ตอนที่ 1032

Alchemy Emperor of the Divine Dao

บางทีพวกเขาอาจจะหาตัวเผยจี่ไม่พบแล้ว?

ต่อให้เขาพกวัตถุดิบพกติดตัวไปด้วย แต่จำนวนที่สามารถพกติดตัวได้ก็มีจำกัด ถ้าเขาคิดจะสร้างกองทัพหุ่นเชิดขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้เพียงความฝัน

สิ่งต่างๆที่ค้นพบที่นี่ทำให้หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

เนื่องจากนักเชิดหุ่นเองก็เหมือนกับ นักพยากร นักปรุงยา และปรมาจารย์รูปแบบอาคม วัสดุหรือทรัพยากรนั้นไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ไหนก็ใช้ไม่ต่างกัน ด้วยทรัพยากรมากมายที่หลิงฮันพบหากนำกลับไปขายเขาต้องได้รับผลึกก่อเกิดจำนวนมากเป็นแน่

จินจื่อฮุยและฟู่เทียนเองก็ได้ทรัพยาส่วนแบ่งเช่นกัน แต่คนที่ได้เยอะสุดแน่นอนว่าเป็นหลิงฮัน ทั้งสองคนไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเนื่องจากหลิงฮันเป็นคนที่ทำผลงานมากที่สุด

หรือหากจะพูดชัดๆเลยคือพวกเขาต่างหากที่เป็นหนี้บุญคุณหลิงฮัน หากไม่มีหลิงฮันทั้งสองคนคนถูกทำให้กายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว

พวกเขาพบเจอเรือเช่นกัน แม้มันจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ถูกสร้างขึ้นจากกระดูกของสัตว์อสูรใต้ทะเลแห่งนี้ และเมื่อถูกหลอมวัตถุดิบต่างๆของที่นี่เพิ่มขึ้นไปอีกเรือลำนี้จึงสมควรแล่นได้ด้วยความเร็วสูง

เรือที่พบมีอยู่ทั้งหมดห้าลำ พวกเขาทุกคนแบ่งเรือกันไปคนละลำโดยลำนึงที่เหลือเกินจำนวนคนถูกยกให้เป็นของหลิงฮัน

แม้เรือเช่นนี้จะไร้ประโยชน์ในอนาคตหากเขาไม่ได้อยู่ในทะเลแห่งนี้ แต่หอคอยทมิฬก็มีพื้นที่กว้างขวาง การนำเรือใส่เข้าไปสักลำก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“พี่ชายหลิง พวกข้าขอลา!”

“ไว้ภายภาคหน้าพวกเราคงได้พบเจอกันอีก!”

จินจื่อฮุยและฟู่เทียนกล่าวอำลาหลิงฮัน พวกเขาไม่คิดจะกลับไปยังท่าเรือขวานทรราช พวกเขาเลือกที่จะใช้เรือมุ่งหน้าไปยังชายและออกเดินทางต่อ

หลิงฮันมองพวกเขาจากไปในทิศทางที่ต่างกัน ผ่านไปไม่นานเรือของพวกเขาก็มองเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ เขาหันหลังกลับไปยิ้มให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ “ภรรยาข้า ตอนนี้บนเกาะก็เหลือเราอยู่เพียงสองคนแล้วสินะ?”

สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองเขาด้วยแววตาโกรธและกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าใจง่ายรึไง? แถมที่นี่ก็ยังไม่ได้มีแค่พวกเราสองคนเสียหน่อย!”

นางชำเลืองมองไปยังจักรพรรดิจอมอสูร

จักรพรรดิจอมอสูรสะดุ้ง เขารีบยกเท้าของหุ่นเชิดหมาป่าขึ้นมาแตะหูสองข้าง เขาเรียนแบบท่าทีของสุนัขราวกับกำลังจะบอกว่าเขาไม่ใช่คนแต่เป็นสุนัขต่างหาก

เมื่อเห็นท่าของอีกฝ่าย สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เผลอหัวเราะออกมา นางรู้ถึงต้นกำเนิดของจักรพรรดิจอมอสูรแล้ว แต่นางไม่คิดเลยว่าตัวตนระดับภูผาวารีจะยอมทำเรื่องน่าอายเช่นนี้

สุ่ยเยี่ยนยวี่ฟุบหัวลงที่แขนของหลิงฮันและกล่าว “เผยจี่อาจจะยังอยู่บนเกาะนี้!”

หลิงฮันพยักหน้าเห็นด้วย เกาะนี่กว้างใหญ่พอสมควร จำนวนคนของพวกเขาก็มีไม่มากอาจจะมีที่ที่พวกเขายังไม่ค้นหาก็เป็นได้ บางทีเผยจี่อาจจะรอให้พวกหลิงฮันจากเกาะนี้ไปแล้วค่อยกลับมายังรังของตนเอง

“พวกเราไม่มีเวลาไปไล่ตามมารเฒ่าเช่นนั้น ออกเดินทางกันเถอะ” หลิงฮันตัดสินใจ “ในเมื่อพวกเรามีเรือของตนเองแล้ว งั้นพวกเราก็ควรออกตามหาโจรสลัดต่อ”

“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะสังหารโจรสลัดมาบ้างแต่ ไหนๆพวกเขาก็อุตส่าห์ออกเดินทางมาแล้วและภารกิจก็สามารถทำซ้ำได้ เขาจึงตั้งใจจะล่าโจรสลัดเพิ่มอีกสักหน่อย

เมื่อคิดได้เช่นนั้นพวกเขาก็กลับไปยังหมู่บ้านก่อนและมุ่งหน้าต่อไปยังชายหาดเพื่อออกเรือ

“เกาะแห่งนี้ยังมีปราณอสูรปล่อยออกมาอยู่ในทุกๆปี ข้าจะต้องกลับมาตรวจสอบมันอีกครั้งแน่นอนเพื่อดูว่าใต้ล่างนี้มีอะไรอยู่” หลิงฮันกล่าว

สุ่ยเยี่ยนยวี่ขมวดคิ้วและกล่าว “ระดับพลังที่ต่ำกว่าระดับดาราไม่สามารถบินได้ แล้วเจ้าจะกลับขึ้นจากด้านล่างได้อย่างไร”

“จะว่าไปแล้วระดับดาราสามารถโบยบินเหนือมหาสมุทรแห่งนี้ได้รึไม่” หลิงฮันกล่าว

สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่รู้คำตอบเนื่องจากตระกูลสุ่ยไม่มีจอมยุทธระดับดารา ส่วนหากจะให้ไปถามจอมยุทธระดับดารานั้น… ใครจะไปมีความกล้าเช่นนั้น?

เรือมีขนาดเล็กมาก มันไม่เหมาะสมจะใช้เดินทางบนมหาสมุทรแม้แต่น้อยเพราะคลื่นอาจจะทำให้ตัวเรือพลิดคว่ำได้ แต่นี่ไม่ใช่เรือธรรมดาแต่เป็นเรือที่ถูกสร้างขึ้นโดนนักเชิดหุ่น มันมีเครื่องมือหลายอย่างถูกติดตั้งเอาไว้ทำให้เรือแล่นบนคลื่นได้อย่างมั่นคงและว่องไว

ทั้งสองคนไม่เร่งรีบและเพลิดเพลินไปกับความเป็นส่วนตัวที่ได้อยู่ด้วยกันสองคน

“โฮ่วหยาง เจ้าคิดจะหลบหนีไปไหน!” เสียงด้องกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น

“เหอะ จู่เล่อหยุนเจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึไง?” อีกเสียงหนึ่งดีงขึ้น

“แล้วเจ้าจะหลบหนีทำไม?” เสียงในตอนแรกดังขึ้นอีกครั้ง

“ข้าแต่เบื่อคร้านที่จะต่อสู้ การต่อสู้มักจะมีผลกระทบตามมาเสมอ!”

หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่มองหน้ากันก่อนจะแสดงท่าทีตกตะลึง

พวกของมันไปบนฟ้าและพบเห็นคนสองคนกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า

สามารถบินได้ด้วยร่างเนื้อเช่นนั้น… ระดับดารา! ไม่สิ ควรจะเรียกว่าพวกเขาคือระดับดาราเป็นอย่างน้อย

“เจ้าเคยได้ยินชื่อของสองคนนั้นรึไม่?” หลิงฮันกล่าวถามสุ่ยเยี่ยนยวี่

สุ่ยเยี่ยนยวี่นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “จู่เล่อหยุนคือจอมยุทธระดับดาราของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ เขาคือปรมาจารย์จอมยุทธพเนจร ถึงแม้เขาจะบรรลุระดับดาราแล้วแต่ก็ไม่ได้ก่อตั้งขุมอำนาจของตนเอง”

“ส่วนโฮ่วหยาง ถ้าจำไม่ผิดเขาเป็นจอมยุทธของจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม ทำไมเขากับจู่เล่อหยุนถึงมาอยู่ที่นี่?

หลิงฮันกล่าว “ฟังจากบทสนทนาก่อนหน้านี้แล้วพวกเหมือนว่าพวกเขาจะมีปัญหากันมาสักพักแล้ว ด้วยตัวตนเช่นพวกเขามีทางเป็นไปได้สองอย่างคือหนึ่งพวกเขามีความเกลียดชังต่อกัน และสองคือเพื่อที่จะแย่งชิงสมบัติ!”

พวกหลิงฮันมองกันด้วยความตกตะลึง การที่จอมยุทธระดับดาราต้องปะทะแย่งชิงกันเช่นนี้ สมบัตินั้นจะล้ำค่าขนาดไหน