ตอนที่ 567 ไล่ล่าตลอดทาง โดย Ink Stone_Fantasy
ทั้งสองไล่ล่ากันไม่นาน ก็ผ่านพื้นที่ราบเรียบตรงนั้น และอยู่ห่างจากยอดเขาที่หลิ่วหมิงอยู่ไม่ไกลแล้ว
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูจากแนวโน้มในตอนนี้ ดูเหมือนว่านางคิดที่จะล่อให้คนผู้นี้มาทางเขา
เขาไม่อยากจะต่อสู้กับอสูรมายาร่างมนุษย์ที่น่ากลัวระดับนี้ จึงกระตุ้นท่ามือในทันที เพื่อคิดที่จะแอบหนีเอาตัวรอด
แต่ทว่าเมื่อร่างของหลิ่วหมิงเพิ่งจะทะยานขึ้นไปเล็กน้อย หญิงสาวก็บิดตัวในฉับพลัน พอโบกมือข้างหนึ่ง มีดบินในมือก็กลายเป็นมังกรสีขาวกระโจนไปยังด้านหลัง
ชายหนุ่มชุดสีทองที่อยู่ด้านหลัง ก็ฟันมังกรจนแตกสลายอีกครั้งในกระบี่เดียว
ขณะนี้ หญิงชุดม่วงกลับทำท่ามือด้วยมือเดียวในฉับพลัน หลังจากเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อยแล้ว ก็พุ่งมาหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วของนางเร็วกว่าก่อนหน้านั้นหนึ่งเท่าขึ้นไป
หลิ่วหมิงแอบร้องทุกข์ด้วยใจที่เย็นสะท้าน
ตอนนี้อยู่ห่างจากเวลาที่วังมายานภาหยกจะปิดตัวลงแค่สามวันเท่านั้น เพียงแค่ปลอดภัยในสามวันนี้ ด้วยมุกนภาหยกที่ตนเองมีอยู่ คาดว่าคงจะแลกอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดหรือวัสดุล้ำค่ามาได้ไม่น้อยแล้ว
และหากเขาถูกเตะออกไปจากวังมายานภาหยก ย่อมเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน
ยันต์จำนวนมากในมือหลิ่วหมิงระเบิดออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็กลายเป็นอักขระสีเขียวจมหายเข้าไปในร่างเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน หลังจากมีเสียงมังกรร้องออกมา ไอดำก็พวยพุ่งบนตัวของเขา พอร่างของเขาพร่ามัว ก็กลายเป็นเงาร่างสีดำจางๆ พุ่งยิงออกไปด้านข้าง
แต่ขณะนั้นเอง กลับมีเสียงหัวเราะเบาๆ ของหญิงสาวดังขึ้นตรงด้านหลังของเขา
“พี่หลิ่วช่างใจแข็งเสียจริง ไม่มีความเห็นอกเห็นใจกันบ้างเลย คิดไม่ถึงว่าจะจากไปง่ายๆ เช่นนี้!”
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง เงาร่างชายหนุ่มชุดสีทองที่อยู่ด้านหลังก็พร่ามัวในฉับพลัน จากนั้นก็อยู่ห่างจากหญิงสาวไม่กี่จั้ง และพอยกมือขึ้น แสงกระบี่สีทองก็ฟันออกไป
หญิงสาวชุดม่วงกลับสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยอาวุธจิตวิญญาณออกมาสามชิ้น และทำท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ตู้ม!” “ตู้ม!” “ตู้ม!” เสียงระเบิดดังติดต่อกันสามครั้ง
คลื่นพลังจิตวิญญาณตรงด้านหลังของนางดุเดือดรุนแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แสงกระบี่สีทองถูกต้านทานไว้ภายใต้การระเบิดตัวของอาวุธจิตวิญญาณทั้งสามชิ้น ชายหนุ่มชุดสีทองเองก็ถูกบีบจนต้องหยุดชะงักเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน พอหญิงสาวชุดม่วงพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง สิ่งของแวววาวก็ปรากฏออกมา จากนั้นแสงสีขาวก็เปล่งประกาย ร่างของเขากระพริบหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีคลื่นก่อตัวขึ้นด้านข้าง พอแสงสีขาวเปล่งประกาย เงาร่างพร่ามัวก็ปรากฏออกมา ที่แท้นางก็คือหญิงสาวชุดม่วงที่เดิมทีอยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้งนั่นเอง
ไม่รู้ว่านางใช้วิธีการอันใด ถึงมาปรากฏตัวอยู่ด้านข้างเขาในพริบตา และกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“พี่หลิ่ว คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะพบกันอีกแล้ว”
แต่ทว่าสีหน้าของหลิ่วหมิงในตอนนี้ดูไม่ได้สักเท่าไหร่
เพราะว่าชายหนุ่มชุดสีทองเพียงแค่เคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของทั้งสองสิบกว่าจั้งอย่างน่าประหลาดใจ หลิ่วหมิงยังไม่ทันเอ่ยปาก เขาก็ยกกระบี่ในมืออย่างช้าๆ ปราณกระบี่สีทองสลัวๆ ที่ยาวสิบกว่าจั้งม้วนตัวออกไป อานุภาพของมันน่าตกใจเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงเองก็มีท่าทีตอบสนองรวดเร็วมาก ดูเหมือนว่าในขณะที่แสงกระบี่ตรงด้านหลังปรากฏออกมา ร่างของเขาก็พุ่งออกไปทันที ขณะเดียวกัน พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีแดงก็ปรากฏอยู่ในมือ เมื่อปล่อยพลังเวทเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง มันก็กลายเป็นแสงสีแดงที่มีขนาดห้าหกจั้งและพุ่งออกไปรับมือไว้
และตัวเขาเองกลับกลายเป็นกลุ่มแสงพุ่งออกไปไกลๆ
อากาศตรงด้านหลังของเขา แสงกระบี่สีทองกับสีแดงประสานเข้าด้วยกัน และส่งเสียงปะทะกันดังออกมาอยู่ตลอดเวลา
หญิงสาวชุดม่วงที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ ก็ค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นมา ขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นแสงหลบหลีกสีม่วงตามติดหลิ่วหมิงไป
และขณะนั้นเอง พอแสงกระบี่สีแดงส่งเสียงร้องออกมา ก็ถูกแสงสีทองปั่นจนแตกกระจาย และกลายเป็นกระบี่เล็กพุ่งยิงไปทางหลิ่วหมิง
ภายใต้การเชื่อมจิตของหลิ่วหมิง เขารู้สึกใจเย็นสะท้านขึ้นมาทันที พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีแดงก็ถูกเก็บเข้าไปด้านใน
เพียงแค่การแลกมืออย่างง่ายๆ หลิ่วหมิงก็ค้นพบว่าเงาร่างชายหนุ่มชุดสีทองเก่งกาจกว่าที่เขาคิดไว้มาก
แม้ว่าอสูรมายาร่างมนุษย์นี้ จะมีการฝึกฝนแค่ระดับของเหลวขั้นปลาย แต่พลังที่แท้จริงกลับน่ากลัวกว่าอสูรมายาระดับผลึกขั้นปลายที่เขาเคยสังหารในก่อนหน้านั้นหนึ่งเท่ากว่า คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขารู้สึกกดดันราวกับเผชิญหน้ากับราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ระดับแก่นแท้
ที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือ ชายหนุ่มชุดสีทองผู้นี้ยังเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ด้วย ไม่รู้ว่าฝึกฝนวิชากระบี่ชนิดใด แสงกระบี่ที่ดูเหมือนจะสะบัดออกมาอย่างง่ายดายในแต่ละครั้ง กลับหนาแน่นเป็นอย่างมาก อานุภาพเกรียงไกรยิ่งนัก
กระบี่ในเมื่อครู่ แม้เขาจะใช้พลังเจ็ดแปดส่วนของของวิชาขี่กระบี่อย่างรีบร้อน แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามทำลายอย่างง่ายดายเช่นนี้ มันยังคงเหนือความคาดหมายของเขามาก
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดสีทองก็ทะยานขึ้นฟ้าตามติดอย่างไม่ลดละ ขณะเดียวกันก็ฟันกระบี่ออกไปอย่างเงียบๆ แสงกระบี่สีทองม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิงทั้งสองด้วยความเร็วที่เร็วกว่าก่อนหน้านั้นมาก ผ่านไปไม่กี่อึดใจก็มาปรากฏอยู่บริเวณด้านหลังของทั้งสอง
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าร่างกายหนักขึ้นมา ความรู้สึกกดดันอันแข็งแกร่งพุ่งเข้ามาจนไม่อาจหลบหลีกได้ ภายใต้การครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็กัดฟันหมุนตัวกลับมา และสะบัดแขนทั้งสองทันที
ไอดำพวยพุ่งออกจากร่างของเขาในทันที ลวดลายจิตวิญญาณสีดำกระพริบอยู่บนแขนทั้งสอง เกล็ดมังกรสีแดงปรากฏออกมาเป็นชั้นๆ มือทั้งสองต่างก็กุมมุกพลังวารีไว้ข้างละเม็ด และชกใส่แสงกระบี่สีทองจนกระเด็นออกมาไป ทันใดนั้นเงากำปั้นสีดำสลัวๆ สองกลุ่มก็พุ่งยิงออกไป
“ตู้ม!” “ตู้ม!”
ภายใต้การเสริมพลังจากมุกพลังวารี ทำให้เงากำปั้นสีดำมีน้ำหนักเป็นอย่างมาก หลังจากโจมตีแสงกระบี่สีทองจนกระเด็นออกไปแล้ว ก็ยืดเยื้อกันอยู่ครู่หนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็กระตุ้นพลังเวทในร่างอย่างสุดความสามารถ พอมือทั้งสองกระตุ้นพลังมหาศาลและค้ำยันเอาไว้ จึงพอที่จะทำให้แสงกระบี่สีทองเปลี่ยนแปลงทิศทางเล็กน้อย และพุ่งไปอีกด้านหนึ่ง
และในขณะเดียวกัน พอมือทั้งสองของหลิ่วหมิงสั่นสะท้าน พลังมหาศาลก็พุ่งมาจากแสงกระบี่สีทองที่ถูกโจมตีกระเด็นออกไป ทันใดนั้น เกล็ดมังกรแดงบนมือกลับค่อยๆ ระเบิดออกมา และโลหิตสดๆ ก็หยดลงมา
สิ่งที่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปยิ่งกว่าเดิมก็คือ ลมปราณและโลหิตในร่างพวยพุ่งจนเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงภายในเส้นลมปราณตามจุดต่างๆ ประจักษ์ชัดว่าหากฝืนรับแสงกระบี่สายที่สองต่อล่ะก็ เกรงว่าจะต้องบาดเจ็บเล็กน้อยแล้ว
ความสามารถในการฝึกกระบี่ของชายหนุ่มชุดสีทองร้ายกาจถึงระดับนี้ นับว่าหญิงสาวชุดม่วงโชคดีมากที่หลบหนีมาได้จนถึงตอนนี้โดยไม่มีบาดแผลใดๆ เลย และยังไม่ถูกเตะออกไปจากวังมายานภาหยกด้วย
และช่วงเวลาที่หลิ่วหมิงปะทะกับแสงกระบี่สีทองนั้น หญิงสาวชุดม่วงที่กลายร่างเป็นแสงหลบหลีกสีม่วง ก็พุ่งออกห่างไปสามสิบกว่าจั้งแล้ว
ดูท่านางคงคิดที่จะพาหลิ่วหมิงเข้ามาพัวพันด้วย จากนั้นตนเองก็จะหลบหนีลอยนวลไป
หลิ่วหมิงหยิบโอสถรักษาบาดแผลออกจากเอวอย่างรวดเร็ว หลังจากกลืนลงไปแล้วก็กระตุ้นเคล็ดกระบี่แสดงวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่ง และกลายเป็นแสงสีแดงพุ่งตามนางไป
จะว่าไปแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งใช้สำหรับไล่ล่าศัตรู แต่ทว่าในขณะนี้ตนเองได้แต่อาศัยวิธีการเช่นนี้เพื่อเพิ่มความเร็วแล้ว หวังว่าจะมีโอกาสอันน้อยนิดที่สามารถหลุดพ้นไปจากฝ่ามือของคนผู้นี้ได้
ชายหนุ่มชุดสีทองยังคงตามติดอย่างไม่รีบร้อน ทันใดนั้นแสงกระบี่ก็ปรากฏในมืออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และฟันไปยังอากาศตรงด้านหลังของหญิงสาวชุดม่วง
ภายใต้การใช้พลังจิตกวาดดูของหลิ่วหมิง เขาก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง โล่เก้ากระโหลกที่ถูกจับไว้แน่น ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
แม้หญิงสาวชุดม่วงจะหลบหนีได้รวดเร็วมาก และยังอยู่ไกลกว่าหลิ่วหมิงหลายสิบจั้ง แต่ความเร็วของแสงกระบี่ก็เหนือความคาดหมายของเขามาก มันพร่ามัวแค่ทีเดียว ก็มาปรากฏอยู่ห่างจากด้านหลังของหญิงสาวเพียงลัดมือเดียว
หญิงสาวชุดม่วงย่อมรับรู้ถึงแสงกระบี่ที่ปรากฏตรงด้านหลัง แม้นางจะไม่ยินยอม แต่ก็ได้แต่หยุดชะงักลงและบิดตัวอย่างรวดเร็ว นางรีบสะบัดแขนเสื้อในทันที จากนั้นยันต์สีฟ้าปึกหนึ่งก็ค่อยๆ พุ่งยิงออกไป
เมื่อยันต์สีฟ้าปะทะกับแสงกระบี่ มันก็ค่อยๆ ระเบิดออกมาเป็นจุดแสงสีฟ้าก่อนที่จะสลายไป
และในช่วงระหว่างเวลานั้น หลิ่วหมิงก็ตามมาทัน และเกือบจะเคียงบ่ากับนางแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าพี่หลิ่วจะรับการโจมตีของคนผู้นี้โดยตรง ช่างมีพลังไม่ธรรมดาจริงๆ” หญิงสาวชุดม่วงมองหลิ่วหมิงทีหนึ่ง และส่งเสียงเข้ามาในฉับพลัน
“ก่อนหน้านั้นข้าก็แค่ผ่านมาที่นี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ต้องขอบคุณแม่นางด้วย ตอนนี้จำต้องหนีตลอดทางแล้ว” หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัด และตอบกลับไปอย่างไม่เห็นว่าจะเป็นเช่นนั้น
“เดิมทีข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่หลิ่วเข้ามาพัวพันด้วย เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนั้นคับขันมาก หวังว่าพี่หลิ่วจะให้อภัย ตอนนี้ไม่สู้พวกเราทั้งสองร่วมมือกัน บางทีอาจจะหาโอกาสหลบหนีได้ ไม่ทราบพี่หลิ่วมีความเห็นว่าอย่างไร?” หญิงสาวชุดม่วงได้ยินกลับหัวเราะอิๆ แล้วกล่าวออกมา
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นขึ้นมา เขาไม่ได้ตอบรับในทันที พอกระตุ้นเคล็ดวิชา ปราณกระบี่สีแดงบนตัวก็พุ่งขึ้นมา จากนั้นความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
พอนางเห็นหลิ่วหมิงไม่ตอบรับ ก็ไม่คิดที่จะเร่งรัดแต่อย่างใด แต่กลับกระตุ้นเคล็ดวิชาตามไป
เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งสองหลบหนีอยู่ในป่าหินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาแล้ว และยอดเขาแต่ละลูกที่อยู่ด้านหลัง ก็ถูกแสงกระบี่สีทองฟันจนขาด
ไม่ว่าทั้งสองจะแสดงวิชาเพิ่มความเร็วอย่างไร เงาร่างชายหนุ่มชุดสีทองกลับตามติดอย่างไม่ลดละราวกับหนอนแมลงวันในไขข้อกระดูก
ในระหว่างเวลานั้น หญิงสาวชุดม่วงเคยปล่อยมีดเล็กสีขาวให้กลายเป็นมังกรออกไปต้านทานอยู่หลายครั้ง แต่มันแค่ทำให้ชายหนุ่มชุดสีทองลดความเร็วลงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่นานก็ตามมาทัน
หลิ่วหมิงก็ใช้วิชาหนึ่งจิตสองพลัง ด้านหนึ่งหลบหนี ด้านหนึ่งก็ลองกระตุ้นทรายทองคำร่วง เพื่อคิดที่จะขังชายหนุ่มชุดสีทองไว้ในค่ายกลทราย แต่ค่ายกลทรายยังไม่ทันก่อตัว ก็ถูกแสงกระบี่ในมือชายหนุ่มฟันจนขาด
นอกจากนี้เขาก็เคยกระตุ้นเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬด้วย แต่มังกรกับพยัคฆ์ที่กลายร่างมาจากไอหมอกดำ ก็เป็นเหมือนกับมังกรสีขาวที่กลายร่างมาจากมีดบินปีกตาข่ายของหญิงสาวชุดม่วง โดยที่ไม่อาจต้านทานแสงกระบี่ของชายหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากทั้งสองหลบหนีออกไปราวๆ สิบกว่าลี้ ก็มาถึงจุดสิ้นสุดของเทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกัน
ทิวทัศน์ตรงหน้าเปลี่ยนไปในทันที กลายเป็นพื้นที่เปล่าเปลี่ยวและกว้างสุดลูกหูลูกตา พอมองออกไป สามารถมองเห็นก้อนหินยักษ์สีขาวเทาสองสามก้อนได้อย่างลางๆ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งใดบดบังอีก
ขณะนี้ หากทั้งสองหนีไปด้านหน้า ก็ไม่มีสถานที่สำหรับหลบซ่อนแล้ว
หลังจากหลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็ฉีกยันต์สองผืนอย่างรวดเร็ว แสงสีดำบนตัวสว่างขึ้นมา ความเร็วก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
ลูกตางดงามของหญิงสาวชุดม่วงเปล่งประกายเล็กน้อย และไม่รู้ว่านางแสดงวิธีการใดออกมา แสงหลบหลีกของนางจึงตามติดหลิ่วหมิงอย่างไม่ลดละ
………………………………