เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 956
คำพูดกำเริบเสิบสานที่ถูกพูดขึ้นด้วยท่าทางที่เงียบสงบนั้น ก็ยิ่งจะกำเริบเสิบสานหนักขึ้นไปอีก

เมื่อลู่ฝานพูดจบ นักเรียนของสถาบันบู๊องอาจทั้งหมดก็ตะโกนโห่ร้องขึ้น

“ช่างหลงระเริงเกินไปแล้ว ศิษย์พี่เทียนตู้ลงมือจัดการเขาให้ตายไปเลย! ”

“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง! กระบี่ดินคมของศิษย์พี่เทียนตู้ที่ฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว ต่อให้เป็นยอดฝีมือแดนปราณดินก็ต้านทานไม่ได้ แล้วนายเป็นใครกัน”

“นักกระบี่แห่งตงหวาไม่ใช้กระบี่ ช่างอับอายเสียชื่อเสียงยิ่งนัก”

เสียงตะโกนดังไม่หยุด ลู่ฝานได้ยินจนรอยยิ้มที่มุมปากหนักแน่นขึ้นไปอีก

วิชากระบี่ที่ยอดฝีมือแดนปราณดินก็ต้านทานไม่ได้?

อย่างนั้นเขาก็ต้องการที่จะพบเห็นสักหน่อยแล้ว!

ลู่ฝานเองก็ทำท่าเชิญ ยิ้มและมองไปที่เทียนตู้

มือถือกระบี่ดินคม พลังอานุภาพในร่างของเทียนตู้ ก็เริ่มที่จะปะทุพลุ่งพล่านขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“อาศัยฟ้าดินเป็นคมกระบี่ วิชานี้ แม้ว่าจะเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย! ”

เทียนหยาจื่อพูดขึ้น

ผู้อาวุโสด้านข้างพูดขึ้นพร้อมกับลูบหนวดเคราไปพลางว่า: “แดนปราณนอกสามารถที่จะควบรวมอาวุธได้ แต่ควบรวมอย่างไม่บริสุทธิ์ ไม่หนักแน่น ไม่แน่นหนา ไม่สมบูรณ์ หากว่าสามารถควบรวมบีบอัดพลังห้าธาตุที่สูงสุดมาเป็นอาวุธได้แล้วล่ะก็ วิชาดังกล่าวนี้ ก็ถือว่าไม่เลวอย่างมากแล้ว”

“เคล็ดวิชาบู๊ระดับดินชั้นสูง”

“หากว่าสามารถควบรวมห้าธาตุให้เป็นอาวุธได้ ก็เข้าสู่ขั้นระดับฟ้า! ”

ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็กำลังวิพากษณ์วิจารณ์วิชาของเทียนตู้กันอยู่

ด้านล่าง อาจารย์เหลยกับอาจารย์ถิงยวน กลับรู้สึกประหลาดใจบ้างเล็กน้อย

พวกเขาค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับเทียนตู้ แต่คิดไม่ถึงว่าเทียนตู้จะฝึกฝนวิชานี้จนสำเร็จแล้ว

“อาศัยพลังฟ้าดินควบรวมจนกลายเป็นกองกำลัง พลังการต่อสู้ของเทียนตู้เทียบเท่าได้กับ นักบู๊แดนปราณดินแล้ว! ”

“แต่ไม่รู้ว่า เขาจะสามารถใช้กองกำลังที่สุดยอดนี้ ได้ถึงระดับไหนกัน! ”

อาจารย์เหลยกับอาจารย์ถิงยวนได้ตั้งความหวังเอาไว้บ้าง

ในขณะเดียวกันพวกเขายิ่งต้องการจะดูว่า ลู่ฝานที่ต้องเผชิญหน้ากับกระบี่ดินคมของเทียนตู้นั้น จะจัดการรับมืออย่างไร

เทียนตู้ถือกระบี่ดินคม พร้อมกับเดินก้าวเข้ามาหาลู่ฝาน

ฝีเท้าของเขามั่นคงหนักแน่น ในแต่ละก้าว ลู่ฝานสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอานุภาพของเขาที่เพิ่มขึ้น และลำแสงบนกระบี่ก็ยิ่งประกายมากขึ้นด้วย

“ดูดซับพลังพื้นดินอย่างนั้นเหรอ? ”

ลู่ฝานเข้าใจมากขึ้นบ้างแล้ว

เวลานี้ เทียนตู้อยู่ห่างจากลู่ฝานแค่ห้าก้าวเท่านั้น!

ฟาดฟันกระบี่ออกไป โดยที่ไม่ลำแสง มีแต่แรงสั่นสะเทือน และพลังอานุภาพที่มองไม่เห็น จนทำให้เกราะเกล็ดมังกรบนร่างของลู่ฝานนั้นพังยุบลงไปเลย

ร่างกายของลู่ฝานสั่นไหวไปชั่วขณะ และได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

พลังนี้ แข็งแกร่งพอสมควรเลย!

เทียนตู้เดินก้าวเข้าไปอีก แล้วก็ฟาดฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง

ในครั้งนี้ ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนหวั่นไหว พื้นดินตรงบริเวณใต้ฝ่าเท้าของลู่ฝานก็พลันกลายเป็นมือขนาดใหญ่ แล้วก็กระชากตัวของเขาลงไป

ฝ่าเท้าเหยียบย่ำลงบนพื้นดินอย่างหนักหน่วง เปลวไฟแทรกตัวเข้าสู่พื้นดิน ทันใดนั้นพื้นดินใต้ฝ่าเท้าก็ถูกเผาไหม้จนเป็นดำเกรียม มือยักษ์แหลกสลาย

ขั้นที่สาม พื้นดินตะโกนโห่ร้องด้วยความโกรธแค้น

ลำแสงสีเหลืองจำนวนมากราวกับกระบี่ได้ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน แต่ละลำแสง ราวกับว่าจะทะยานพุ่งทะลุฟากฟ้า

กระบี่ของเทียนตู้ ก็คือเส้นลำแสงขนาดใหญ่ที่สุด พุ่งโจมตีเข้าใส่ที่ทรวงอกของลู่ฝานอย่างจัง

เกราะเกล็ดมังกรบนร่างของลู่ฝานพังทลายลง แต่ลู่ฝานยังใช้พลังหมัดชกทำลายลำแสงที่อยู่เบื้องหน้า

กล้ามเนื้อในร่างกายสั่นไหว ปราณชี่เริ่มขับเคลื่อนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับเป็นพายุทอร์นาโด

เวลานี้ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง ด้านหลังของลู่ฝาน ร่างรางอสูรสายฟ้าก็พลันปรากฏขึ้น แล้วสายฟ้าสีดำก็ผ่าลงมาที่ร่างกายของเขา

ปล่อยวิชาสายฟ้าฟาดห้าธาตุออกมา ถึงกับทำให้ลำแสงสีเหลืองเหล่านี้แหลกสลายลงไปทั้งหมด

ทุกคนมองดูกันอย่างตะลึงจนตาค้าง และกลั้นลมหายใจ

กระบวนท่าของทั้งสองคน ต่างก็ได้แสดงพลังที่แข็งแกร่งออกมา ถึงขนาดที่องครักษ์เกราะทองข้างกายขององค์ชายรองฉินฝานก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป นั่นแสดงว่าพลังความสามารถที่ทั้งสองคนแสดงออกมาในเวลานี้ สามารถที่จะข่มขู่คุกคามนักบู๊แดนปราณดินได้เลยทีเดียว

ผู้ตรวจการแปดสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม เบิกตาสองข้างมองดู โดยไม่กล้าที่จะพลาดช่วงจังหวะรายละเอียดแม้แต่น้อย