ตอนที่ 1,902 : พรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดที่แท้จริง!
เนื่องเพราะก่อนหน้าความสนใจทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนอยู่ที่ ‘พลังเซียนสุริยัน’ ในร่าง ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงไม่ทันได้สนใจพลังวิญญาณที่ยกระดับขึ้นมาสู่ขอบเขต ‘เซียนมนุษย์’ ไปชั่วขณะ
ตอนนี้เมื่อพลังวิญญาณของเขาบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน
แต่ในขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ไม่ทราบว่า ไฉนอยู่ๆเขาถึงไม่อาจควบคุมพลังวิญญาณในร่างได้เลย!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
ต้วนหลิงเทียนตื่นตระหนกไม่น้อยเมื่อพบว่าให้เขาพยายามควบคุมพลังวิญญาณมากเท่าไหร่ ก็ไม่อาจควบคุมสั่งการมันได้เลย!
“เป็น ม่านตาพิสดาร!”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบสาเหตุ…พลังวิญญาณที่เขาไม่อาจควบคุมตอนนี้ มันกำลังไหลเชี่ยวปานน้ำหลากเข้าสู่ดวงตาข้างซ้ายของเขา!
ตาข้างซ้ายนี้ของเขา มันไม่ใช่ดวงตาธรรมดาๆเหมือนคนอื่นๆอีกต่อไปมาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว
ตาข้างซ้ายเขาได้ผสานเข้ากับดวงเนตรของแร้งมารตาเดียว และเขาเองก็ได้รับความสามารถพิเศษจากมัน
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของความสามารถเหล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณที่เขามี…
และด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนมีทักษะมากมายหลายอย่างที่สามารถเพิ่มพูนพลังสู้รบได้ จนทำให้เขามักจะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีพลังฝีมือเหนือกว่ามาโดยตลอด ทำให้ม่านตาพิสดารที่เลิศล้ำจึงมีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายต้วนหลิงเทียนเสมือนมีมันไว้ใช้มองสิ่งต่างๆในระยะไกลเท่านั้น…
ทว่าวันนี้ด้วยไม่ทราบว่าเพราะเหตุอะไร แต่เสมือนว่ามันกำลังบังเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง!
“หืม!?”
แม้ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าหลังจากพลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าสู่ดวงตาข้างซ้ายไปพักหนึ่ง ลูกตาดวงนี้ของเขาก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ! และหลังจากนั้นไม่ทันไรเขาก็พบว่าพลังวิญญาณที่คล้ายปั่นป่วนไม่อาจควบคุมได้ก่อนหน้า พลันอันตรธานหายไปจากตาซ้ายของเขาอย่างไร้ร่องรอย!!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนดวงตาข้างซ้ายมันว่างเปล่าและไร้ซึ่งความสามารถอะไรอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามยังมีเรื่องที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจอีกอย่าง
อีกทั้งต้วนหลิงเทียนยังตกใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะเขาพบว่าพลังวิญญาณที่อันตรธานหายไปจากตาซ้ายนั้น ดูเหมือนที่แท้มันจะไปอยู่ในชีพจรเซียน 99 จุดสายทั่วร่าง!!
หลังจากนั้นไม่ทันไรเขาก็พบว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม เคล็ดที่สิบ 9 มังกรของเขามันเริ่มโคจรด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ!
แน่นอนว่าเคล็ด 9 มังกรที่ว่า ก็เป็นเคล็ดโคจรเพาะสร้างพลังที่ได้รับการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมาจากสระชำระมังกรเรียบร้อยแล้ว…
อย่างไรก็ตามการโคจรของเคล็ด 9 มังกรรอบนี้กลับพิลึกพิลั่นอยู่บ้าง เพราะมันไม่ได้ชักนำพลังเซียนของเขาไปโคจตรอะไร!
เคล็ด 9 มังกรที่เริ่มต้นโคจรด้วยตัวเองตอนนี้…กลับชักนำพลังวิญญาณของเขาไปโคจรหมุนเวียนแทน!
‘อะไรกัน!? พลังวิญญาณถูกชักนำให้โคจรตามเส้นทางแบบนี้ได้ด้วย?’
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอื้ออึงไปทันทีเมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องราวแปลกประหลาดแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เขาเห็นพลังวิญญาณของเขาโคจรหมุนเวียนแบบนี้ อีกทั้งเขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มาก่อน
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?’
ต้วนหลิงเทียนงุนงงแล้วจริงๆ
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบอีกว่า…
พลังวิญญาณของเขาที่หลุดพ้นการควบคุม หลังโคจรหมุนเวียนตามเคล็ด 9 มังกร…ดูเหมือนมันจะไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป คล้ายจะมีบางอย่างแฝงอยู่ในนั้น…!
แต่เนื่องจากตอนนี้พลังวิญญาณมันหลุดการควบคุมของเขาไปแล้ว เขาก็เลยไม่อาจตรวจสอบได้ว่าบางสิ่งที่ว่า มันคืออะไรกันแน่!
แต่เขาสัมผัสได้รางๆ ว่าอะไรก็ตามที่แฝงอยู่ในพลังวิญญาณของเขา ไม่สมควรเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับเขา…
ไม่ทราบว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วกันแน่…
บางครั้งก็รู้สึกเนิ่นนานปานศตวรรษ หากแต่บางครั้งก็เสมือนชั่วพริบตาอันแสนสั้น
แต่ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็พบว่า เคล็ด 9 มังกร ของเขาหยุดโคจรหมุนเวียนลงแล้ว และพลังวิญญาณที่หลุดพ้นความควบคุม ในที่สุดก็กลับมาอยู่ในความคิดของเขาอีกครั้ง พวกมันพากันหลั่งไหลไปกักเก็บไว้ในดวงจิตอย่างที่ควรจะเป็น…
ในขณะที่พลังวิญญาณกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ดวงจิต ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโหวงเหวงขึ้นมา
ความรู้สึกดังกล่าวคล้ายวิญญาณลอยล่องออกจากร่าง…
และเมื่อกลับมารู้สึกตัวเขาก็พบว่า ตอนนี้พลังวิญญาณได้หวนกลับมาอยู่ในความควบคุมของเขาอีกครั้ง ‘พลังวิญญาณในตอนนี้มันต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง…ถึงแม้ว่ามันจะเป็นพลังวิญญาณระดับเซียนมนุษย์ แต่คล้ายจะมีบางอย่างเพิ่มเข้ามา’
‘และ…ดูเหมือนว่าบางอย่างที่เพิ่มเข้ามา มันอยากจะไหลไปที่ม่านตาพิสดาร’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบความแปลกประหลาดดังกล่าว
ถึงแม้พลังวิญญาณของเขาจะหวนกลับมาอยู่ในความตควบคุมแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะมีชีวิตจิตใจขึ้นมา คล้ายมันอยากไหลไปหลอมรวมเข้ากับม่านตาพิสดารอย่างไรอย่างนั้น!
ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้ก็รีบหยุดมันก่อนอื่นใด
หลังจากตระหนักได้ว่าแม้พลังวิญญาณจะยังคงพยายามไหลไป แต่สุดท้ายมันก็ยังอยู่ในความควบคุมของเขา ต้วนหลิงเทียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ความรู้สึกที่สามารถควบคุมพลังวิญญาณได้อีกครั้งเป็นอะไรที่ดีมาก!
‘ทำไมอยู่ๆมันถึงมีแรงกระตุ้นอะไรแปลกๆแบบนี้…อ่า! งั้นลองให้มันไหลไปรวมกับม่านตาพิสดารดู จะได้รู้ว่าที่แท้มันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่!’
พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เป็นฝ่ายควบคุมพลังวิญญาณให้ไหลลงสู่ตาซ้ายของเขาเอง
ในกระบวนการดังกล่าว แน่นอนว่าอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนย่อมรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ
นั่นเพราะอยู่ๆพลังวิญญาณของเขาก็ผิดแปลกไปจากเดิม กระทั่งคล้ายจะดื้อรั้นแม้กระทั่งกับเจ้าของ!
และในขณะที่พลังวิญญาณไหลลงสู่ม่านตาพิสดารนั้น ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้อย่างชัดเจน ว่าตาซ้ายของเขากำลังดูดซับพลังวิญญาณอย่างโหยหิว! ราวกับแผ่นดินที่แห้งแล้งเจียนเป็นทรายดูดซับฝนแรกในรอบหลายปี!!
เมื่อตาซ้ายของเขาดูดซับพลังวิญญาณลงไปจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนดวงตาข้างซ้ายของเขามันร้อนขึ้น! และยังทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายอึดอัดแปลกๆ
พริบตานี้ไม่ทราบเพราะอะไร แต่เขารู้สึกเสมือนอยากลืมตาขึ้นมาเป็นที่สุด!
ลูกตาซ้ายของเขาคล้ายกักเก็บบางสิ่งเอาไว้เต็มเปี่ยม และจำต้องปลดปล่อยมันออก!
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
ต้วนหลิงเทียนตอนนี้มึนงงไม่รู้เหนือใต้แล้ว ด้วยไม่ทราบจริงๆว่านี่มันอะไรกันแน่!
อย่างไรก็ตามเขาเลือกจะลืมตาขึ้นมา
และเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็พบว่ายามนี้ฟ้าเริ่มแทแสงสว่างอ่อนๆ เป็นเวลาย่ำรุ่งแล้ว
‘มันจะระเบิดแล้ว!’
ทันใดนั้นความสนใจทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนก็ไปหยุดกับตาซ้ายทันที ตอนนี้ม่านตาพิสดารเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ รู้สึกราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดอย่างไรอย่างนั้น!
‘หืม?’
ในขณะเดียวกัน เมื่อต้วนหลิงเทียนพยามมองสิ่งต่างๆด้วยตาซ้าย เขาก็พบว่าทุ่งสิ่งที่เขาแลเห็นในตาข้างซ้ายไม่เพียงจะถูกขยายใหญ่เสมือนใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ยังจดจ่อเพ่งเล็งเขม็ง!
ความรู้สึกดังกล่าวเป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนคุ้นชินมาก! มันเหมือนวินาทีสังหารยามดวงตาเขาเล็งเป้าหมายผ่านลำกล้องปืนไรเฟิลซุ่มยิง!!
‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ รู้สึกเหมือนพลังวิญญาณที่อัดแน่นในตาซ้ายมันจะยิงพุ่งออกมายังไงยังงั้น…ราวกับขอเพียงคิดมันก็จะยิง…อะไร!? มันยิงออกมาได้จริงๆ!!’
ต้วนหลิงเทียนตื่นตระหนกไม่น้อย เขาพบว่าพอคิดจะยิงอะไรสักอย่าง พลังวิญญาณที่สะสมไว้ในลูกตาข้างซ้ายกลับยิงพุ่งออกไปจริงๆ!
พลังวิญญาณที่ยิงพุ่งออกมามันควบแน่นจนแทบมีสภาพให้จับต้อง อีกทั้งยังอยู่ในรูปลักษณ์มังกรเทพยาดา!
และพลังวิญญาณลักษณ์มังกรเทพยาดาที่ว่า ก็ถูกยิงไปยังจุดที่เขาเพ่งเล็งก่อนหน้า!
อย่างไรก็ตามด้วยความที่จุดเพ่งเล็งที่ว่ามันอยู่บนฟ้า เช่นนั้นพลังวิญญาณขุมดังกล่าวก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไป โดยไม่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนอะไรทั้งสิ้น
‘ยิงออกไปครั้งหนึ่ง กินพลังวิญญาณที่สะสมไว้ไปครึ่งงั้นเหรอ…’
หลังจากยิงพลังออกไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนพบว่าพลังวิญญาณที่สะสมไว้ในดวงตาข้างซ้ายยังหลงเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง
และตอนนี้เขายังสัมผัสได้ชัดว่าพลังวิญญาณในตาซ้ายก็เริ่มกระบวนการสะสมพลังอีกครั้ง เพื่อชดเชยเติมเต็มพลังวิญญาณส่วนที่ขาดพร่องไป…
‘นี่มันพลังวิญญาณจู่โจม…อำนาจจิตหรือ?’
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มตระหนักได้แล้วว่าพลังวิญญาณที่ตาซ้ายเขายิงพุ่งออกมาเมื่อครู่ คล้ายจะเป็นการโจมตีด้วยพลังวิญญาณ!
ยิ่งกว่านั้นการโจมตีด้วยพลังวิญญาณของเขายังเท่มาก! เพราะมันยิงพุ่งออกไปเป็นรูปลักษณ์มังกรเทพยาดา!!
‘ไปไหนหมดนะ…เจอแล้ว’
ลูกตาต้วนหลิงเทียนว่ายมองไปรอบๆพักหนึ่ง ก็พบแมลงตัวหนึ่งเกาะอยู่บนลำต้นของต้นไม้ประหลาดไกลตา เขาใช้ม่านตาพิสดารจดจ่อเพ่งเล็งมันทันที
‘ยิง’
เท่าทันความคิด ม่านตาพิสดารยิงพุ่งพลังวิญญาณลักษณ์มังกรเทพยาดาขุมหนึ่งออกไปในฉับพลัน พลังวิญญาณที่ว่าถูกควบคุมให้เล็กเท่าเข็ม มันพุ่งทะยานเข้าหัวแมลงตัวดังกล่าวที่ห่างออกไปแสนไกลเกินกว่าที่ผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันจะมองเห็นอย่างแม่นยำ!!
จากฉากนี้ เห็นชัดว่าการเล็งยิงของต้วนหลิงเทียนมันน่าขนลุกปานใด!
และพร้อมๆกันกับยิงพลังวิญญาณออกไป ต้วนหลิงเทียนก็แผ่พุ่งสำนึกเทวะออกไปสำรวจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
จิตวิญญาณที่แสนอ่อนแอของแมลงตัวดังกล่าว เขาก็สัมผัสได้ทันที
ทว่าวินาทีที่พลังวิญญาณลักษณ์มังกรเล็กเท่าเข็มของเขาทะลวงเข้าศีรษะแมลงดังกล่าว สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนก็พบว่าจิตวิญญาณแสนอ่อนแอบางเบานั่น กลับหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย!
เมื่อไร้ซึ่งวิญญาณแล้ว ร่างของแมลงดังกล่าวก็เสมือนเปลือกที่มีชีวิต ร่วงตกจากต้นไม้ราวถูกปลิดขั้ว…
‘นี่คืออำนาจจิตจริงๆ…แถมยังเป็นอำนาจจิตสายจู่โจมจิตวิญญาณโดยตรง!’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ทั่วร่างลุกซู่! เพราะเรื่องราวมันประหลาดจ!!
เขาอดจินตนาการไปไม่ได้จริงๆ…ว่าถ้าอีกฝ่ายถูกเขาลงมือจู่โจมด้วยสิ่งนี้ทีเผลอจะเป็นอย่างไร!
ถึงแม้ว่าในทวีปเมฆาครามอันเป็นทวีปมนุษย์ ต้วนหลิงเทียนจะเคยมีโอกาสได้ใช้อำนาจจิตอย่างพันมายาลวงตามาบ้างแล้ว
แต่ความรู้สึกที่เขาได้จากการมีพันมายาลวงตา มันแตกต่างจากความรู้สึกที่มีอำนาจจิตจู่โจมจากม่านตาพิสดารวันนี้มากมายนัก!!
‘จากความรู้สึกเหมือนว่าอำนาจจิตจู่โจมจากม่านตาพิสดารนี่…ต่อให้เป็นเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด ถ้าโดนเข้าก็ไม่น่ารอด! และถึงจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพี พวกมันก็ไม่อาจทนรับได้อย่างไร้เรื่องราวและต้องได้รับผลกระทบหนักแน่!’
คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าปอดดังเฮือก!
“สถานการณ์เรื่องราวกลับแตกต่างจากที่ข้าคิดไว้…”
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงหนึ่งส่งตรงถึงหู ทำให้เขาหลุดจากอาการเหม่อคิดทันที
ต้วนหลิงเทียนย่อมจดจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียง
ยังเร่งกล่าวถามออกไปทันทีราวกับไขว่คว้าฟางช่วยชีวิต “ผู้เฒ่าหั่ว ทำไมม่านตาพิสดารของข้าอยู่ดีๆถึงเปลี่ยนไปมากเลยล่ะหลังข้าทะลวงถึงขอบเขตเซียนมนุษย์?”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเล่าสิ่งที่เขาประสบพบเจอมาเมื่อครู่ออกไปอย่างไม่มีกักเก็บ
“ฟังจากที่เจ้าเล่า…ดูเหมือนม่านตาพิสดารของเจ้าจะมีความสอดคล้องบางประการกลับเคล็ดบ่มเพาะที่ได้รับการพัฒนาจากสระชำระมังกร…สำหรับพลังวิญญาณที่เจ้ายิงออกไปโดยใช้ม่านตาพิสดารนั่น หากข้าไม่ผิดพลาดมันสมควรเป็นอำนาจจิตจู่โจมจริงๆ!”
หลังได้ยินคำอธิบายของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วก็กล่าวตอบทันที “เจ้าจักคิดว่ามันคือความสามารถแต่กำเนิด หรือพรสวรรค์วิชาก็ได้”
“ความสามารถแต่กำเนิด? พรสวรรค์วิชาเหมือนอย่างที่สัตว์อสูรปีศาจหรือมนุษย์กลายพันธุ์มีน่ะเหรอ?”
ความสามารถแต่กำเนิดหรือพรสวรรค์วิชานั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับต้วนหลิงเทียนที่เคยอยู่ในทวีปเมฆาล่องมาก่อน
“ความสามารถแต่กำเนิดหรือพรสวรรค์ที่เจ้าเคยพบเจอมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นทักษะวิญญาณสืบทอดเท่านั้น! ความสามารถแต่กำเนิดหรือพรสวรรค์วิชาที่แท้จริง ล้วนเป็นทักษะเทวะและมิได้อ่อนด้อยไปกว่าเวทย์พลังระดับสูงแม้แต่น้อย!”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ