เมื่อผู้นำตระกูลหลางปรากฏกายต่อหน้าชิงสุ่ย กระบี่อัมพาตก็เริ่มส่องแสงสว่างจ้า ขณะที่มันเจาะทะลวงเข้ากลางหน้าอกชิงสุ่ยด้วยความเร็วที่เพิ่มพูนแบบทวีคูณ
แต่ช่างน่าเสียดาย ทันทีที่ชิงสุ่ยเริ่มปลดปล่อยทักษะ ความเร็วของศัตรูที่เคยแข็งแกร่งก็ช้าลงทันที 2-3 เท่าตัว แน่นอนว่าความเช้านี้อยู่ภายใต้มุมมองของชิงสุ่ยแต่เพียงผู้เดียว เมื่อกระบี่อัมพาตกำลังเจาะทะลวงกลางหน้าอกชิงสุ่ย ร่างกายของชิงสุ่ยก็หายไป
ถ้าหากเป็นมุมมองของผู้นำตระกูลหลาง ตัวเขาเองไม่ได้ช้าลงเลย แต่กลายเป็นว่าชิงสุ่ยนั้นเร็วกว่าเดิมมาก
แสงสีทองจางๆเปล่งประกายออกมาจากง้าวทองทะลวงศัตรู
ชิงสุ่ยฟาดง้าวทองทะลวงศัตรูเข้าที่กลางแผ่นหลังผู้นำตระกูลหลางด้วยพลังที่น่าเกรงกลัวจนทันทีที่เกิดการปะทะแรงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
ทุกอย่างกลับตาลปัตร สถานการณ์พลิกผันกลับมาอยู่ในฝั่งชิงสุ่ย ง้าวทองทะลวงศัตรูยังคงเคลื่อนไหวเหมือนมังกร ฟาดเขาใส่กระดูกซี่โครงด้านซ้ายขณะที่ผู้นำตระกูลหลางพยายามหลบหนี
ปังงงงงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเสียงแตกของกระดูกซี่โครงอย่างน้อย 3 ซี่
หยดเลือดปรากฏที่มุมปากผู้นำตระกูลหลางพร้อมกับร่างที่ปลิวไปตามสายลม
การโจมตีเป็นไปอย่างราบรื่น ชิงสุ่ยอาศัยเพียงแค่ทักษะเบิกเนตรสวรรค์ก็สามารถจัดการศัตรูได้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องใช้ภูเขา 9 เทวา
ชิงสุ่ยยังคงเหวี่ยงง้าวทองทะลวงศัตรูให้กลายเป็นเหมือนใบพัดกังหันสีทอง ขณะที่เขาพุ่งทะยานตามเข้าไปใกล้ตัวผู้นำตระกูลหลาง
ในตอนนี้ผู้นำตระกูลหลางรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลและพลังอันน่าเกรงกลัว เขาไม่กล้าเข้าปะทะกับชิงสุ่ยโดยตรงอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากเขายังเผชิญหน้ากับการโจมตีของชิงสุ่ยโดยตรง แม้ว่าเขาจะไม่ตาย บั้นปลายชีวิตก็คงต้องนอนอยู่บนเตียง
ในขณะที่เขาหันหน้ากลับมา เขาก็เห็นชิงสุ่ยเข้ามาใกล้ในระยะประชิด ร่างกายของเขาก็เริ่มเจ็บปวดเหมือนมันกำลังจะพังทลาย สิ่งที่เขาทำได้คือการใช้กระบี่ในมือต้านทานการโจมตีด้วยแรงเฮือกสุดท้าย
แต่การจู่โจมในครั้งนี้น่ากลัวอย่างที่เขาไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อน ถ้าหากเปรียบเทียบกับกระบวนท่ากวางหันหวนกลับที่เขาโดนโจมตีก่อนหน้า สิ่งนี้ทั้งน่ากลัวและทรงพลังกว่าหลายเท่า
สีหน้าของผู้นำตระกูลหลางซีดเผือด อสูรกายตัวนี้เป็นใครกัน? ยิ่งต่อสู้กันนานเพียงใดศัตรูกลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกระบี่อัมพาตปะทะเข้ากับชิงสุ่ย เขาก็ได้รับรู้แล้วว่าตัวเขานั้นที่เคยเป็นถึงราชสีห์ ปัจจุบันกลายเป็นเพียงแค่กระดาษเปราะบาง
ผู้นำตระกูลหลางไม่มีโอกาสได้หลบอีกต่อไป เขาเหมือนถูกพันธนาการโดยศัตรู ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความเร็วหรือความแข็งแกร่ง เขาด้อยกว่าชิงสุ่ยทุกทาง เขาจมอยู่กับความล้มเหลวและความเสียเปรียบ เขาไม่สามารถป้องกัน หรือหลบหลีกใดๆได้ เขาได้แต่รู้สึกสับสน ว่าทำไมถึงเลือกที่จะต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า
ปังงงงงงงงงงงง
เสียงระเบิดและเสียงแตกดังสนั่นหวั่นไหวทันทีที่ชิงสุ่ยโจมตี การโจมตีของเขาเหมือนกำลังบดขยี้อะไรบางอย่าง มันคือเสียงที่เกิดขึ้นจากวัตถุที่อยู่ติดตัวกับผู้นำตระกูลหลาง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะหากคนระดับผู้นำตระกูลหลางไม่มีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ติดตัว มันก็คงจะกลายเป็นเรื่องแปลก
ชิงสุ่ยโบกสะบัดง้าวทองทะลวงศัตรูอีกครั้งพร้อมกับปลดปล่อยกระบวนท่าทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึกอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวที่เฉียบคมผสมผสานกับกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานที่แสนเชี่ยวชาญ การโจมตีทุบกระบวนท่าจึงมุ่งเป้าเข้าสู่จุดชีพจรอย่างแม่นยำ
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เหมือนจะกลับเข้าสู่ร่างผู้นำตระกูลหลางอีกครั้ง กระบี่อัมพาตในมือของเขาเปล่งประกาย โดยเฉพาะส่วนกลมที่บรรจุพลังอัมพาต กำลังส่องแสงสีเทาที่แสนดูผิดปกติอย่างรุนแรง
ร่างของเขากลายเป็นภาพพร่ามัว เหมือนจะเมาสีเทา
ชิงสุ่ยรีบปลดปล่อยทักษะเบิกเนตรสวรรค์ เมื่อเขาเห็นร่างที่แท้จริง สิ่งที่เขาเห็นเหมือนกับร่างนั้นเคลื่อนไหวอยู่ในจุดเดิมด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ มันเหมือนเขากำลังพยายามสร้างเงาสีเทาจริงๆ โดยที่ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ชิงสุ่ยรู้ว่าผู้นำตระกูลหลางไม่มีความตั้งใจที่จะหลบหนี ดูเหมือนมันจะเป็นผลอะไรบางอย่างที่ส่งผลโดยตรงกับร่างกายของเขา แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ชิงสุ่ยยังคงเชื่อมั่นว่าเขาจะเอาชนะได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ภูเขา 9 เทวา หรือสิ่งของอื่นใดทั้งสิ้น
เขมือบเทวา!!
ทันใดนั้นร่างของผู้นำตระกูลหลางก็ปรากฏกายต่อหน้าชิงสุ่ย และใช้มือแทงกระบี่อัมพาตเจาะเข้าไปในลำคอชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วและฉับไว
แต่ด้วยความสามารถในการรับรู้ทางพลังปราณจิต ชิงสุ่ยจึงเหมือนคนที่มีตาหลัง ขณะที่เขาหลับตา เขาก็รับรู้ได้ถึงการโจมตี ก่อนจะเริ่มเบี่ยงตัวในลักษณะแปลกประหลาด ฟาดขาเตะอัดคู่ต่อสู้
ปังงงง!!
ลูกเตะพยัคฆ์คำรณ!!
ผู้นำตระกูลหลางถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่เขาใช้กระบวนท่าสังหารนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป เขากลับทำได้เพียงแค่โดนศัตรูเตะใส่ แต่มันไม่ใช่เพียงแค่แรงเตะธรรมดา คลื่นกระแทกทำให้อวัยวะภายในของร่างกายของเขาถึงจะบาดเจ็บหนัก
ทันทีที่เขาถูกเตะปลิวลอยออกไป ง้าวทองทะลวงศัตรูของชิงสุ่ยก็เคลื่อนไหวเหมือนปีศาจปรากฏการณ์พร้อมกับฟาดฟันลงตรงกลางอกผู้นำตระกูลหลาง
เมื่อเห็นคลื่นพลังที่ถาโถมเข้าใส่กลางหน้าอก ผู้นำตระกูลหลางก็พยายามเบี่ยงตัวหลบไปตามสัญชาตญาณ แม้ว่าเขาจะมีกระบี่อัมพาตอยู่ในมือแต่เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีครั้งนี้ได้
ปังงงง!!
ง้าวทองทะลวงศัตรูเจาะทะลวงไหล่ผู้นำตระกูลหลาง
“โปรดเมตตาด้วย!!”
ในขณะเดียวกัน เสียงของชายชราก็ดังขึ้น เขาปรากฏกายพร้อมกับใช้มือคว้าร่างของผู้นำตระกูลหลาง
ชิงสุ่ยยั้งมือ และตรวจสอบผู้ที่กำลังปรากฏกาย เขาคือชายชราที่มีอายุมาก จนราวกับว่าชายชราผู้นี้ใกล้จะแก่ตายทุกวินาท
ชายชรายืนด้วยท่าทางหลังค่อม ภาพรวมของเขาเหมือนคนแก่ที่ยากจน ใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นเหมือนผ้าขี้ริ้ว
“อ๊ากกก ตาเฒ่าหูหนวก ท่านปู่……”
ผู้นำตระกูลหลางไม่อยากจะเชื่อเลย ชายชราที่ปรากฏคือคนหูหนวกที่มาจากตระกูลเดียวกับเขา ชายชราผู้นี้มักจะใช้เวลาทั้งวันในการกวาดพื้น กวาดลานบ้าน คนแทบทั้งตระกูลไม่แม้แต่จะใส่ใจเขา และเขาเองก็เป็นคนที่พูดน้อยมาก จนพวกเขาถึงกับสันนิษฐานว่าผู้ชายชราคนนี้ไม่พูดเพราะเขาเป็นใบ้ อย่างไรก็ตาม ภายในตระกูลก็มีคนอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ว่าเขาไม่ได้หูหนวก
แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าชายชราผู้นี้จะแข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ เขาทั้งสามารถคว้าตัวผู้นำตระกูลหลาง และยังปัดการโจมตีที่ทรงพลังของชิงสุ่ยได้อีกด้วย
ชายชราวางร่างของผู้นำตระกูลหลางและกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบางว่า “ฟังข้าพูดเถิด หยุดใช้กำลังแก้ไขปัญหา มิฉะนั้นเจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่หนักหนาสากรรจ์”
ในตอนนี้ ผู้นำตระกูลหลางฟังคำพูดของชายชราอย่างตั้งใจ เขารู้แล้วว่าชายชราผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด แล้วเขาก็จะดูแลชายชราคนนี้เป็นอย่างดี ถ้าหากได้รับการสนับสนุนจากชายชราคนนี้ ความกังวลในตำแหน่งที่เขาเป็นอยู่ในตระกูลหลางก็จะหายไปในพริบตา
ผู้นำตระกูลหลางพยักหน้า ขณะที่เขาอดทนอดกลั้นความเจ็บปวดของแผลบริเวณไหล่ฉีกขาด “วันนี้ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้จักคนที่เจ้ากำลังเผชิญหน้า เอาเป็นว่าพวกเราจะทำเป็นลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปแล้วกัน”
ชายชราได้ยินคำพูดของผู้นำตระกูลหลาง เขาถึงกับถอนหายใจและส่ายหน้า แม้ว่าชายผู้เป็นผู้นำแต่เฉลียวฉลาด แต่ก็ไม่เคยละทิ้งความเย่อหยิ่ง ตลอดเวลาที่เขาเดินทางอยู่บนเส้นทางเดินนี้ เขาต้องสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างเพราะความเย่อหยิ่งของตน แม้แต่ความฉลาดก็ไม่สามารถบดบังความหยิ่งยโสที่มีได้
ชิงสุ่ยรังเกียจคนที่กล้าแสดงความทารุณต่อหน้าเด็กและสตรี ถ้าหากเขาเป็นคนเมตตา บรรดาลูกและภรรยาของเขาก็คงเหลือชีวิตรอดมาไม่เกิน 10 นิ้วมือ ทุกคนต่างใช้กำลังข่มขืนกันและกัน ชิงสุ่ยจึงยิ่งรังเกียจเหยียดหยามคนพวกนี้มากเป็นทวีคูณ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดจริงหรือว่าหอคอยจักรพรรดิของข้า จะเป็นสถานที่ที่เจ้าเข้าออกได้ตามอำเภอใจ? เจ้าคิดว่าที่ใดที่เจ้าอยากทำลาย เจ้าจะเข้าไปทำลายได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะจ้องมอง
ถ้าหากเป็นคนทั่วไปคงจะเข้าใจคำพูดของชิงสุ่ยได้ไม่ยาก ศัตรูเลือกใช้คำพูดในยามที่ตัวเองเสียเปรียบ แต่ถ้าหากฝ่ายพ่ายแพ้เป็นตัวเขาเอง หอคอยจักรพรรดิก็คงถูกทำลายอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันจึงกลายเป็นวาจาที่เอาแต่ได้อยู่ฝ่ายเดียว
ผู้นำตระกูลหลางพยายามข่มสีหน้าอันน่ารังเกียจ “ก็ได้ ถ้าเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าได้ทำลายลงไปในวันนี้ มันต้องใช้อะไรมาแลกเปลี่ยนเพื่อที่จะชดใช้ความเสียหายได้บ้าง”
“เจ้าคิดดีแล้วอย่างนั้นหรือที่จะให้ข้าเป็นคนกำหนดสิ่งแลกเปลี่ยนที่ใช้ชดใช้การกระทำของเจ้า? หากข้าสั่งให้เจ้าทำลายสมองหรือร่างกายของเจ้าล่ะ? เอาเป็นว่า ข้าต้องการทำให้ทุกอย่างฟื้นคืนกลับมาเหมือนก่อน ถ้าหากมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เจ้าจะไม่มีวันได้ออกจากที่แห่งนี้ไปอย่างมีชีวิตแน่นอน”