Ch.30 – การฝึกซ้อมในระดับสูง
Translator : Asiran / Author
ตอนที่****30 – การฝึกซ้อมในระดับสูง
ไม่มีคนเล่นแครี่เหรอ
เมื่อเอาประโยคนี้มาปาใส่หน้าเหออวี้ที่เพิ่งจะผ่าน brone, silver, gold, platinum มาก็ทำให้คนไม่อาจเชื่อได้เลย จากที่เหออวี้เห็นอยู่ทุกวันนั้น : ข้อหนึ่ง ไม่เคยขาดแครี่, ข้อสอง ส่วนมากมักจะมีแครี่สองตัว, ข้อสาม บางครั้งก็มีแครี่สามตัว, ข้อสี่ แม้แต่แครี่ห้าตัวก็เจอมาแล้ว, ข้อห้า ในกรณีข้อสอง ข้อสาม ข้อสี่ มีความเป็นไปได้สูงมาที่จะทะเลาะกันตั้งแต่หน้าเลือกฮีโร่
แต่กลายเป็นว่าด้านคลื่น7 นี้ดันไม่มีคนเล่นแครี่…
เหออวี้รู้สึกว่าตอนที่คลื่น7 ประกาศรับสมัครคนก็ควรจะเอาประโยคนี้เป็นสโลแกนหลักไปเลยดีกว่า แล้วก็เน้นย้ำให้บ่อย ๆ จะต้องได้ผลดีกว่าที่บอกว่าพาไก่กาไปเอาชนะทีมหวงเฉาอะไรนั่นแล้วก็สะดุดตากว่าแน่ ๆ
“จริงสิ” พอพูดถึงเรื่องที่ไม่มีคนเล่นแครี่ก็ทำให้เหออวี้นึกเรื่องอื่นขึ้นมาได้จึงมองไปทางเกาเกอ “รุ่นพี่ ไม่ใช่ว่าพี่เล่นเลนกลางหรอกเหรอ ทำไมไปลงซัพพอร์ตได้ล่ะครับ”
“เพราะว่าหมอนั่นมันเล่นแต่เลนกลางน่ะสิ” เกาเกอพูด
“โอเค” เหออวี้ยอมรับ
ที่จริงแล้วผู้เล่นทั่วไปส่วนมากไม่ได้เล่นกันอยู่แค่ตำแหน่งเดียว ตอนแรกพวกเขาก็จะเลือกกันไปตามความชอบของตัวเองก่อน บางคนก็มีความชอบที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง บางคนก็ชอบฮีโร่ตัวใดตัวหนึ่ง พวกชอบตำแหน่งก็ไม่ใช่ว่าจะเล่นกันอยู่แค่ตำแหน่งเดียว พวกชอบฮีโร่ยิ่งกระจายไปได้ทั้งห้าตำแหน่ง ดังนั้นผู้เล่นทั่วไปสุดท้ายแล้วจึงไม่ได้เล่นแค่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง นอกจากนี้ ผู้เล่นทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ได้มีทีมประจำอย่างนักเล่นเกมอาชีพที่มีไลน์อัพที่แน่นอนแล้ว ถ้าเล่นเพียงตำแหน่งเดียวตอนที่สุ่มทีมได้เพื่อนร่วมทีมที่ทับตำแหน่งกันก็ลำบากแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะมองจากด้านความสนุกสนานส่วนตัว หรือด้านต้องการชัยชนะที่จริงจัง การเล่นให้เป็นมากกว่าหนึ่งตำแหน่งก็จะมีความสุขมากกว่า
แต่ว่าเหออวี้โตขึ้นมาจากการดู KPL นักเล่นเกมอาชีพปกติแล้วจะเชี่ยวชาญตำแหน่งเดียว การฝึกซ้อมหลังจากนั้นก็จะเป็นการใช้ฮีโร่ตัวต่าง ๆ ฝึกซ้อมพัฒนาที่ตำแหน่งนี้ ทำให้ hero pool ของตนเองใหญ่ขึ้นและทำให้ทีมมีทางเลือกที่มากกว่าสำหรับไลน์อัพของทีม ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามีคนที่เล่นเพียงเลนกลาง ความยอมรับในสถานการณ์แบบนี้ของเขาจึงถือได้ว่าค่อนข้างยอมรับได้มาก
แน่นอนว่า ผู้เล่นทั่วไปพวกนี้พูดแค่ว่า “เล่นแต่” ส่วนนักเล่นเกมอาชีพเรียกว่า “เชี่ยวชาญ” จากการศึกษาและเข้าใจเกมของพวกเขา แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเหมือนผู้เล่นทั่วไปที่ “เล่นบางตำแหน่งไม่ได้เลย”
“ถ้าเป็นแบบนี้พวกเราจะไปได้ไกลแค่ไหนล่ะเนี่ย…” เมื่อมองดูสถานการณ์ปัจจุบันภายในทีมเหออวี้ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
“เดินไปทีละก้าวแล้วกัน ทำให้ดีที่สุด” เกาเกอพูด
“อยากมีเพื่อนร่วมทีมที่พึ่งพาได้อีกสองคนจริง ๆ!” โจวม่อทอดถอนใจ
“หรือในอีกนัยหนึ่งก็คือ จะบอกว่าผมเองก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่พึ่งพาได้แล้วเหรอครับ” เหออวี้ยิ้มจนปากฉีก
“นายนี่เอาแต่สนใจเรื่องแบบนี้เหรอไง” โจวหม่อหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ หันไปมองเกาเกอก็พบว่าเกาเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้าพูดออกมาว่า “ดูมาถึงตอนนี้ก็ยังพึ่งพาได้”
“ขอบคุณครับ” เหออวี้ยิ่งดีใจไปกันใหญ่ ครั้งนี้โจวม่อไม่มีอะไรจะพูดแล้ว สามารถทำให้เกาเกอเห็นด้วยในเรื่องนี้ได้ ถึงแม้จะมีคำว่า “ดูมาถึงตอนนี้” จำกัดอยู่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่โจวม่อได้ยินในช่วงตลอดสี่เทอมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้คนที่เข้ามาในคลื่น7 ถ้าไม่ถึงร้อยก็หลายสิบคน อย่าว่าแต่จะให้เกาเกอพูดยอมรับเลย แค่รอยยิ้มของเกาเกอพวกเขายังแทบจะไม่เคยเห็นกัน ไม่งั้นชื่อเสียงของเกาเกอในแวดวง The Kings ของมหาวิทยาลัยจะเลวร้ายถึงขั้นนี้ได้ยังไงกันล่ะ
มาตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็มีเพื่อนร่วมทีมที่เกาเกอยอมรับอีกคน เมื่อคิดถึงจุดนี้โจวม่อก็หายหดหู่ขึ้นมาทันที เมื่อเทียบกับเทอมที่แล้ว เทอมที่แล้วแล้ว เทอมที่แล้วแล้วแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ก็ดีกว่ากันมากนัก ตอนเทอมที่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เกาเกอไม่ได้เล่นเลนกลางเลย แม้แต่โจวม่อเองก็เพราะว่าเพื่อนร่วมทีมชั่วคราวที่เข้ามาเล่นได้แต่ออฟเลนเท่านั้นก็เลยต้องยอมเสียสละตำแหน่งออฟเลนไปเหมือนกัน สุดท้ายต้องไปเล่นตำแหน่งป่าอย่างขื่นขม โกรธจนแทบจะลบเกมทิ้งมันตอนนั้นเลย
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนก็ดีมาก ๆ แล้ว
โจวม่อมีกำลังใจขึ้นมา รีบเปิดอีกเกมหนึ่งแล้วเชิญอีกสองคน “งั้นพวกเรามาตั้งทีมสามคนซ้อมเกมโหมดแบทเทิลกันไปก่อน ถึงมีคนชอบพูดบ่อย ๆ ว่าเกมโหมดแบทเทิลกับไต่แรงค์ไม่เหมือนกัน แต่ให้พวกเราสองคนหาไอดีเล็กพานายไต่แรงค์ platinum ก็ยังซ้อมได้ไม่ดีเท่าให้เราสองคนพานายไปเล่นเกมจับคู่ของ conqueror หรอก”
“ผมไปยืมไอดีแรงค์สูง ๆ มาซ้อมไต่แรงค์ conqueror กับพวกพี่ก็ได้นะครับ!” เหออวี้กล่าว
“หะ ยืมเหรอ” โจวม่อแปลกใจ
“นายโง่หรือโง่” เกาเกอเหลือบมองโจวม่ออย่างดูแคลน จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้เหออวี้ “ไปยืมมา”
“อ๋ออออ” ตอนนี้โจวม่อก็เข้าใจแล้ว คนเขามีพี่ชายเป็นอดีตนักเล่นเกมอาชีพ ไอดี conqueror แล้วยังไง ถึงจะไม่มีก็ปั้นมาให้นายเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อโจวม่อคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกอิจฉามาก ๆ รู้สึกว่าเหออวี้เหมือนเป็นตัวละครในตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลใหญ่จากนิยายกำลังภายใน แซ่ก็ต้องเป็นแซ่ที่ฟังดูดีด้วย อย่างเช่นหนานกง มู่หย่ง ซางกวน ฯลฯ เป็นตัวละครที่มาพร้อมกับเพลงประกอบส่วนตัวพวกนั้น
“พี่ ยืมไอดีหน่อย” ตอนนี้เหออวี้ก็ได้ส่งข้อความไปหาเหอเหลียงแล้ว
“หืม” เหอเหลียงตอบกลับมา
“อยากได้ไอดีแรงค์สูง ๆเอาไปไต่แรงค์ระดับสูงกับเพื่อนร่วมทีมเป็นการฝึกซ้อมน่ะครับ” เหออวี้พูด
“สู้ ๆ นะ” เหอเหลียงก็ไม่ถามมากความ ส่งยูสเซอร์เนมกับพาสเวิร์ดมาให้ตรง ๆ เลย
เหออวี้ออกจากไอดีเหอเหลียงอวี้ของตัวเอง ล็อกอินเข้าไปในไอดีของพี่ชาย ชื่อไอดีก็คือ เหลียงเฟิงโหย่วซิ่ง (ลมดีมีโชค) นี่เป็นไอดีส่วนตัวของเหอเหลียง เป็นไอดีที่เขาใช้ก่อนที่จะเข้าสู่วงการอาชีพ หลังจากที่เป็นนักเล่นเกมอาชีพแล้วไอดีที่ใช้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการต่างก็เป็นไอดีพิเศษสำหรับการแข่งขัน KPL ที่ได้รับมาจากสนามแข่ง ตอนนั้นเหอเหลียงก็เปลี่ยนชื่อไอดีของตัวเองไปลดลงเหลือแค่เหลียงเฟิง (ลมดี) สองคำ หลังจากวางมือเขาก็เคยพูดสมเพชตัวเองกับเหออวี้ว่าบางทีเป็นเพราะตัวเองเปลี่ยนชื่อไอดีไป คำว่า “โหย่วซิ่ง” (มีโชค) สองคำถูกตัดออก งั้นก็ไม่เท่าว่ากลายเป็น “ไร้โชค” หรือไง
มุกนี้เหออวี้ไม่ขำ มาตอนนี้เมื่อเห็นว่าพี่ชายยังเก็บไอดี “มีโชค” อันนี้อยู่ก็อดขมขื่นใจขึ้นมาไม่ได้ เขาตัดออกจากเกมอีกครั้งแล้วส่งอีโมติค่อน “จะพยายาม” ไปให้พี่ชาย
“เหลียงเฟิงโหย่วซิ่ง แอดมาเลยครับ” เมื่อตัดกลับเข้ามาในเกมแล้วเหออวี้ก็พูดกับเกาเกอและโจวม่อ
“โอเค ๆ” โจวม่อรีบเพิ่มเพื่อน เขามีความสนใจวงการอาชีพและนักเล่นเกมอาชีพมากเป็นพิเศษ ถึงเหอเหลียงจะเป็นแค่อดีตนักเล่นเกมอาชีพแต่การที่สามารถจะเพิ่มเพื่อนแบบนี้ได้ก็ทำให้โจวม่อรู้สึกตื่นเต้นมากอยู่ดี
“เสร็จแล้ว” เหออวี้พูดขึ้นหลังจากกดยอมรับคำขอเพิ่มเพื่อนจากทั้งสองคน โจวม่อที่ได้เปิดหน้าต่างไต่แรงค์รอตั้งนานแล้วจึงเริ่มเชิญทั้งสองคน
ตอนนี้เกมเพิ่งจะเปิดซีซั่นใหม่ ตอนจบของทุก ๆ ซีซั่นจะมีการลดแรงค์เพื่อเริ่มซีซั่นใหม่ให้ผู้เล่นได้ไต่แรงค์กันอีกครั้ง ไอดีของเกาเกอกับโจวม่อเพิ่งจะไปถึง conqueror ส่วนไอดีนี้ของเหอเหลียงคงจะไม่เคยเล่นเลยในซีซั่นใหม่ ตอนนี้แรงค์อยู่ที่ star3
ไม่ใช่ conqueror แต่นี่ก็ไม่ได้มีผลกระทบให้ไม่สามารถไปไต่แรงค์กับไอดีที่เพิ่งจะขึ้น conqueror ทั้งสองไอดีได้ รอจนทั้งสองคนเข้ามาในห้องแล้วโจวม่อก็กดเริ่มเกมทันที
“ตอนนี้เพิ่งเริ่มซีซั่น ยังมี conqueror ไม่มาก จะว่าไปอาจจะได้ไปเจอกับคนรู้จักก็ได้นะ” เมื่อเห็นว่าต้องรอสักพักก็หมายความว่าตอนนี้มีผู้เล่นไต่แรงค์ไม่มากเท่าไหร่ โจวม่อจึงกล่าวขึ้นมา
“คนที่พวกเรารู้จักน่าจะซ้อมกันในโหมดทีมห้าคนมากกว่าปะ” เกาเกอพูด
“ก็ใช่” โจวม่อกล่าว นอกจากพวกเขาคลื่น7 สองคนแล้วในสถาบันจะมี conqueror คนไหนที่ไม่มีทีมประจำห้าคนอยู่แล้วบ้างล่ะ เป็นไปไม่ได้ที่จะมาซ้อมทีมสามคนขาดสองคนแบบพวกเขา
“เราก็ซ้อมของเราไป” เกาเกอพูด
“อืม” เหออวี้และโจวม่อพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง เกมก็จับคู่เสร็จสิ้น ในเกมไต่แรงค์ที่สูงกว่า diamond จะมีลำดับการดราฟตัว มีกฎ BP ถึงแม้ว่าจะแตกต่างกับการแข่งขันอาชีพเล็กน้อย แต่เหออวี้ก็ยังคุ้นเคยอย่างมาก มี BP ก็ต้องมีการครุ่นคิดในขั้นการเลือกตัวอย่างมีจุดมุ่งหมายอยู่บ้าง ผลก็คือเกาเกอและโจวม่อกลับดูจะไม่ใส่ใจมากขนาดนั้น คนที่หนึ่งที่สองไม่ได้เลือกตัวดาเมจ แล้วก็ไม่ได้เลือกตัวฟาร์มป่า คนหนึ่งเลือกหลิวปัง คนหนึ่งเลือกจางเฟย ยังคงใช้ตัวเลือกแบบการฝึกซ้อมที่ผ่านมา
“ผมเจงกิสข่านนะ” เหออวี้ที่เป็นคนที่สามถาม
“อืม” เกาเกอพยักหน้า
ดังนั้นเหออวี้ที่เป็นคนที่สามจึงเลือกเจงกิสข่าน ทิ้งตำแหน่งเลนกลางและตัวป่าให้เพื่อนร่วมทีมคนที่สี่และห้า ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายคนที่สี่เลือกตัวป่าตั๊กม้อ คนที่ห้าเลือกเมจเตียวฉานลงเลนกลาง
ไลน์อัพของฝั่งตรงข้ามก็เสร็จแล้วเหมือนกัน ออฟเลนนาจา เลนกลางจางเหลียง แครี่ซุนซ่างเซียง ซัพพอร์ตกุ่ยกู๋จื่อ ตัวป่าอาธีน่า
“คิดว่าไง” เกาเกอถามเหออวี้
“เล่นถึงท้ายเกมผมว่าพวกเราได้เปรียบกว่าเยอะเลย” เหออวี้พูด
“จะรอชมการเล่นของนายนะ”
“ผมจะพยายามครับ”
ไลน์อัพครบถ้วนสมบูรณ์ หลังจากเคาท์เดาวน์เสร็จสิ้นก็เริ่มการโหลดเกม ไอดีของฝ่ายตรงข้ามทั้งห้าคนแสดงออกมาต่อหน้าคนทั้งสาม ในฐานะนักศึกษาที่อยู่ชั้นปีที่สามของภาควิชาฟิสิกส์ ไอดีของอาธีน่าจากฝ่ายตรงข้ามดึงดูดความสนใจของเกาเกอขึ้นมาทันที
“แมวของชเรอดิงเงอร์*เหรอ” เธอพึมพำขึ้นมา
………………………………………….
อย่างน้อยเกมจีนกับเกมไทยก็เหมือนกันอย่างหนึ่งสินะ…ไม่เคยขาดแครี่…
ส่วนน้องก็น้องจริง ๆ อ้อนพี่เปย์หมดตัว นี่ขนาดเป็นผู้ชายนะ ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็
*แมวของชเรอดิงเงอร์ (Schrödinger’s cat) ถ้าใครอ่านเรื่องนักล่าสัตว์เลี้ยงหรือ Pet King อาจจะคุ้น ๆ ชื่อนี้ นางก็คือซิงไห่นั่นเองค่า (ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่านก็ลองดูนะคะ เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ๆ โดยเฉพาะพวกทาสแมวทาสหมาทั้งหลายห้ามพลาดเลย แปลไทยดีมาก ดีกว่าอังกฤษ) ซึ่งเรื่องนั้นมีอธิบายทฤษฎีนิดหน่อยแต่จะงง ๆ (อย่างน้อยคือเรางง) ดังนั้นจะขออธิบายทฤษฎีตามที่เราเข้าใจนะ
ก่อนที่จะคุยเรื่องแมวต้องอธิบายควอนตัมฟิสิกส์ก่อน ควอนตัมฟิสิกส์จะเป็นการศึกษาพวกของเล็ก ๆ แบบอิเล็คตรอน หรือเล็กกว่านั้น ซึ่งในอนุภาคที่เล็กขนาดนั้นมันชอบทำอะไรที่ขัดกับกฎฟิสิกส์ที่มนุษย์เรารู้มา ตัวอย่างมั่ว ๆ คือกฎฟิสิกส์บอกว่าเจ้านี่ทำอย่างนี้มันควรจะพุ่งไปข้างหน้า แต่มันก็ดันพุ่งไปทางอื่นซะงั้น ทำให้คนต้องหาทฤษฎีมาอธิบายกันให้วุ่น
ซึ่งทฤษฎีที่ได้รับความนิยมสุด ๆ คือ Copenhagen interpretation ซึ่งมีการอธิบายต่าง ๆ นานา แต่อันที่เราสนใจคือมันบอกว่า อีอนุภาคเล็ก ๆ พวกนี้ถ้าไม่มีใครมองมันจะอยู่ในสภาวะ superposition state (หมายความว่าเป็นสภาวะที่มีหลายสภาวะ) แต่พอมีคนไปมองมัน พลังสายตาจากคนมองจะทำให้มันหลุดจากสภาวะนั้นไปเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ง่าย ๆ คือ สมมติเราเล่นโยนเหรียญ เขย่า ๆ เหรียญในกระป๋องแล้วคว่ำลง เหรียญในนั้นจะมีสภาวะเป็น “ทั้งหัวและก้อย” จนกระทั่งคนเปิดออกดู เหรียญก็จะเหลือสภาวะเดียวคือไม่หัวก็ก้อย (มาถึงตรงนี้ถ้าใครงงให้วนกลับไปอ่านใหม่ ช่วงต่อไปจะงงกว่านี้แล้ว)
ซึ่ง ชเรอดิงเงอร์ ก็บอกว่า ไร้สาระ! โดยเขาได้ยกตัวอย่างการทดลองอย่างหนึ่งขึ้นมา คือให้มีแมวอยู่ในกล่องดำ นอกจากนั้นก็มีสารกัมมันตรังสีอย่างหนึ่งที่มีขนาดเล็กมากๆๆๆๆๆ จนมีความน่าจะเป็นครึ่ง ๆ ที่อะตอมจะสลายไปหนึ่งอะตอมในหนึ่งชั่วโมง แล้วก็มียาพิษกับเครื่องวัดสารกัมมันตรังสี ซึ่งถ้าอะตอมสลายจะปล่อยพิษ -> แมวตาย ถ้าอะตอมไม่สลาย แมวก็รอด ปิดกล่องไปหนึ่งชั่วโมง แมวตัวนั้นก็จะมี superposition state คือทั้ง “เป็นและตาย” เพราะคนไม่เห็นมัน จนกว่าจะเปิดกล่องนั่นแหละ มันถึงจะออกจากสภาวะนั้นกลายเป็นไม่เป็นก็ตาย แต่! แต่แมวมันก็รู้ตัวไหม มันรู้ว่ามันเป็นหรือตายเพราะฉะนั้นมันก็ต้องไม่ใช่ superposition state ดิ!
แต่ไป ๆ มา ๆ ทฤษฎีทั้งสองที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันเองก็ถูกเอามาอธิบายร่วมกันจนได้ซะงั้น (ลึกเกิน เราไม่เข้าใจแล้ว)
ส่วนทำไมต้องแมวเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สรุปว่ามันไม่ได้ใช้แมวจริง ๆ มาทดลองหรอกนะ…