ตอนที่ 709
รอบด้าน
“นี่เจ้า….ใช้เครื่องหอมด้วยงั้นเหรอ”เจียนหู่ที่นั่งอยู่บนรถคันเดียวกันกับชิวซุยถามออกมาด้วยท่าทีสงสัย ส่วนทำไมชิวซุยถึงมานั่งรถคันเดียวกับมันได้นั้นก็เพราะนางหนีองค์ชายมาจากรถที่หลี่เซียนนั่นและนางก็ไม่อยากไปนั่งกับสือหลงเท่าไหร่ หมอนั่นกวนประสาทนางทุกครั้งที่หลี่เซียนไม่อยู่เลย
“มันเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงไม่ใช่หรือไง”ชิวซุยตอบพลางยิ้มบางๆออกมา อยู่กับเจียนหู่สบายใจกว่าอยู่กับสือหลงเป็นไหนๆ แม้เจียนหู่เองก็สงสัยเรื่องของชิวซุยเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ลงมือทำอะไรโจ่งแจ้งนัก ไม่เหมือนสือหลงที่รุกไม่หยุดแถมยังชอบวางกับดักให้นางตกอยู่เรื่อย
“ก็จริงของเจ้า แต่อยู่ๆเจ้าก็ใช้เครื่องหอมหลังจากองค์ชายมาสนใจมันดูมีความหมายไม่ใช่หรือไง”เจียนหู่ถามพลางมองชิวซุยด้วยท่าทีสงสัย ไหนนางบอกว่านางชอบหลี่เซียนไง แล้วทำไมพอองค์ชายแสดงท่าทีสนใจนางกลับเริ่มใช้เครื่องหอมอย่างกับจะพยายามดึงดูดความสนใจขององค์ชายเลยเล่า
“ข้าใช้เครื่องหอมเพราะเราเข้าเขตอาณาจักรหลิวกันแล้วต่างหาก ไม่เกี่ยวกับองค์ชายจินเป่ยซวนหรอก”ชิวซุยได้ยินก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ นางอยากจะให้องค์ชายคนนี้ยอมแพ้แล้วไปจากนางเสียที ไม่ได้หวังให้มันมาสนใจอย่างที่เจียนหู่กล่าวหาเลยแม้แต่น้อย เครื่องหอมที่ชิวซุยใช้อยู่ตอนนี้นั้นก็คือไม้หอมที่ใช้กลบกลิ่นอายของพลังดึงดูดเหล่าอสูรนั่นเอง หากนางไม่เอากลิ่นของกิ่งไม้มาบังต่อให้ปิดหน้าพวกอสูรก็ต้องจำได้แน่ๆ
“ถ้านางอยากให้องค์ชายสนใจ นางคงไม่มานั่งกับพวกเราหรอก”อวิ๋นฉางพูดออกมาพลางมองมาทางชิวซุยด้วยหางตา หากนางอยากดึงดูดความสนใจขององค์ชายจริงก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ขอแค่นั่งสวยๆอยู่ที่รถคันเดียวกับหลี่เซียนเหมือนเมื่อวานองค์ชายจินเป่ยซวนก็คงเข้าไปหานางทันทีแล้วไม่ต้องพึ่งพาเครื่องหอมอะไรหรอก
“แล้วทำไมพอเข้าอาณาจักรหลิวแล้วเจ้าต้องใช้เครื่องหอมด้วยเล่า”เจียนหู่ถามด้วยท่าทีสงสัย เพราะเข้าเขตอาณาจักรหลิวแล้วก็เลยใช้เครื่องหอม ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“มันช่วยไล่อสูรออกไปได้”ชิวซุยตอบออกมาด้วยความจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ก็จริงอยู่ที่มันทำให้อสูรไม่เข้ามาใกล้ชิวซุยเกินความจำเป็น แต่ก็ไม่ได้ไล่พวกมันออกไปแต่อย่างไร
“ไล่….ไม่ใช่ว่าคนอาณาจักรหลิวใช้ชีวิตร่วมกันอสูรเป็นเรื่องปกติหรอกหรือ”เจียนหู่ถามด้วยท่าทีสงสัย อาณาจักรจินเป่ยไม่ได้ใกล้ชิดอสูรเหมือนอาณาจักรหลิวและอาณาจักรพันธมิตรใหญ่อย่างอู่และชิน แต่ในความเข้าใจของพวกมันอาณาจักรหลิวนั้นเป็นอาณาจักรที่อสูรและมนุษย์อยู่ร่วมกันราวกับเผ่าพันธุ์เดียวกันไม่ใช่หรือ
“คนอาณาจักรหลิวก็มีพวกที่ไม่ชอบอสูรอยู่เหมือนกันนั่นล่ะ”ชิวซุยตอบด้วยท่าทีนิ่งๆเหมือนกำลังพูดเรื่องของตนเอง แต่เปล่าเลยนางไม่ได้เกลียดอสูร นางแค่ยกตัวอย่างโดยไม่ได้บอกเท่านั้นว่าพูดถึงคนอื่น
“งั้นหรอกหรือ”เจียนหู่พยักหน้าน้อยๆ จะว่าไปชิวซุยก็เคยเป็นแม่ค้าหนีภาษีมาก่อน ได้ข่าวว่าอาณาจักรหลิวมีหน่วยล่าตัวที่ใช้อสูรร่วมงานด้วย หากต้องโดนพวกอสูรตามล่ามันเองกึงไม่อยากเข้าใกล้อสูรเสียเท่าไหร่เหมือนกัน
“ว่าแต่เจ้าเถอะ คราวก่อนเจ้าตามความเร็วของข้าทันนี่นา จริงๆแล้วเจ้าระดับฝีมือขนาดไหนกันแน่”อวิ๋นฉางว่าพลางหันไปมองชิวซุยด้วยท่าทีสนใจ คนอย่างอวิ๋นฉางไม่เคยตัดสินคนที่หน้าตา แต่มันชมชอบผู้แข็งแกร่งทั้งนั้น มันจึงสนิทกับหลี่เซียนที่มีฝีมือทัดเทียมกันกับมันมากกว่ารองแม่ทัพคนอื่นๆ
“ทำไมพวกท่านถึงเอาแต่พยายามถามข้าอยู่เรื่อยเลยล่ะ”ชิวซุยทำหน้ามุ่ยด้วยท่าทีไม่ชอบใจ รองแม่ทัพอีก 3 คนที่เหลือต่างทราบแล้วว่าชิวซุยหาใช่คนธรรมดาไร้พลังวิญญาณไม่ แต่เรื่องนางระดับพลังอยู่ขั้นไหนพึ่งมีอวิ๋นฉางคนเดียวที่ถาม
“ก็เจ้าทำตัวน่าสงสัยเองไม่ใช่หรือยังไง”เจียนหู่ตอบออกไปตามตรง ซึ่งตัวชิวซุยก็ไม่เถียงเรื่องนี้ นางปิดเรื่องตนเองเป็นคนตระกูลไป๋เอาไว้เลยดูเป็นคนน่าสงสัยเป็นธรรมดา หากไม่ใช่เพราะเกรงใจท่านแม่ทัพอย่างอั้งจินเป่าพวกมันคงรวมหัวกันจับตัวนางเอาไว้แล้วเค้นความจริงจากนางให้ได้ไปแล้ว
ฟุบ…
อยู่ๆอวิ๋นฉางก็ปาบางอย่างเข้าไปใส่ชิวซุยขณะที่นางกำลังคุยกับเจียนหู่ หากเป็นคนปกติหรือคนที่มีพลังฝีมือธรรมดาทั่วไปไม่ได้ผ่านการฝึกฝนคงหลบไม่ทันเป็นแน่ แต่…
หมับ!
ชิวซุยยกมือขึ้นมารับเม็ดสีแดงบางอย่างที่อวิ๋นฉางปาเข้ามาพอดี เจ้าเม็ดหน้าตาประหลาดสีแดงนั่นเหมือนลูกแก้วที่มีของเหลวสีแดงอยู่ข้างใน จะปล่อยให้มาโดนตัวก็น่าระแวงเกินไป
“นั่นไง ขนาดเผลอยังรับได้เลย”อวิ๋นฉางว่าพลางหันไปมองเจียนหู่ด้วยท่าทีเหมือนจะบอกว่า เห็นไหมข้าบอกแล้วไม่มีผิด
“วิชาอาวุธลับของอวิ๋นฉางไม่ใช่ธรรมดานะ เจ้ารับมันได้ง่ายๆแบบนี้มันน่าสงสัยจริงๆ”เจียนหู่ว่าพลางจ้องเม็ดกลมสีแดงในมือชิวซุยนิ่ง เจ้าเม็ดกลมนี่คืออาวุธลับของอวิ๋นฉาง หากมันแตกออกหลังจากกระทบร่างของศัตรูพิษภายในก็จะสร้างอาการมึนงงสับสนให้กับศัตรูไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าหากโดนเข้าไปก็จะต่อสู้ลำบากขึ้นมากเลยทีเดียว
“นี่ท่าน….โยนของอันตรายแบบนี้ใส่ข้าเลยงั้นหรือ”ชิวซุยพอทราบว่าลูกแก้วนั่นคืออะไรก็มองไปทางอวิ๋นฉางด้วยท่าทีไม่พอใจทันที แม้พิษจะไม่มีผลกับนางแต่หากโดนเข้าไปชุดของนางต้องเปื้อนแน่ๆ
“แต่เจ้าก็รับได้นี่”อวิ๋นฉางตอบเหมือนไม่ใส่ใจ ขอแค่ได้รู้ว่าชิวซุยจะรับได้หรือไม่จะอันตรายนิดหน่อยมันก็ไม่สนหรอก
“ท่าน….”ชิวซุยถึงกับพูดไม่ออก คนปกติเขาทำกันแบบนี้ด้วยงั้นหรือ
“ว่าแต่ เจ้ารู้ด้วยหรือว่ามันคืออะไร”ไม่ใช่แค่อวิ๋นฉาง แม้แต่เจียนหู่ก็ยังจ้องจับผิดชิวซุยอยู่เช่นเดียวกัน ทันทีที่รับเอาไว้ นางก็บอกทันทีว่ามันเป็นของอันตราย ทั้งๆที่ดูภายนอกไม่ควรแยกออกแท้ๆว่าของเหลวข้างในคืออะไร
“ก็ข้าเป็นแม่ค้านี่นา ข้าเลยพอรู้จักสมุนไพรพวกนี้บ้าง”ชิวซุยตอบพลางหลบสายตาเจีนนหู่ไปทางอื่น
“แม่ค้าปกติไม่รู้จักของที่อวิ๋นฉางใช้หรอกนะ”เจียนหู่ได้ยินก็ไม่เชื่อทันที สมุนไพรที่เอามาใช้เป็นของที่หาไม่ได้ง่ายๆในท้องตลาด แม่ค้าหนีภาษีที่ไม่มีเงินจ่ายค่าส่งออกจะคุ้นเคยกับมันได้อย่างไร
“พวกท่านระแวงข้าเกินไปแล้ว ข้าก็แค่อยากอยู่กับท่านหลี่เซียนเท่านั้นเอง”ชิวซุยรู้สึกเหมือนจะคิดผิดที่ไม่ได้นั่งกับหลี่เซียนหรือสือหลง เพราะไม่ว่าจะทางไหนนางก็ต้องรับมือกับคนๆเดียวทั้งนั้น แต่นี่กลับต้องมารับมือทีเดียว 2 คน ทำเอาคนไม่ค่อยได้โกหกอย่างชิวซุยไปไม่ถูกเลย
.
.
.
“คุณหนู…..เป็นอะไรไปหรือขอรับ”จนแล้วจนรอดชิวซุยก็หนีมานั่งรถคันเดียวกันกับแม่ทัพสามอั้งจินเป่าหลังจากแวะพักอีกครั้งจนได้ แต่เพราะโดนพวกรองแม่ทัพตามจี้กัน 3 คนรวมกับโดนองค์ชายเข้ามาตามตื๊อทันทีที่แวะพัก ชิวซุยเลยอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
“ท่านแม่ทัพสาม ท่านสอนรองแม่ทัพของท่านยังไงกันเนี่ย”ชิวซุยถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยๆ ความจริงนางควรมานั่งที่รถเดียวกับอั้งจินเป่าตั้งแต่แรกแล้วหากไม่ใช่เพราะรถที่อั้งจินเป่านั่งมาเป็นรถคันเดียวกันกับรถที่จักรพรรดิจินเป่ยประทับอยู่ละก็
“ขออภัยด้วยขอรับ พวกมันทำภารกิจมานานเลยติดนิสัยขี้ระแวง”อั้งจินเป่าตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา มันก็เห็นแล้วว่ารองแม่ทัพทั้งสามตามตื๊อชิวซุยเพราะระแวงในตัวนาง แต่มันจะบอกความจริงก็ไม่ได้ และต่อให้ยืนยันความน่าเชื่อถือของชิวซุยเท่าไหร่ก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์
“แบบนี้ไม่ดีแล้ว”ชิวซุยถอนหายใจออกมาพลางมองไปทางองค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่ข้างๆตนเอง นึกว่าจะมีแต่สือหลงคนเดียวเสียอีกที่พยายามสืบความจริงจากนาง แต่นี้เจียนหู่ที่ทำท่าทีเหมือนไม่ได้สนใจกลับจับจุดสงสัยได้อย่างน่าตกใจ แถมอวิ๋นฉางยังสนใจเรื่องความสามารถของชิวซุยจนตลอดทางก่อนหน้านี้มันพยายามทดสอบชิวซุยหลายต่อหลายอย่าง แถมยังเล่นแรงไม่น้อยเลยด้วย
“องค์จักรพรรดิ ข้าขอคุยกับท่านหน่อย”ชิวซุยดึงผ้าปิดหน้าออกพลางมององค์จักรพรรดิอย่างจริงจัง เรื่องรองแม่ทัพทั้งสามคงทำอะไรไม่ได้ พวกมันสนิทกับหลี่เซียนเกินไป แต่ชิวซุยก็ไม่อยากให้มีตัววุ่นวายอย่างองค์ชายจินเป่ยซวนมาเพิ่มภาระให้นางอีก
“ทะ ท่าน…….”องค์จักรพรรดิพอเห็นใบหน้าชิวซุยเข้าก็พลันนึกออกทันทีว่าแม่หนูคนนี้เหตุใดถึงท่าทางคุ้นๆนัก
“เรื่องลูกชายของท่าน….”ชิวซุยเล่าเรื่องบุตรชายขององค์จักรพรรดิให้เจ้าตัวฟัง มันไม่ได้สนิทกับหลี่เซียน หากกดดันหน่อยก็คงยอมวางมือแน่ๆ
.
.
“อะไรกัน เริ่มยึดอำนาจแล้วงั้นหรือ”อีกด้านหนึ่งทางด้านของหลินเฟยที่พึ่งกลับมาจากการเดินทางไปมอบของปลอบขวัญให้ไป๋ฟานพร้อมคนรักใหม่ทั้งสองคนก็พึ่งได้ทราบข่าวของอาณาจักรหลิวเดี๋ยวนี้เอง แต่เพราะมันทราบแผนอยู่แล้วเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่
“ทั้งหมดนี่เพราะลูกชายของจูล่งสินะ”หลานฮวาว่าพลางมองจดหมายที่ติดมากับขาของนกส่งสาร
“ช่วยไม่ได้นี่นา เด็กที่เกิดมาหากไม่เลี้ยงให้ดีคงได้เละแน่ๆ ขืนเอาแต่ใช้อำนาจของตระกูลคงแย่แน่”หลินเฟยถอนหายใจออกมาพลางนึกถึงตอนที่จูล่งบอกตนเองว่าอยากมีลูก เด็กคนนั้นจะมีพลังแบบไหนกันนะ….
“นั่นสิ ถ้าเป็นแบบเจ้าก่อนหน้านี้คงลำบากแย่”หลานฮวาตอบพลางหัวเราะออกมา แน่ล่ะหลินเฟยใช้อำนาจของตระกูลช่วยเหลือเรื่องต่างๆจนเคยตัว และผลสุดท้ายก็เลยโดนลงโทษไงล่ะ
“เฮ้อ เรื่องเก่าท่านอย่าไปพูดถึงเลย”หลินเฟยเหงื่อตกพลางหันไปมองคนรักทั้งสองของมัน แต่พวกนางก็ทราบเรื่องดีอยู่แล้วเลยได้แต่หัวเราะคิกคักแล้วหันไปซุบซิบกันเท่านั้น
“จริงสิ แล้วชิวซุยหายไปไหนกัน”หลินเฟยส่ายหน้าก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องไปเรื่องอื่นเสีย
“จริงสิ….”หลานฮวาพอได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนพึ่งนึกออก ชิวซุยหายไปหาโจรปลอมๆมาจับตัวพวกเซี่ยจินเย่กับอาทู้นี่นา ระดับนางน่าจะหาโจรแบบนั้นได้ไม่ยากนี่นา