บทที่ 1123 ปิดด่านใต้ดิน โดย Ink Stone_Fantasy
ตูมตูมตูม!
กลางใต้ดินมีหินหลอมไหลบ่า อี้อวิ๋นนั่งขัดสมาธิอยู่กลางบ่อหินหลอม หินหลอมสีทองเข้มจมเหนือศีรษะจนทั้งร่างจมอยู่ใต้หินหลอม
หินหลอมเหล่านี้ไม่ใช่แค่ร้อนแผดเผา กฎแห่งหยางบริสุทธิ์อันรุนแรงที่แฝงอยู่ภายในก็มีพิษร้อนปะปน ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ระดับวังวิถีจะถูกพิษซึมเข้าร่างเมื่อแช่อยู่ในหินหลอมเป็นเวลานาน
แต่อี้อวิ๋นมีร่างหยางบริสุทธิ์อยู้แล้ว ในร่างยังมีไม้เทพไม้ฟ้า สิ่งเหล่านี้ช่วยกำจัดพิษร้อนได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงนั่งลงในบ่อหินหลอมโดยไม่กังวลและดูดซึมพลังหยางบริสุทธิ์ภายใน
ตอนที่อี้อวิ๋นเข้าสู่ระดับวังวิถีก่อนหน้านี้ก็คือการฝืนข้ามผ่านระดับ ต่อมาก็เผาแก่นโลหิตเพื่อสังหารคนทั้งสามจากวังวิถีเจ็ดดารา หากเขาไม่รีบตีระดับให้แน่นก็จะทำให้รากฐานไม่มั่นคง วิถียุทธ์ในอนาคตจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
พลังหยางบริสุทธิ์ในบ่อหินหลอมนี้มีอย่างไร้จำกัด เป็นสถานที่ฝึกฝนรักษาตัวชั้นยอดสำหรับอี้อวิ๋นพอดี
ขณะเดียวกันปราณเกราะของอี้อวิ๋นก็ยังคงห่อหุ้มร่างหลิงเสียเอ๋อร์
เวลาผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว หลิงเสียเอ๋อร์ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น แต่ร่างวิญญาณของนางหนาแน่นกว่าก่อนหน้านี้มาก
ใช้เพลิงรักษาเพลิง เดิมทีเชื้อเพลิงเทพมารก็เป็นเปลวเพลิงที่เกิดจากฟ้าดิน เพลิงหินหลอมนี้จึงย่อมเป็นสารอาหารที่หล่อเลี้ยงนางได้
ขณะที่อี้อวิ๋นฝึกฝนก็คอยดูสถานการณ์ของหลิงเสียเอ๋อร์อยู่ตลอด
เขาผสานร่างกับเชื้อเพลิงเทพมารจึงมีความเชื่อมโยงพิเศษกับหลิงเสียเอ๋อร์ เขารู้อาการของหลิงเสียเอ๋อร์ทะลุปรุโปร่ง ปราณเกราะของอี้อวิ๋นคอยควบคุมปริมาณพลังหยางบริสุทธิ์ของหินหลอมอย่างแม่นยำ ควบคุมให้พลังเหล่านี้อยู่ในขอบเขตที่หลิงเสียเอ๋อร์รับไหว
การฝึกฝนไม่รู้กาลเวลา อี้อวิ๋นจมดิ่งอยู่กับการฝึก เวลาว่างที่เหลือก็ใช้ไปกับการรักษาหลิงเสียเอ๋อร์
นอกจากพวกผู้อาวุโสจี คนที่รู้ว่าอี้อวิ๋นอยู่ที่นี่ก็ตายไปหมดแล้ว อี้อวิ๋นไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าการปิดด่านฝึกตนของเขาจะมีคนรบกวน ที่ใจกลางพิภพนี้มีเสียงหินหลอมไหลบ่าให้ได้ยินทั้งวัน มันทำให้จิตอี้อวิ๋นสงบลงอย่างประหลาด
อี้อวิ๋นรู้ว่าอันตรายของสำนักกระบี่สระใสยังไม่หายไป การเดินทางในทะเลทรายกลบอาทิตย์ครั้งนี้ รองประมุขจากวังวิถีเจ็ดดาราสี่คนและทูตจาอีกหลายคนล้วนตายลงที่นี่ พลังของวังวิถีเจ็ดดาราหายไปกว่าครึ่ง หากพวกเขาจะวางแผนจัดการสำนักกระบี่สระใสก็เกรงว่าคงทำไม่ได้ดั่งใจ
อีกอย่างสำนักกระบี่สระใสก็มีค่ายกลโบราณปกป้อง หากจะโจมตีก็ไม่ง่ายถึงเพียงนั้น
ส่วนหลิงเสียเอ๋อร์ สถานการณ์ของนางทำให้ใจอี้อวิ๋นต้องกลัดกลุ้ม หลิงเสียเอ๋อร์เป็นร่างวิญญาณ เชื้อเพลิงเทพมารที่เป็นร่างจริงของนางผสานกับอี้อวิ๋นไปแล้ว แต่ร่างวิญญาณนี้อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้นางฟื้นฟูเต็มร้อย
เสียงดังสนั่นจากใต้ดินของทะเลทรายกลบอาทิตย์ค่อยๆ หายไป การเคลื่อนไหวของทรายบนพื้นผิวกลบฝังความเคลื่อนไหวทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เหล่าจอมยุทธ์จากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่มาตามหาสมบัติไม่รู้แม้แต่น้อยว่าทะเลทรายกลบอาทิตย์เกิดอะไรขึ้น พวกเขายังคงตามหาบนทะเลทรายต่อไป
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ เมื่อจอมยุทธ์บางคนไม่เจออะไรก็ยอมแพ้ในที่สุด แต่ก็มีคนพยายามตามหาด้วยสาเหตุต่างๆ หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์
ต่อให้ไม่อาจได้วิญญาณหยางที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ แต่หากเจอวัตถุที่มีค่าเทียบเท่าวิญญาณหยางสักครึ่งหนึ่งก็เพียงพอให้ชะตาชีวิตพวกเขาพลิกผันแล้ว
……
“ศิษย์น้องหก ตามหาอีกสักเดือนแล้วเจ้าก็พาพวกอู๋ซวี่กลับไปที่สำนักเถอะ ข้าจะอยู่หาต่อเอง”
กลางทะเลทรายกลบอาทิตย์มีเงาร่างเจ็ดแปดร่างเดินอยู่ ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ที่เป็นหัวหน้ามีคลื่นพลังปราณบางๆ ส่องกระพริบบนร่างเพื่อตัดขาดจากทรายและไอร้อนที่อยู่ไปทั่ว
ด้านหลังเขามีเด็กรุ่นเยาว์ทั้งชายและหญิงห้าหกคนเดินตาม มีหญิงอายุประมาณสามสิบที่สวมชุดกระโปรงสีดำ หญิงคนนี้ก็คือศิษย์น้องหกที่ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดถึง
คนกลุ่มนี้มาจากสำนักเล็กๆ ในแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ ชื่อว่าสำนักหม้อชาด
แคว้นสรรพสิ่งอยู่ติดกันกับแคว้นจง ตรงกลางมีทะเลทรายกลบอาทิตย์กั้นอยู่ คนจากสำนักหม้อชาดมาจากอีกฟากหนึ่งของทะเลทราย
นับจากที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์เกิดปรากฏการณ์ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน สำนักหม้อชาดก็มาหาวัตถุล้ำค่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้สำนักตัวเองเหมือนกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ยังไม่เจออะไร
หนึ่งปีมานี้ปรากฏการณ์ที่เดิมทีครอบคลุมพื้นที่เป็นล้านลี้ก็เหมือนจะหายไป มันไม่มีความเคลื่อนไหวมานานมากแล้ว
กลุ่มอิทธิพลบางส่วนตัดสินใจถอนตัว สาเหตุเป็นเพราะพวกเขาพบว่าสองสามเดือนมานี้พลังหยางในทะเลทรายกลบอาทิตย์กำลังอ่อนแอลง พวกเขาสงสัยว่าสมบัติคงหนีไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่ามีคนได้สมบัติไปพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ หนึ่งเพราะพวกเขาไม่ต้องการเชื่อว่ามีใครได้โอกาส สองเพราะหนึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขาพยายามตามหาทั่วทะเลทรายกลบอาทิตย์อยู่ตลอดก็ไม่เห็นว่าที่ตั้งสมบัติจะปรากฏ
ดังนั้นคนที่มารวมตัวในทะเลทรายกลบอาทิตย์จึงมีน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้มีคนไม่ถึงหนึ่งส่วนของช่วงที่รุ่งเรือง
ชายวัยกลางคนร่างใหญ่ผู้นี้กับศิษย์น้องหกฝึกยุทธ์ด้วยกันมาหลายปี มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ตอนนี้พวกเขาพาเด็กรุ่นเยาว์ของสำนักหม้อชาดมาสำรวจที่นี่ มีความตั้งใจที่จะให้พวกเขาได้ฝึกฝนเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้ผลลัพธ์อะไรมาตลอดหนึ่งปี ใจของหญิงชุดกระโปรงดำเกิดความคิดที่จะยอมแพ้ขึ้นจริงๆ แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของท่านเจ้าสำนักในเวลานี้แล้วนางก็สะบัดหัวไล่ความคิด
“ตามหาต่อไปเถอะ เจ้าสำนักหมดสติมานานสิบปี จะปล่อยให้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายไปตลอดก็ไม่ใช่ทางออก ต้องหาวัตถุดิบล้ำค่าจึงจะช่วยท่านเจ้าสำนักได้ หากไม่มีเจ้าสำนัก สำนักเล็กๆ ของเราก็ถูกทำลายได้ทุกเมื่อ”
หากไม่ใช่เพื่อช่วยท่านเจ้าสำนัก พวกเขาก็คงไม่มาที่ทะเลทรายกลบอาทิตย์
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่นิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินคำของหญิงกระโปรงดำ เด็กรุ่นเยาว์ที่พวกเขาพามาต่างมีสีหน้าเศร้าโศกและไม่สบายใจเช่นกัน
สาวน้อยชุดเหลืองไข่ห่านผู้หนึ่งก้มศีรษะลงมากกว่าใคร ดวงตานางแดงเล็กน้อย
เฮ้อ ช่างน่าอนาถจริงๆ เจ้าสำนักไม่ได้สติ ตัวสำนักอยู่ในอันตราย พวกเขามาทะเลทรายกลบอาทิตย์ก็ยังไม่ได้อะไรอีก…
“ศิษย์น้องหรูเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้อีกแล้วเล่า!” ศิษย์คนหนึ่งพูดเสียงดัง
หรูเอ๋อร์รีบสูดจมูกแล้วรีบส่ายหน้าพูดว่า “ข้าเปล่า…”
“เอาล่ะๆ” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่มองหรูเอ๋อร์แล้วก็ไม่สบายใจ ตัวเขาเป็นอาจารย์แต่กลับไม่อาจกุมท้องฟ้าให้ศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านี้
“ตามนี้ เราจะค้นหาต่ออีกหนึ่งเดือน” ชายวัยกลางคนร่างใหญ่พูด
ในตอนนี้เองจู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นจากใต้เท้า
ทะเลทรายกลบอาทิตย์นิ่งสงบมานาน คนจากสำนักหม้อชาดตื่นตกใจเมื่อจู่ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือน
แต่ครั้งนี้การสั่นสะเทือนกลับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ตรงกันข้าม มีแรงสั่นที่แรงยิ่งขึ้นส่งมาจากใต้ดิน
ฟิ้ว!
เสียงแหลมเสียงหนึ่งดังออกจากใต้ดินมาเสียดแทงแก้วหู!
ทันใดนั้นลมและก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็รวมตัวกันประหนึ่งถูกเสียงนี้ชักนำ
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่รีบสั่งให้ศิษย์รุ่นเยาว์บินขึ้นกลางอากาศเพื่อคุมร่างให้มั่นคง
……………………………………………………………………………………………………