บทที่ 616 แสนรักกลับมาแล้ว

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

แม่บ้านได้สติคืนมา ก็รีบเรียกพวกบอดี้การ์ดของที่นี่มาทันที ให้พวกเขาไปสืบหาตัวคนยิงมา และสำหรับเนติ พวกเขาก็ช่วยกันพยุงลุกขึ้นมาอีกครั้ง เตรียมที่จะพาเธอหลบออกไปก่อน

แต่ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของเนติก็ดังขึ้นมา

“ฮัลโหล?”

“เป็นอย่างไรบ้าง? คิดดีหรือยัง? คืออยากชนะคดี? หรืออยากเก็บชีวิตคุณไว้?”

เสียงของหญิงสาวลอยผ่านออกมาทางโทรศัพท์ ไม่ร้อนไม่หนาว เรียบเฉยจนเหมือนกับว่ากำลังคุยเรื่องทั่วไปธรรมดาเรื่องหนึ่งกับเธออยู่

แม่บ้านได้ยิน ก็เข้าใจในทันที

“เส้นหมี่? ที่แท้เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?!!”

“ใช่ เป็นอย่างไรบ้าง? คุณนายของพวกแกยังโอเคอยู่ไหม? ใช่แล้ว ลืมบอกพวกแกไปเลย หลบ คือหลบไม่พ้นหรอก ครั้งนี้ที่ฉันจ้างไป ไม่ใช่แค่มือปืนไรเฟิลแค่คนเดียว แต่เป็นสิบคน แกลองคิดดูดีๆ ก็แล้วกัน”

ใครก็คิดไม่ถึงว่า เมื่อก่อนนี้หญิงสาวตัวน้อยผู้แสนอ่อนโยนในสายตาพวกเขา กลับมีอีกด้านที่น่ากลัวได้ขนาดนี้

เธอเหมือนเป็นดั่งปีศาจ เสียงของเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ยังคงนุ่มนวลน่าฟัง แต่ ในตอนนี้ ทุกคำที่ออกมา ดังอยู่ในหูของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์

ซึ่งกลับเหมือนจอมปีศาจที่มุดทะลุออกมาจากนรก

แม่บ้านกลัวจนไม่กล้าขยับตัวแล้ว

“คุณนาย…..”

“อีคนชั่วนี่!!”

เนติก็เข้าใจแล้ว ทันใดนั้น เธอที่นอนอยู่ตรงนั้นร่างกายเต็มไปด้วยเลือดก็เอ่ยปากด่าขึ้นมา

จากนั้น ด่าก็ส่วนด่า ตอนนี้มีกระบอกปืนคอยจ้องยิงเธออยู่ในจุดที่เธอมองไม่เห็น ถ้าหากเธอจะรักษาชีวิตเอาไว้ เธอก็ไม่มีช่องว่างให้เธอได้ดิ้นรนอีกต่อไป!

“เส้นหมี่ ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!” เธอจ้องมองที่โทรศัพท์ พูดแต่ละคำแต่ละวรรค ด้วยท่าทีร้ายกาจ

เส้นหมี่หัวเราะเยาะ ไม่สนใจแม้แต่น้อย

“ตามสบาย แต่ ทางที่ดีตอนนี้คุณก็รีบจัดการเรื่องนี้ให้ฉัน ไม่อย่างนั้น วินาทีถัดไป คนที่จะตายก็คือคุณ”

จากนั้น เธอก็วางสายโทรศัพท์ไป

หลังจากนั้นไม่กี่นาที คนของแผนกกฎหมายต่างก็พุ่งพรวดออกมาจากห้องรับรองจริงๆ ด้วย

“คุณนาย ข่าวดีครับ พวกเขาทางนั้นเพิ่งจะไปยอมรับสารภาพผิดกับผู้พิพากษาแล้ว คดีในครั้งนี้ พวกเราไม่ต้องต่อสู้คดีแล้ว”

“……”

ดังนั้นพูดได้ว่า บางครั้งเรื่องราวมันก็ดูง่ายอย่างนี้เอง

เส้นหมี่เดินถือกระเป๋าออกไปแล้ว อย่างที่คิดไว้ คราวนี้ เธอเจอกับคณาธิปอีกครั้ง เพียงแต่ สีหน้าของเขา ที่ดูความสุขเหมือนตอนที่เธอเจอตอนแรกนั้นกลับหายไปอย่างสิ้นเชิง

“คุณพูดอะไรกับแม่ของผม?”

“เปล่า ฉันก็แค่บอกเขาว่า ฆ่าคนแล้ว ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ทำความผิด ก็ต้องได้รับโทษ!”

เส้นหมี่มองดูเขาอย่างเย็นชา พูดประโยคนี้ให้เขาฟังอย่างชัดเจนที่สุด

ทันทีที่พูดจบ ทันใดนั้น ผู้ชายที่ท่าทีก้าวร้าวใส่เธอเมื่อตอนที่เจอเธอแล้ว ก็ลดความเย่อหยิ่งของเขาลงไป ร่องรอยความซีดขาวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันได้รูปของเขาแทน

ถูกต้อง เขาฆ่าคนแล้ว!

ถึงแม้ว่า ไม่ใช่เขาที่ลงมือฆ่าเอง แต่ คนคนนั้น ก็ตายเพราะเขาเอง

สุดท้ายคณาธิปจ้องมองดูด้านหลังที่กำลังจากไปของผู้หญิงคนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความขาวซีด

——

เส้นหมี่กลับมาถึงบริษัท

เธอยังคงต้องการสืบหาตัวภารานินเป็นสิ่งแรก เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอกังวลใจมากที่สุด

แต่หลังจากที่เธอกลับมาถึงห้องทำงานแล้ว ก็ยังไม่ทันที่จะได้โทรศัพท์ไปหาคนที่เธอว่าจ้างนั้น ผู้ดูแลเจนที่อยู่ด้านนอก จู่ ๆ ก็เข้ามา

“ผู้อำนวยการ ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว คุณรู้ข่าวหรือยัง? ท่านประธานกลับมาแล้วค่ะ”

“คุณพูดจริงเหรอ?”

เธอรู้สึกดีใจในทันที แม้แต่โทรศัพท์ที่เพิ่งหยิบขึ้นเมื่อสักครู่ก็ยอมวางลงไป

ผู้ดูแลเจนพยักหน้า : “ใช่ค่ะ ฉันก็ได้ฟังเขาพูดมา แต่ เหมือนจะเกิดอะไรขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาล”

เส้นหมี่ : “……..”

ทันใดนั้นก็หน้าซีด หมุนตัววิ่งออกไปในทันที

โรงพยาบาล?

เขาอยู่ที่โรงพยาบาล นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?

เส้นหมี่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าคลั่ง

ขับรถด้วยความเร็วสูงตลอดเส้นทางมาจนถึงโรงพยาบาล หลังจากที่จอดรถแล้ว เธอก็รีบไปที่ห้องฉุกเฉินทันที

ในหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ อันที่จริงเธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไปทำอะไรกันแน่? เธอโทรศัพท์ติดต่อเข้าไม่ได้ เขาก็ไม่เคยติดต่อมาหาเธอ หรือบอกเธอว่าตัวเองไปทำอะไรที่ไหน?

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ เธอช่างรู้สึกทรมานเสียจริงๆ

โดยเฉพาะตอนที่เธอรู้ว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับภารานิน ความรู้สึกนั้น ก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น

แต่ สิ่งที่เธอคิดไปต่างๆ นานา กลับไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่เธอเข้ามาในห้องฉุกเฉินนี้แล้ว สิ่งที่เห็นคือผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ในห้องนี้ราวกับหุ่นไม้แกะสลัก

แต่ข้างหน้าเขา กลับเป็นคนหนึ่งที่ถูกคลุมหน้าด้วยผ้าสีขาวนอนอยู่

เส้นหมี่ : “……..”

ในทันใดนั้น ก็รู้สึก “ตึกตึก” ขึ้นในใจ ลางสังหรณ์ไม่ดี ก็ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอ

นี่ใครกัน?

คือ…….ใครตายแล้ว?

เธอค่อยๆ เดินเข้าไป ภายในใจก็กลัว เมื่อเธอไปยืนอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว ก็ไม่กล้าเอ่ยปากเรียกเขาอยู่สักพักใหญ่

“พี่ชาย?”

“……”

ไม่มีเสียงตอบ แน่นอนว่า ผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนราวกับว่าไม่รับรู้ต่อการเคลื่อนไหวต่างๆ รอบตัวเขาเลย

ความรู้สึกไม่สบายใจในใจเส้นหมี่นั้นก็ยิ่งมีมากยิ่งขึ้น

เธอเดินเข้ามา ค่อยๆ ไปยืนอยู่ข้างเขาอย่างระมัดระวัง

ถึงพบว่า เขามีท่าทีคอตก ดวงตาหมองคล้ำ เสื้อผ้าบนร่างกาย ก็สกปรกเลอะเทอะเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่า เธอเหมือนจะเห็นเป็นรอบแดงเข้มบนเสื้อผ้าของเขา

มันดูไม่ค่อยชัดมากนัก และยังได้กลิ่นคาวเลือดอีกด้วย