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ ให้นึกสงสัยว่าสิ่งที่เห็นเป็นความจริงหรือเปล่า

นี่คือชนชั้นนำของเหล่าทายาทของเขา ในครั้งนั้น สมัยที่ทำสงครามกับอำมาตย์เฉินหย่ง อสูรพวกนี้เข่นฆ่าเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวแล้วตัวเล่าอย่างโหดเหี้ยม ไม่หวั่นเกรงการโจมตีใดๆทั้งสิ้น แต่กลับมายอมจำนนให้ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณคนหนึ่ง…

ไม่ใช่นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงเพียงคนเดียวที่มีสีหน้าแบบนั้น แม้แต่นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็ทำหน้าราวกับเห็นผี

นี่ท่านประธานออกจากถ้ำไปนานแค่ไหนกัน?

10 นาที? 20 นาที?

ภายในระยะเวลาอันสั้นแค่นั้น เขาทำให้อสูรหลายหมื่นตัวยอมจำนนได้…

ต่อให้ใครสักคนโปรยอาหารให้ลูกไก่เป็นสิบๆตัว พวกมันก็คงไม่เชื่องเร็วขนาดนั้น ใช่ไหม?

เขารู้แล้วว่าท่านประธานติดตั้งค่ายกลได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำได้เร็วกว่าเดิมเมื่อเป็นเรื่องของการฝึกอสูร!

“บรรพบุรุษเก่าแก่ ถ้าคุณยอมรับเจ้านายของพวกเรา พวกเราจะยกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว…คุณไม่ควรลังเลนะ”

“ความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์ของเราขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้ว ได้โปรดอย่าปฏิเสธความปรารถนาดีของนายท่านเลย”

“ภายใต้การนำของนายท่าน พวกเราจะได้ชำระชื่อเสียงของเราให้ขาวสะอาด ขจัดการดูถูกเหยียดหยามที่เคยได้รับ เผ่าพันธุ์อสูรของเราจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว!”

อสูรมากมายคำราม รับเป็นเสียงเดียวกัน

นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงถึงกับพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้ เขายังคิดว่าเหล่าทายาทของเขาจะยืนหยัดและไม่ยอมจำนนง่ายๆ ใครจะไปคิดว่าพวกนั้นจะยอมแพ้รวดเร็วขนาดนี้?

เท่าที่เห็น หากเขาไม่ตอบตกลง ทายาทของเขาก็คงจะกดดันเขาต่อไปจนกว่าเขาจะยอมแพ้

“คุณรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีเอาไว้ก็เพื่อต้องการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทายาทของคุณ ทำให้พวกเขาได้มีชีวิตอย่างภาคภูมิใจ แต่ผมสามารถให้ในสิ่งที่คุณอยากให้กับเผ่าพันธุ์ของคุณได้นะ ยอมรับผมเป็นเจ้านายของคุณซะ ผมสาบานว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง!” จางเซวียนพูด

“ผมจะไม่บีบบังคับให้คุณตัดสินใจตอนนี้ แต่ผมมีเทคนิควรยุทธที่ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณฟื้นคืนพละกำลังกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม แต่จะยังสามารถสำแดงประสิทธิภาพการต่อสู้อันน่าทึ่งออกมาได้อีกด้วยโดยไม่จำเป็นต้องใช้ลาวาในถ้ำ”

ยังไม่ทันที่นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงจะได้ตอบโต้ ก็รู้สึกได้ถึงอาการกระตุกในหัวสมอง เทคนิควรยุทธใหม่เอี่ยมปรากฏขึ้นในสมองของเขา

“เอ่อ…”

เมื่ออ่านรายละเอียด ร่างของนักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงสั่นสะท้านไม่หยุด เขาตื่นเต้นเสียจนพูดอะไรไม่ออก