บทที่ 98.4 อิงแอบอยู่ในอ้อมกอด ตกน้ำแล้ว (4)

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 1

บทที่ 98 อิงแอบอยู่ในอ้อมกอด ตกน้ำแล้ว (4) โดย Ink Stone_Romance

ด้วยความเจ็บปวดจนเวียนศีรษะ เขาจึงผลักออกไปเต็มแรงในทีเดียวอย่างไม่ทันได้ฉุกคิดสักนิด

ว่าเวลานั้นทั้งสามคนเบียดเสียดกันอยู่หน้าหน้าต่าง เพื่อให้ชมวิวทิวทัศน์ได้สะดวก หน้าต่างบานนั้นก็ดันเปิดได้กว้างมาก ร่างของซูหว่านกระเด็นไปชนสะดุดเก้าอี้กลมที่ล้มอยู่ด้านหลัง แล้วร่วงหล่นออกไปทางหน้าต่างบานนั้น

“หว่านเอ๋อร์!” ซูหลินพุ่งตัวตามไป รีบยื่นมือไปคว้าไว้ แต่กลับช้าไปเพียงก้าวเดียว

ท่ามกลางเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกนั้น กระโปรงของซูหว่านแฉลบปลายนิ้วเขาแล้วตกลงไป

หออยู่ใกล้น้ำในช่วงหน้าหนาวเสียงลมพัดอื้ออึง ทำให้เสียงกรีดร้องของนางฟังดูเลื่อนลอย ชุดผู้หญิงสีแดงร่วงลงสู่ด้านล่างอย่างรวดเร็วจนเห็นเหมือนสีตกไปทันที

ในที่สุดเสียงของตกลงในน้ำดังตูมก็ดังขึ้น

น้ำไม่ได้กระเซ็นขึ้นมามากนัก และถูกแม่น้ำกลืนหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา

นิ้วมือของซูหลินยังค้างอยู่ในท่าไขว่คว้ายื่นออกไปนอกหน้าต่าง ทั้งร่างเหมือนถูกสายฟ้าฟาด เขายืนนิ่งหน้าซีดไม่ขยับเขยื้อนอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาว่างเปล่าจ้องมองกระแสน้ำที่โหมกระหน่ำซัดสาดด้านล่าง

หลัวอวี่ก่วนที่อยู่ข้างๆ ก็มองอย่างตื่นตะลึงเช่นกัน นางยังไม่ทันได้กรีดร้องอย่างหวาดหวั่นก็ใช้สองมือปิดปากไว้ทันที ท่าทางนางตื่นตระหนกตกใจมากจนเบิกตาโพลงแต่กลับพูดไม่ออกสักคำ

เมื่อครู่หากซูหลินไม่ขวางเอาไว้ เช่นนั้นศพที่ถูกทิ้งลงแม่น้ำเวลานี้ก็คงเป็นนาง!

กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากแบบนี้และอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ ไม่ต้องคิดเลย ตกลงไปก็มีทางเดียวคือตายเท่านั้น

เหงื่อเย็นพาลจะไหลท่วมตัวด้วยความหวาดกลัว หลัวอวี่ก่วนขาอ่อนยวบลงไปคุกเข่า สองมือรีบปีนป่ายขอบหน้าต่างข้างๆ สีหน้าท่าทางยังตกใจกลัวจนตัวสั่นไม่หยุด

เหตุการณ์ที่นี่ทำให้ซูหลินตกใจ ตอนนี้เขาเพิ่งจะได้สติกลับมา

ในสีหน้าหวาดกลัวของเขาเจือปนด้วยความแปลกประหลาดบางอย่าง เขาหลบสายตาอย่างน่าสงสัย สายตากลับมองของในห้องนี้ไปมาอย่างสะเปะสะปะ ทำยังไงก็หาจุดพักสายตาที่เหมาะสมไม่ได้สักที แต่บางครั้งก็ก้มหน้าลงมองสองมือของตนเองอย่างหวั่นใจ…

เมื่อครู่เขาพลั้งมือผลักซูหว่านตกลงไป!

ถึงแม้เวลานี้ในกระแสน้ำทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่ความรู้สึกหน่วงนั้นกลับชัดเจนเหลือเกิน

ดังนั้น…

เป็นเขา เป็นเขาที่ผลักน้องสาวตนเองลงไปตายในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากด้วยมือของเขาเอง!

“ซื่อจื่อ…” ตอนนี้องครักษ์ที่ติดตามเขามาเพิ่งจะได้สติ และเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ข้าจะพาคนไปค้นหาเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

“รีบไป!” ซูหลินตอบไปด้วยความตกใจ

องครักษ์คนนั้นหันตัวจะจากไปแล้ว อยู่ดีๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงตะโกนเสียงแหบว่า “หยุด!”

หลายคนหันกลับมา

ซูหลินกลืนน้ำลาย ในหัวมีแต่ภาพซูหว่านตกลงในแม่น้ำเมื่อครู่ด้วยมือเขาหมุนวนอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเพียงจิตใจสับสนวุ่นวาย เขาใช้พลังไปอย่างมากกว่าจะฝืนเรียกสติกลับมาได้ และกวาดสายตาไปทางองครักษ์หลายคนอย่างเด็ดเดี่ยว พลางเอ่ยถามว่า “เมื่อครู่ท่านหญิงตกหอไปได้ยังไง?”

เหล่าองครักษ์นิ่งอึ้งไป ได้แต่มองหน้ากันเลิกลั่ก…

เวลานี้เขาไม่คิดรีบช่วยชีวิตคน ยังมีแก่ใจมาถามเรื่องนี้อีกหรือ?

ทว่าพอคิดดูแล้ว อากาศแบบนี้ ซูหว่านก็ว่ายน้ำไม่เป็นอีก ตกลงไปก็ตายแน่อย่างไม่ต้องสงสัย

เหล่าองครักษ์เหงื่อตกผุดพรายเต็มหน้าด้วยนัยน์ตาของเขาที่จ้องมองอยู่ใกล้ๆ อย่างเคร่งขรึม ท้ายที่สุดก็ยังเป็นหัวหน้าองครักษ์ที่สงบสติอารมณ์ได้เร็วที่สุด ก้มหน้าลงเอ่ยเสียงเฉียบขาดว่า “ท่านหญิงไม่ระวังก้าวพลาดตอนที่กำลังชมวิวอยู่ใกล้หน้าต่างขอรับ!”

ฟังคำนี้แล้ว ซูหลินถึงจะค่อยๆ รู้สึกใจสงบลงบ้าง แล้วโบกมืออย่างใจลอยว่า “ไปเถอะ!”

เหล่าองครักษ์เหมือนยกภูเขาออกจากอก จึงรีบลงไปข้างล่าง

ซูหลินเองก็เหงื่อตกไปทั้งตัว ฟังเสียงลมหนาวที่พัดอื้ออึงและเสียงน้ำที่โหมกระหน่ำซัดสาดด้านหลังแล้ว ยิ่งรู้สึกวุ่นวายใจ

เขาเอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาบนโต๊ะ พลันพบว่ามือของตนเองสั่นไม่ไหวแล้ว…

เขาฆ่าซูหว่าน!

เขาผลักน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาตกแม่น้ำจ้าวธารด้วยมือของเขาเอง!

ที่น่ากลัวที่สุด…

เวลานี้ซูหว่านยังเป็นพระชายาขององค์ชายห้าแห่งโม่เป่ยที่ฮ่องเต้พระราชทานให้!

ซูหลินรู้สึกว้าวุ่นใจ แม้แต่รินชาให้ตนเองสองถ้วยยังต้องสงบสติอารมณ์อยู่หลายนาที สายตาเหลือบมองไปอย่างไม่ตั้งใจ แต่กลับเห็นหลัวอวี่ก่วนที่กลัวจนหัวหดและตัวสั่นเทาอยู่ริมหน้าต่างนั้น

หลัวอวี่ก่วนสีหน้าหวาดกลัว น้ำตาไหลอาบเต็มหน้าไปนานแล้ว นางมองเขาอย่างระวังตัวเต็มที่

ทันใดนั้นซูหลินก็ปวดศีรษะขึ้นมาอีก…

ผู้หญิงคนนี้ก็ยุ่งยาก!

หรือต้องวางแผนไว้ก่อนแบบซูหว่านจริงๆ จัดการให้นางก็ “บังเอิญก้าวพลาด” เหมือนกันงั้นหรือ?

ซูหลินกะพริบตาปริบๆ ชั่งใจส่วนได้ส่วนเสียในใจอย่างรวดเร็ว

หลัวอวี่ก่วนไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาที่ไม่รู้ประสีประสา เห็นท่าทางก็คงพอเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ในเวลานี้

“ซูซื่อจื่อ!” นางเข้ามากอดขาซูหลินไว้แน่น และขอร้องว่า “เรื่องของท่านหญิงซูข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น และข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าไปก่อปัญหาให้นางได้ยังไง ข้าไม่ได้อยากทำร้ายนางให้ถึงตาย เจ้าเชื่อข้าเถอะ ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!”

อาจเพราะตื่นตกใจเกินไป หรืออาจเพราะลนลานขอชีวิต นางจึงกอดขาซูหลินไว้สุดชีวิตไม่ปล่อยมือ

ซูหลินก้มตัวลงอยากดึงตัวนางออก สัมผัสใกล้ชิดแบบนี้สามารถสัมผัสได้ถึงสัดส่วนนุ่มนิ่มแต่ละส่วนบนร่างกายของหญิงสาวได้อย่างชัดเจน เกรงว่าถึงจะใส่เสื้อผ้าหลายชั้น ก็นึกไม่ถึงว่าความรู้สึกแบบนั้นจะทำให้คนหวั่นไหวได้อย่างน่าประหลาด

ท่าทางของซูหลินชะงักอยู่ครึ่งทาง แค่รู้สึกว่าใจเต้นเร็วขึ้นอย่างฉับพลัน พอหันกลับไปมองอีกรอบก็เห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของหญิงงาม ยิ่งรู้สึกคอแห้ง ความร้อนรุ่มในร่างกายเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เวลานี้ทำไมเขายังคิดอะไรแบบนั้นขึ้นมาได้?

น่าอายเหลือทน ซูหลินรีบสะบัดศีรษะอย่างแรง อยากจะยับยั้งความรู้สึกที่ไม่ถูกเวลานั้นเอาไว้ แต่ถึงเป็นแบบนี้ก็ยังไม่ช่วยสักนิด

“ซื่อจื่อ ข้าไม่ได้อยากทำร้ายท่านหญิงซูจริงๆ เจ้าเชื่อข้าเถอะ!” หลัวอวี่ก่วนกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ

ถึงจะมีเสื้อผ้ากั้นก็ยังรู้สึกถึงความร้อนของร่างกายอีกฝ่ายที่ส่งผ่านมาอย่างเบาบาง

“ลุกขึ้นมา!” ซูหลินบังคับระงับอารมณ์ของตนเอง และก้มตัวลงไปประคองนาง เพราะพยายามควบคุมตนเองให้ได้ เสียงจึงฟังดูอึดอัดและแข็งกระด้างอย่างเห็นได้ชัด

สองมือหลัวอวี่ก่วนเกาะแขนเขาไว้ นางพยุงตัวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเซียวและงดงามย้อมด้วยแสงสว่างจากเทียนในห้องกลับยิ่งสวยจับใจ นางเรียกอย่างไม่สบายใจ “ซูซื่อจื่อ!”

ซูหลินลูกกระเดือกสั่น เขาฝืนเบี่ยงเบนความสนใจไปมองอย่างอื่นใกล้ตัว แล้วหันไปปิดหน้าต่างด้านหลังที่เปิดกว้างอยู่ครึ่งบาน

ลมหนาวพลันหยุดพัด เวลานั้นความร้อนรุ่มแปลกๆ ที่ซ่อนอยู่ในร่างกายก็ทะลักออกมาราวกับจะพุ่งทะยานถึงขีดสุดในชั่วพริบตา

อาหารว่างและน้ำชาในห้องนี้ถูกซูหว่านวางยาไว้หมดแล้ว ซึ่งเดิมทีเตรียมไว้ให้ฉู่สวินหยาง เรื่องนี้หลัวอวี่ก่วนรู้ดีอยู่แก่ใจ

แต่ตอนนี้เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ นางก็ไม่มีทางอื่นให้เลือกเดินแล้ว จึงกัดฟันรินชาอีกถ้วยให้ซูหลิน แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “เมื่อครู่ขอบคุณซื่อจื่อมากที่ช่วยเหลือ!”

นางก้มหน้าลงต่ำ เปิดเผยผิวบริเวณคอที่เกลี้ยงเกลาเหมือนเครื่องลายครามอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ซูหลินค่อยๆ ยกมือรับชาถ้วยนั้น ขณะเดียวกันจิตใจกลับฟุ้งซ่าน สายตามองทางอื่นอยู่ตลอดเวลา ระหว่างที่ใจลอยนั้นนิ้วมือก็สัมผัสโดนชาในถ้วย

“ระวัง!” หลัวอวี่ก่วนร้องเสียงต่ำ รีบควักผ้าเช็ดหน้าออกมา จับนิ้วมือเขาเช็ดอย่างละเอียด

ระหว่างที่สัมผัสผิวของกันและกัน นิ้วก้อยของนางเหมือนปัดผ่านฝ่ามือของซูหลินเบาๆ อย่างไม่ตั้งใจ

ความรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านแล่นไปทั่วร่างในพริบตา กล้ามเนื้อทั้งตัวของซูหลินแน่นตึง จนข่มกลั้นไม่ได้อีกต่อไป เขาพลิกมือมาจับนิ้วมือของนางไว้ แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด

หลัวอวี่ก่วนก้มหน้ามองต่ำ ซบกับอกเขา นางก้มหน้าไม่พูดไม่จาอย่างเขินอาย ท่าทางขวยเขินปนประหม่านั้นยิ่งเพิ่มเสน่ห์เย้ายวน

ซูหลินโอบเอวกักตัวนางไว้ แม้ใจนางอยากปฏิเสธแต่ก็ส่งเสียงครางตอบรับ

ปฏิกิริยาตอบสนองที่เบาบางนี้ทำให้ซูหลินโยนสติที่เหลือเพียงน้อยนิดทิ้งไปทันที เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และโอบนางให้นอนลงบนเตียงที่แกะสลักจากงาช้างด้านใน

ริมแม่น้ำชั้นล่างลมเหนือพัดหวีดหวิว อากาศหนาวแทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก

เหล่าองครักษ์วิ่งไปวิ่งมา มองไปทั่วบริเวณแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มลงมือจากตรงไหน หาตั้งนานแล้วก็ยังไร้ผล จึงจำเป็นต้องฝืนใจกลับไปรายงานข่าวกับซูหลิน แต่พอขึ้นมาถึงชั้นบนกลับได้ยินเสียงกระซิบอ่อนโยนและเสียงหอบหายใจอันแผ่วเบาดังมาจากในห้องนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าไม่เหมาะสม แต่ใครจะกล้าเข้าไปขัดจังหวะเจ้านาย ดังนั้นจึงรีบย่องออกไปดีกว่า และลัดเลาะตามแม่น้ำค้นหาซูหว่านต่อไป

……………………………………..