ตอนที่ 615 แย่งกันเป็นตัวประกัน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

สถานการณ์แต่ละอย่างในอดีตต่างถูกเปิดโปงโดยหานหยวน ในขณะที่หานชางผู้เป็นตัวการก่อเรื่องชั่วช้าเหล่านั้นกลับไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขายังคงวางท่ายโสไม่สำนึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและไม่เคยคิดว่าตนทำสิ่งใดผิดไป

“หานซวนหยวน ตั้งแต่เด็ก เจ้าเหนือกว่าข้าในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือว่าพรสวรรค์ อีกทั้งเจ้าก็เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล ท่านพ่อรักเจ้ามากกว่าและแม้แต่หานหยวนเองก็อยากอยู่กับเจ้ามากกว่า ข้ารู้ดีว่าพรสวรรค์ของข้าอาจเทียบกับเจ้าไม่ได้…ทว่าข้าก็เพียรพยายามและทุ่มเทไม่ต่างกัน เหตุใดทุกคนในตระกูลหานจึงสนใจเพียงแต่เจ้าและเมินเฉยมองข้ามข้าราวกับข้าไม่มีตัวตนอยู่”

หานชางมองตรงไปที่หานซวนหยวนด้วยแววตาขุ่นเคืองใจ ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เขาริษยาและชิงชังหานซวนหยวนมาเสมอ หากมิใช่เพราะคนผู้นี้ขโมยความเจิดจรัสโดดเด่นไปเสียหมด หานชางก็คงได้เป็นบุตรชายคนโปรดของผู้นำตระกูลคนก่อนไปแล้ว

“หานชาง เหตุใดเจ้าจึงไม่เคยนึกย้อนมองดูตัวเอง ?”

หานซวนหยวนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินวาจายาวเหยียดดั่งคนเสียสติของหานชางและรู้สึกจนปัญญาไม่น้อย เขายอมรับว่าในตอนนั้นตนเป็นที่รักและได้รับความสนใจอย่างมากจริง หากเขามีโอกาสย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาก็คงเลือกที่จะเก็บตัวสงบเสงี่ยม เช่นเดียวกับหานหยวนที่ใช้ชีวิตอย่างสงบและไม่วุ่นวาย

“หานชาง พี่ใหญ่เป็นคนดีและยึดมั่นในความยุติธรรม เขาดีกับทุกคนในตระกูลหาน เพราะเหตุนั้นทุกคนจึงยอมรับในตัวเขาและเคารพชื่นชมเขา ทว่าตัวเจ้าทั้งใจคดและชั่วร้ายโหดเหี้ยม เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เจ้าทำได้แม้กระทั่งฆ่าพ่อของตัวเองและพยายามใช้กลอุบายมารยาต่าง ๆ กับพี่ใหญ่ที่ดีกับเจ้ามาโดยตลอด ถามตัวเองให้ดีเถอะว่าเจ้าควรได้รับความเคารพและความจริงใจจากทุกคนหรือไม่ !”

หานหยวนอดกล่าวออกไปไม่ได้ ในฐานะบุคคลที่สาม เขาทราบความแตกต่างระหว่างหานซวนหยวนและหานชางเป็นอย่างดี

หานชางเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมและไม่เคยเห็นค่าของชีวิตผู้อื่น ด้วยลักษณะนิสัยดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับความเคารพจากทุกคนในตระกูลหาน ผู้นำตระกูลหานคนก่อนซึ่งเป็นบิดาของพวกเขาก็เป็นคนจิตใจดีและรักในความยุติธรรม การที่หานชางมีบุคลิกนิสัยเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ชื่นชมเท่าใดนัก

เพียงแต่ถึงอย่างไรหานชางก็ยังถือเป็นบุตรชายคนหนึ่งของเขาและเขาไม่สามารถใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมรุนแรงจนเกินไป หากผู้นำตระกูลหานคนก่อนมีจิตใจที่โหดเหี้ยมมากกว่านี้ เรื่องร้าย ๆ หลายอย่างในอดีตก็คงไม่เกิดขึ้น

เมื่อหานหยวนกล่าวเรื่องทั้งหมด หลายคนในตระกูลหานก็พยักศีรษะเบา ๆ ด้วยความเห็นด้วย หานชางเป็นบุคคลเช่นนั้นจริงและนั่นเป็นสาเหตุที่เขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในตระกูลมากนักแม้หลังจากดำรงตำแหน่งผู้นำมานานหลายปี

“หานยวน หุบปากไปเสีย !”

หานชางไม่สนใจฟังวาจาของหานหยวนแม้แต่น้อยขณะจ้องหน้าน้องชายต่างมารดาตาเขม็งและกล่าวตอบโต้ “เจ้าก็เหมือนกับข้า เป็นเพียงลูกของอนุภรรยา ข้ามั่นใจว่าต่อให้เทียบหานซวนหยวนไม่ได้ ข้าก็ยังดีกว่าเจ้ามากนัก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดหานซวนหยวนจึงดีกับเจ้ามากกว่าข้าตั้งแต่วัยเด็ก เหตุใดเจ้าทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์พี่น้องที่แน่นแฟ้น แต่ข้ากลับไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้น ?”

ในช่วงเวลาที่พวกเขายังเด็ก หานซวนหยวนก็ดีกับหานชางและหานหยวนยิ่งนัก เขาไม่เคยรังเกียจเดียดฉันท์หรือแบ่งชนชั้นเพียงเพราะน้องชายต่างมารดาทั้งสองเป็นบุตรของอนุภรรยา ในทางกลับกัน เขาปฏิบัติต่อทั้งสองดั่งน้องชายแท้ ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อหานชางและหานหยวนค่อย ๆ เติบโตขึ้น หานชางก็ค้นพบว่าหานซวนหยวนมิได้ดีกับเขามากเท่าที่เคย เขาทั้งริษยาและไม่พอใจอย่างที่สุด เห็นได้ชัดว่าเขาดีกว่าหานหยวนในทุกด้าน แล้วเหตุใดหานซวนหยวนจึงดูแลเอาใจใส่หานหยวนมากกว่าตัวเขา ?

“โอ้… หานชาง เรายังต้องอธิบายอะไรอีกงั้นหรือ ตอนที่เจ้าอายุแปดขวบ ข้าเห็นด้วยตาตัวเองว่าเจ้าพยายามฆ่าน้องสาม ในตอนนั้นเจ้าก็แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมและการใช้วิธีชั่วร้ายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการจนแม้แต่ข้าก็ยังต้องหวั่นใจ ข้าไม่รู้เลยว่าเหตุใดเจ้าจึงคิดทำเช่นนั้นแต่ข้าก็ไม่เคยตีตัวออกห่างจากเจ้าเพราะเหตุการณ์ครานั้น เพียงแต่ข้าไม่อยากให้น้องสามต้องอยู่กับเจ้าอีก เขาเป็นน้องเล็กสุดและข้ามีหน้าที่ปกป้องดูแลเขา อย่างไรก็ตาม ข้าปฏิบัติต่อเจ้าทั้งสองเท่าเทียมกันเสมอมา”

ขณะกล่าวถึงเรื่องอดีตอย่างไม่เต็มใจนัก น้ำเสียงของหานซวนหยวนก็บ่งบอกถึงความจนปัญญาอย่างที่สุด เขายังจำได้ดีไม่เคยลืมเลือนว่าตน หานชางและหานหยวนเคยสนิทสนมกันมากเพียงใดเมื่อครั้งยังเด็ก ในตอนนั้น หานชางมักตามติดพี่ชายโดยที่เชื่อฟังวาจาทุกอย่างและจริงใจอย่างยิ่ง

แต่ทว่า… เมื่อเวลาผ่านไปและทั้งสามเติบโตขึ้น ความใกล้ชิดสนิทสนมของสามพี่น้องก็ได้เปลี่ยนแปลงไป และตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถย้อนอดีตกลับไปได้อีก…

หานชางชะงักไปครู่หนึ่งและเริ่มจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ในตอนนั้นเขามีอายุแปดปีและเด็กน้อยหานหยวนมีอายุเพียงห้าปีเท่านั้น ขณะที่ทั้งสองกำลังเล่นสนุกกันข้างสวน จู่ ๆ ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัวของหานชาง เขาคิดว่าหากน้องชายคนเล็กตายไปก็จะไม่มีใครแย่งชิงความรักความสนใจของหานซวนหยวนไปจากเขาและตระกูลหานจะมีบุตรชายเพียงสองคนซึ่งก็คือตัวเขาและพี่ใหญ่หานซวนหยวนเท่านั้น

ด้วยความคิดแบบเด็ก ๆ ไม่ยั้งคิดนั้น เขาจึงออกแรงผลักหานหยวนให้ตกลงในสระน้ำเย็นยะเยือก

น่าเสียดายที่หานซวนหยวนเข้ามาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวพอดี หานซวนหยวนซึ่งอายุสิบเอ็ดปีในตอนนั้นจึงเข้าไปช่วยหานหยวนไว้ได้ทันและจำเรื่องนั้นไม่เคยลืม

นับจากวันนั้นมา หานชางรู้สึกได้ว่าหานซวนหยวนเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยทราบสาเหตุมาก่อน และในที่สุดวันนี้เขาก็ได้รับคำตอบที่ค้างคาใจมาโดยตลอด

“ทุกอย่างย่อมมีเหตุและมีผลของมันอยู่เสมอ หากมิใช่เพราะเจ้าล้ำเส้นมากเกินไป ทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น หากมิใช่เพราะเจ้าโลภมากและถูกครอบงำโดยความปรารถนาที่ชั่วร้าย พวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร หานชาง…เจ้าไม่ต้องหาข้ออ้างอื่นใดทั้งสิ้น สถานการณ์ของตระกูลหานดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้วและมันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งใดในอดีตได้อีก !”

หานหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาจำเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตได้ไม่เคยลืมเลือน ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หานชางเป็นพี่ชายที่ดีต่อเขามาก เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีทางย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ดีเหล่านั้นได้อีกต่อไป

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ มันคือสิ่งที่พวกเจ้าสมควรได้รับ !”

จู่ ๆ หานชางก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งทว่ายังคงไม่ยอมรับความผิดของตนเองเช่นเดิม

“หานหยวน คิดว่าข้าไม่รู้ความคิดของเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมางั้นรึ ? คิดว่าข้าไม่รู้ถึงสิ่งที่เจ้าพยายามทำงั้นรึ ?! สาเหตุที่ข้าไม่กำจัดเจ้าไปก็เป็นเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีในอดีตของเรา ข้าคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้มาก่อนแล้ว เจ้าไม่สงสัยหรือว่าตอนนี้ลูก ๆ ของเจ้าอยู่ที่ใด ?”

เมื่อได้ยินวาจาของหานชาง สีหน้าของหานหยวนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บุตรและบุตรีของเขาไม่กลับมาที่จวนนานหลายวันแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเพียงคิดว่าพวกเขาออกไปฝึกยุทธ์สะสมประสบการณ์ ไม่คิดเลยว่าแท้ที่จริงพวกเขาจะตกอยู่ในเงื้อมมือของหานชาง

“หานชาง เจ้าทำอะไรกับลูกของข้า ?!”

หานหยวนจ้องหน้าหานชางด้วยแววตาเยือกเย็นขณะจิตสังหารแรงกล้าแผ่ออกไปอย่างไม่ปิดบัง เขาประมาทเกินไปและปล่อยให้บุตรของตนตกไปอยู่ในการควบคุมของหานชางผู้นี้ได้

“ไม่ต้องห่วง พวกเขาเป็นหลานของข้า แน่นอนว่าข้าจะไม่โหดเหี้ยมจนเกินไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้าคิดจะทำสิ่งใดที่เป็นการขัดขวางแผนการของข้าในวันนี้ ข้าก็ไม่อาจรับประกันว่าพวกเขาจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป”

หานชางแสยะยิ้มชั่วร้าย จากนั้นผู้อาวุโสหลายคนก็จับตัวบุรุษและสตรีวัยเยาว์เดินเข้ามา

บุรุษและสตรีมีรูปลักษณ์ที่สง่างามพอสมควรและดูคล้ายกับหานหยวนอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของพวกเขาก็แสดงถึงความมุ่งมั่นอุตสาหะบางอย่างที่ทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกชื่นชมมากกว่าหานซื่อและหานเฟยเสียอีก

“ท่านพ่อ ท่านลุงและลูกพี่ลูกน้องโม่ฉือ ไม่ต้องห่วงพวกเรา ตราบใดที่ทำลายแผนการชั่วช้าของเขาได้ ต่อให้เราต้องตาย…เราก็ถือว่าได้ตายอย่างสมเกียรติ !”

บุตรชายของหานหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อสามวันก่อน เขาและน้องสาวออกไปฝึกยุทธ์ข้างนอกทว่าถูกล้อมโจมตีโดยคนกลุ่มหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าตนมาก แม้มีพลังไม่โดดเด่นมากนัก ทว่าทั้งสองก็ชาญฉลาดและมีไหวพริบดี พวกเขาจึงทราบได้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลบางอย่าง

เดิมทีเขาก็ต้องการที่จะระเบิดตัวเอง ทว่ากลับถูกควบคุมไว้โดยวิธีการลับบางอย่างของหานชางและถูกล้อมรอบคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้ต้องการฆ่าตัวตาย เขาก็ไม่มีโอกาสนั้น วันนี้แม้ว่าหานชางต้องการใช้เขาและน้องสาวเป็นตัวประกันในการข่มขู่หานซวนหยวนและหานหยวน ทว่าเขาและน้องสาวก็มองหน้าอย่างรู้กันและตัดสินใจอย่างแน่วแน่

ตราบใดที่ตระกูลหานฟื้นฟูกลับสู่สภาวะสงบดังก่อนหน้านี้และไม่ถูกทำลายโดยน้ำมือของหานชาง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต พวกเขาก็ยินดีที่จะเสียสละ

“หุบปากไปเสีย !”

หานชางตะโกนกร้าวเพื่อไม่ให้บุตรชายของหานหยวนกล่าวสิ่งใดอีก

“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงพวกเราเจ้าค่ะ ท่านพี่และข้าตั้งใจจะตายเพื่อตระกูลหาน ขอเพียงหยุดยั้งแผนการของหานชางได้ เราก็ไม่นึกเสียดายชีวิต”

บุตรสาวของหานหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ซึ่งไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย ทั้งสองได้รับการอบรมสั่งสอนจากหานหยวนมาอย่างดีตั้งแต่เด็กจึงมีนิสัยใจคอที่รักในความถูกต้องและความยุติธรรมอย่างยิ่ง

“โอ้ ลูกของเจ้าถือว่าไม่เลวทีเดียว !”

หานชางกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงยั่วยุ ต้องยอมรับว่าหานหยวนเลี้ยงดูบุตรมาเป็นอย่างดีซึ่งไม่ต่างจากบุตรชายสองคนของตัวเขานัก

เมื่อได้ยินวาจาของบุตรและบุตรีของตน หานหยวนก็ทั้งปลื้มปิติและหัวใจแหลกสลายไปพร้อม ๆ กัน อย่างไรก็ตาม เขาสลัดความรู้สึกส่วนตัวทิ้งไปและกลับคืนสู่ความสงบนิ่งดังเดิม

“พี่ใหญ่ ดำเนินตามแผนการเดิมเถอะ”

เขากล่าวกับหานซวนหยวนโดยเตรียมใจพร้อมที่จะทอดทิ้งบุตรของตนเอง

เมื่อได้ยินวาจาของหานหยวน บุตรของเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจและสนับสนุนการตัดสินใจของบิดาอย่างชัดเจน

“ไม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาตาย”

หานซวนหยวนส่ายศีรษะปฏิเสธทันที เขาไม่อาจปล่อยให้บุตรและบุตรีของหานหยวนต้องเสียสละชีวิตของตนเองได้

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็รู้สึกซาบซึ้งในการตัดสินใจของหานหยวนและบุตรของเขาอย่างยิ่ง ทั้งสองมองหน้ากันและมีความเคารพต่ออาสามมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่มีทางปล่อยให้ทั้งสองต้องตายไปต่อหน้าต่อตา

“หานชาง เจ้าต้องการจะทำอะไร ?”

หานโม่ฉือกล่าวขณะมองหานชางด้วยสีหน้าแววตาเรียบเฉย

“ง่ายมาก หากพวกเจ้าต้องการให้ข้าปล่อยพวกเขาไป จงส่งคนสำคัญคนอื่นมาเป็นตัวประกันแทน”

หานชางยิ้มเยือกเย็นทว่าหันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้กับหลงจื้อและคนอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้ว่าเขามีแผนการอะไรอยู่

“ตกลง ข้าจะไปเอง”

หานซวนหยวนพยักศีรษะโดยไม่ลังเลและเตรียมแลกตัวกับบุตรทั้งสองของหานหยวน

“ไม่ ข้าจะไปเอง ข้าเป็นพ่อของพวกเขาและเป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องช่วยพวกเขา !”

หานหยวนขวางหานซวนหยวนไว้ทันที หากสามารถแลกชีวิตของตนเองกับชีวิตของบุตรได้ หานหยวนก็คิดว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าทีเดียว

“ไม่ได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ข้าจะไปเอง !”

หานซวนหยวนส่ายศีรษะทันที เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวของหานหยวนต้องเผชิญกับชะตากรรมนี้และควรเป็นเขาที่รับหน้าที่เป็นตัวประกันแทน

“ไม่ต้องเถียงกันเจ้าค่ะ เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”

ทันใดนั้น ฉินอวี้โม่ก็กล่าวแทรกขึ้นมาขัดจังหวะหานซวนหยวนและหานหยวน การตัดสินใจของนางแน่วแน่ชัดเจนแล้ว

.