ตอนที่ 1126 เงื่อนไข

True Martial World พิภพเทพยุทธ์

บทที่ 1126 เงื่อนไข โดย Ink Stone_Fantasy

“หรูเอ๋อร์ เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ!”

ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงชุดกระโปรงดำตื่นตกใจ ก่อนหน้านี้หรูเอ๋อร์คุกเข่าลงก็มากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะพูดคำเช่นนี้อีก

แต่หรูเอ๋อร์กลับกัดฟันพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ท่านพ่อเป็นเช่นนี้ก็เพราะช่วยข้า สำนักหม้อชาดตกอยู่ในอันตรายก็เพราะข้าอีกเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนออกมาตามหาโอสถจนตกอยู่ในดินแดนอันตรายที่ออกไปไม่ได้ หากท่านผู้อาวุโสมีจิตเมตตายอมเอาชีวิตข้ามาแลกทางรอดของทุกคน เช่นนั้นหรูเอ๋อร์จะรู้สึกขอบคุณไปชั่วชีวิต”

สิบปีมานี้หรูเอ๋อร์ต้องมองท่านพ่อที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง นางจมอยู่กับความรู้สึกผิดมาโดยตลอด รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบาปของสำนักหม้อชาด หากทำสิ่งใดให้ท่านพ่อให้สำนักหม้อชาดได้บ้าง เช่นนั้นต่อให้ต้องตายนางก็ยินดี

“หนูเอ๋อร์ เจ้าพูดบ้าอะไรน่ะ!” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่กับหญิงชุดดำรีบทำความเคารพให้อี้อวิ๋น “หรูเอ๋อร์อายุน้อยไม่รู้ความ ท่านผู้อาวุโสโปรดอย่าได้ถือสา”

ผู้ยิ่งใหญ่ที่แช่หินหลอมได้เหมือนอาบน้ำไม่รู้อยู่มากี่หมื่นปี พลังยุทธ์ไร้ขีดจำกัด แค่โบกมือง่ายๆ ก็ทำให้พวกเขากลายเป็นผุยผงได้แล้ว เงื่อนไขอันน้อยนิดแค่นี้ของหรูเอ๋อร์จะนับเป็นอะไรได้สำหรับเขา?

หากเขามีความคิดต้องการไม้เลี้ยงวิญญาณจริงๆ เช่นนั้นหรูเอ๋อร์ก็เป็นแค่ของหวานหลังจากที่เขากินไม้เลี้ยงวิญญาณ

เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นเร็วมาก อี้อวิ๋นมองภาพเหตุการณ์แล้วก็ตะลึงไปชั่วครู่ เขาคิดไม่ถึงว่าคำถามสองสามประโยคของเขาจะทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้จนคนจากสำนักหม้อชาดหวาดกลัวถึงขีดสุด ส่วนสาวน้อยที่ชื่อหรูเอ๋อร์ก็คุกเข่าไม่ยอมลุก ทั้งยังสาบานว่ายินยอมเป็นทาสรับใช้ของเขา ขอเพียงแค่เขาส่งคนเหล่านี้ออกจากที่นี่

พูดตามตรงแล้วที่นี่ก็เกิดจากการฝึกยุทธ์ของอี้อวิ๋น พวกเขาเข้าสู่ที่นี่อย่างไม่ตั้งใจและออกไปไม่ได้ อี้อวิ๋นสมควรที่จะส่งพวกเขาออกไปอยู่แล้ว จำเป็นต้องมีอะไรตอบแทนที่ไหนกัน

อี้อวิ๋นมีสีหน้าประหลาดอย่างอดไม่ได้เมื่อคิดถึงตรงนี้ เรากลายเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?

คิดดูอย่างละเอียด ความจริงเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ระดับยุทธ์และพลังเขาก็พัฒนาวันละพันลี้ เขาไม่ใช่คนที่ถูกผู้อื่นมองเป็นเด็กอีกต่อไป แต่เป็นผู้อาวุโสที่มีวิชาลับทำให้ดูหนุ่ม

ในโลกของจอมยุทธ์ที่มีความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ ผู้อาวุโสที่ควบคุมความเป็นความตายของผู้อื่นได้อย่างสบายๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคำข่มขู่ เพียงแค่ถามไม่กี่ประโยคก็เพียงพอให้คนอื่นกลัวแล้ว

อี้อวิ๋นพูดอย่างหัวเราะร้องไห้ไม่ออกว่า “เจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรพวกเจ้า”

อี้อวิ๋นโบกมือ พลังหยางบริสุทธิ์สายหนึ่งพุ่งมาพยุกหรูเอ๋อร์ให้ลุกขึ้น

ดินแดนอันตรายแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังหยางบริสุทธิ์ที่คนอื่นยากจะต้านทาน แต่ที่แปลกคือพลังหยางบริสุทธิ์ที่อี้อวิ๋นส่งออกมากลับให้ความรู้สึกอบอุ่น เมื่อห่อหุ้มลงบนร่างก็รู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง

อี้อวิ๋นเห็นว่าแขนอันอ่อนนุ่มของหรูเอ๋อร์ถูกลวกจนแดง เนื้อหนังก็ถลอกปอกเปิด ผิวที่ขาวละเอียดมามีบาดแผลเช่นนี้ก็น่าสงสาร

อี้อวิ๋นโบกมือดูดพิษร้อนทั้งหมดในร่างหรูเอ๋อร์ออกมา จากนั้นก็ส่งพลังปราณอันอบอุ่นเข้าไป แผลที่แขนหรูเอ๋อร์สมานกันด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

นี่…

หรูเอ๋อร์ตกตะลึง เดิมทีนางคิดว่าผู้อาวุโสที่เก็บตัวฝึกฝนเงียบๆ ที่นี่จะมีนิสัยประหลาดไม่แน่นอน แค่เขาไม่ลงมือฆ่าคนทันทีก็ไม่เลวแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะรักษาบาดแผลให้นางด้วย โดยเฉพาะพลังปราณของเขาที่นุ่มนวลเป็นมิตรถึงเพียงนี้ มันทำให้นางรู้สึกประหนึ่งแช่กลางน้ำพุร้อน ความเจ็บปวดทั้งหมดก่อนหน้านี้มลายหายไป

“ในเมื่อท่านพ่อเจ้าเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเจ้าเอาไว้ เช่นนั้นเจ้าก็ควรทะนุถนอมร่างกายตัวเองให้ดีจึงจะถูก เจ้ารู้ไหมว่าหากมอบตัวเองเป็นทาสให้ผู้ชายแล้วจะมีผลลัพธ์เช่นไร?”

อี้อวิ๋นเองก็ขี้เกียจอธิบายที่ถูกคนเหล่านี้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้อาวุโส แต่ปฏิกิริยาอันรุนแรงของเด็กสาวคนนี้ทำให้เขารู้สึกสนใจ

“ข้า…” หรูเอ๋อร์หน้าแดง แม้นางจะอายุน้อย แต่สิบปีมานี้สำนักหม้อชาดอยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่น เคยเจอกับความไม่แน่นอนของจิตใจมนุษย์จนเข้าใจหลายๆ เรื่อง มีหรือที่นางจะไม่รู้ว่าถ้ามอบตัวเป็นทาสแล้วจะเกิดอะไรขึ้น “ข้ารู้…ข้าเพียงแค่อยากเป็นลูกกตัญญู…”

เดิมทีหรูเอ๋อร์คิดจะสละตัวเองเพื่อแลกกับความปลอดภัยของคนอื่นในสำนักหม้อชาด แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกขึ้นมาอย่างฉับพลันว่าผู้อาวุโสท่านนี้มีไมตรีจิตมาก แม้จะไม่รู้ว่าเขาอายุมากกว่านางกี่หมื่นปี แต่หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาก็ทำให้ดูเหมือนอายุพอๆ กันกับนาง พลังก็แข็งแกร่ง นิสัยก็ดี…

“เจ้าชื่อหรูเอ๋อร์ใช่ไหม?”

“เจ้าค่ะ! ข้าน้อยมีสกุลคู่ว่าหนานอวิ๋น ชื่อของข้าคือหนานอวิ๋นหรู” หรูเอ๋อร์ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกอี้อวิ๋นถาม นี่ทำให้นางตอบคำถามอย่างประหม่า

“พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ ข้าจะส่งพวกเจ้าออกไป…” ศิษย์สำนักหม้อชาดต่างยินดีเมื่ออี้อวิ๋นพูดถึงตรงนี้ ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้แสดงความดีใจ คำพูดประโยคถัดมาของอี้อวิ๋นกลับทำให้ใจพวกเขาจมลง!

“ส่งพวกเจ้าออกไปเป็นแค่เรื่องง่ายๆ แต่ข้าขอพูดตามตรงว่าข้าต้องการไม้เลี้ยงวิญญาณนั่นจริง!”

“นี่…” คนจากสำนักหม้อชาดต่างร้อนใจ พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรเมื่อเผชิญกับอี้อวิ๋น

หางตาหรูเอ๋อร์มีน้ำตา นางเผยอปากเพื่อจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก นางรู้ว่าหากผู้อาวุโสท่านนี้ต้องการไม้เลี้ยงวิญญาณจริงๆ เช่นนั้นแค่เขาไปแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ก็ได้แล้ว ตัวนางที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอ ไม่มีทางใช้ตัวเองเป็นเงื่อนไขให้อีกประนีประนอมอะไรได้

“พวกเจ้าเองก็เห็นแล้วว่าด้านหลังข้ามีเด็กหญิงอยู่คนหนึ่ง นางเองก็บาดเจ็บด้านวิญญาณ บาดเจ็บหนักมากด้วย ข้าต้องการใช้ไม้เลี้ยงวิญญาณเป็นโอสถที่จุดไฟวิญญาณนางขึ้นอีกครั้ง แต่…ข้าจะไม่เอาไม้วิญญาณของพวกเจ้าเปล่าๆ แน่นอน ข้าจะไปแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ด้วยกันกับพวกเจ้า บางทีข้าอาจจะช่วยเจ้าสำนักพวกเจ้าได้”

“อะไรนะ? ท่านผู้อาวุโสจะลงมือช่วยเจ้าสำนักของพวกข้า?” คนจากสำนักหม้อชาดต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำของอี้อวิ๋น เดิมทีพวกเขาคิดว่าการเจออี้อวิ๋นคือหายนะ คิดไม่ถึงว่าจะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง อี้อวิ๋นที่มีพลังยิ่งใหญ่และสังหารพวกเขาได้ในเสี้ยวพริบตากลับยินดีคุยเงื่อนไขกับพวกเขาด้วยฐานะที่เท่าเทียมกัน เรื่องนี้ทำให้พวกเขาที่คุ้นชินกับการที่ผู้แข็งแกร่งรังแกผู้อ่อนแอในโลกของจอมยุทธ์รู้สึกไม่ชินเล็กน้อย

พิจารณาถึงความแข็งแกร่งของอี้อวิ๋นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเขา ดูท่าเขาคงยินดีช่วยรักษาท่านเจ้าสำนักจริงๆ คนจากสำนักหม้อชาดต่างดีใจมาก

พลังของผู้อาวุโสท่านนี้น่าตื่นตะลึงถึงเพียงนี้ เขาอาจทำสำเร็จจริงๆ ก็ได้

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ตื่นเต้นมาก เขาโค้งคำนับให้อี้อวิ๋นอย่างขอบคุณ

หรูเอ๋อร์ยิ่งตื่นเต้นจนหน้าแดง ไม่รู้ว่าควรขอบคุณอี้อวิ๋นอย่างไร

“อย่าเพิ่งดีใจกันไป ข้าอาจช่วยเขาไม่สำเร็จก็ได้”

อี้อวิ๋นไม่รับประกัน เพราะอย่างไรเจ้าสำนักหม้อชาดก็บาดเจ็บทางวิญญาณเช่นกัน แต่แม้จะเป็นการบาดเจ็บด้านวิญญาณเหมือนกัน วิญญาณที่อ่อนแอก็ย่อมรักษาง่ายหน่อย แต่วัตถุฟ้าดินอย่างหลิงเสียเอ๋อร์เกิดวิญญาณขึ้นได้หลังจากที่ผ่านมาหลายร้อยล้านปี กรณีย่อมรักษายาก

“หากท่านผู้อาวุโสทำอะไรไม่ได้ เช่นนั้นนี่ก็คงเป็นชะตากรรมของท่านเจ้าสำนัก พวกข้าคงยิ่งไม่ตั้งความหวัง”

ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่พูดจากใจจริง

“ได้ เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างต้องจัดการ เมื่อจัดการเสร็จแล้วก็จะเดินทางไปแคว้นสรรพสิ่งแห่งแดนสวรรค์ด้วยกันกับพวกเจ้า!”

…………………………………………………………………………………………………………