บทที่ 836 ไม่มีองค์หญิงตั๋วเงินก็เลยไม่ได้ใช้

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 836 ไม่มีองค์หญิงตั๋วเงินก็เลยไม่ได้ใช้

พระพันปีนั่งฟังอยู่บนบัลลังก์มังกรเป็นเวลานาน ฟังเข้าใจแล้วว่า อวิ๋นจิ่นเป็นน้องสาวบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ เข้ามาในพระราชวังเพื่อขอพระราชทานบรรดาศักดิ์

พระพันปีคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นตรัสว่า“ในเมื่อเป็นน้องสาวบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ เช่นนั้นก็พระราชโองการมอบบรรดาศักดิ์ให้องค์หญิงอวิ๋นจิ่นเถิด องค์หญิงใหญ่คิดเห็นว่าอย่างไรล่ะ?”

“องค์หญิงลำดับขั้นที่หนึ่งหรือ?”

องค์หญิงใหญ่กล่าวถาม พระพันปีกลัดกลุ้มภายในใจ ก็เลยไม่ง่ายต่อการปฏิเสธ ตรัสว่า“เช่นนั้นความหมายขององค์หญิงใหญ่

“หากเป็นรองลำดับขั้นที่หนึ่งก็ช่างเถิด คิดดูแล้วเมืองต้าเหลียงก็มีองค์หญิงไม่กี่คน มีข้าผู้หนึ่ง องค์หญิงน้อยผู้หนึ่ง ก็มีกันแค่สองคน และข้าเป็นองค์หญิงผู้ปกป้องรัฐ และอำนาจของจักรพรรดิก็เท่ากับของพระพันปี เรื่องการประกาศสั่งองค์หญิงแน่นอนก็ขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจ องค์หญิงน้อยในปีนี้ก็ไม่ปรากฏแล้ว และองค์หญิงรัชทายาทก็เปรียบเสมือนเครื่องประดับ

ข้ากับองค์หญิงน้อยล้วนเป็นเครื่องประดับ เช่นนั้นเหล่าองค์หญิงก็ไร้คนประกาศแต่งตั้งแล้ว เมื่อดูจากสภาพอากาศสถานการณ์ในปัจจุบัน จักรพรรดิมีองค์หญิง และจวนอ๋องตวนก็จะมีองค์หญิงด้วย อีกไม่กี่วันจวนอ๋องเย่ก็อาจจะมีเช่นกัน เช่นนี้มิสู้กับเป็นลำดับขั้นสูงสุดระดับหนึ่งหรอก

แล้วก็ดีที่จะมีคนบัญชาการ”

พระพันปีกริ้วเดือดดาล โอรสครอบครัวแห่งสวรรค์ จะมอบให้คนนอกมาบัญชาการได้อย่างไร เลอะเทอะ!

อย่างไรก็ตามพระพันปีก็โมโหไม่กล้าพูดตรัสออกมา จำใจต้องตรัสอีกอย่างว่า“หากองค์หญิงใหญ่รู้สึกว่าได้ อย่างนั้นก็ได้เถิด

ข้าก็ไม่ได้มีข้อคิดเห็นอันใด”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นจิ่น เจ้าไปคุกเข่าทำความเคารพเถิด”

ช่วงนี้พระพันปีความจำไม่ค่อยดี มักจะคิดว่าเคยได้ยินชื่ออวิ๋นจิ่นนี้ที่ไหน แต่ก็ได้แต่คิดไม่ออก

อวิ๋นจิ่นคุกเข่าลง กล่าวว่า“อวิ๋นจิ่นขอบพระทัยพระพันปีที่ปูนบำเหน็จรางวัลเพคะ”

“ในเมื่อเจ้ากับองค์หญิงเป็นสหายที่ดีต่อกันแล้ว ก็เป็นองค์หญิงเมืองต้าเหลียงของข้า ส่วนการที่เจ้าเป็นลำดับขั้นชั้นสูงสุดระดับที่หนึ่ง แม้จะเป็นองค์หญิงผู้ปกป้องรัฐ แต่ต้าเหลียงของข้าสถาปนาเมืองมาจนถึงวันนี้ ไม่ได้ให้ผู้หญิงก้าวก่ายราชสำนัก รวมถึงเหล่าองค์หญิงด้วย เจ้าต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตนไม่สามารถผลักภาระให้ผู้อื่น”พระพันปีตรัสออกมา

อวิ๋นจิ่นรีบก้มศีรษะลง กล่าวว่า“อวิ๋นจิ่นรู้ตนเองว่าไม่มีความสามารถไม่มีพรสวรรค์ ไม่สามารถไปควบคุมดูแลองค์หญิงได้ อวิ๋นจิ่นยินดีที่จะรับใช้ราชวงศ์เพคะ”

“ก็ดี เจ้าคิดได้อย่างนี้ก็ไม่เลว แต่ในเมื่อเจ้าบัญชาการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงคือความหมายขององค์หญิงใหญ่ เช่นนั้นก็เอาตามนี้ก่อน”

พระพันปีพูดแล้วมองสีหน้าท่าทางขององค์หญิงใหญ่ไปด้วย นางพึงพอใจแล้วก็รีบออกไปเสีย

อวิ๋นจิ่นขอบพระทัยแล้วลุกขึ้น พระพันปีมอบรางวัลไม่น้อย องค์หญิงใหญ่เลยพูดเรื่องการแต่งงานของอวิ๋นจิ่น พระพันปีเลยตรัสว่า รออวิ๋นจิ่นแต่งงาน พระองค์จะมอบสินสมรสที่ยกให้สองล้านตำลึงจีน ที่ดินอุดมสมบูรณ์ บวกกับจวนขององค์หญิง นอกเหนือไปจากคือเครื่องประดับทุกชนิดรวมทั้งผ้าทั่วไปและผ้าไหมด้วย

พอรวมกันแล้วมากกว่าห้าล้านตำลึงจีนเชียวล่ะ พระพันปีมองแล้วก็คือพากันมาขูดรีดตั๋วเงิน องค์หญิงใหญ่รีบรับไว้ ถึงได้พูดเรื่องการแต่งงานของอวิ๋นจิ่น บอกว่าอวิ๋นจิ่นมีคนในใจมานานแล้ว ก็เลยขอพระพันปีประทานการแต่งงานให้

พระพันปีก็เลยจะมอบประทานการแต่งงานให้แก่อวิ๋นจิ่น

“คุณชายตระกูลไหนหรือ อยู่ที่ต้าเหลียง แล้วคู่ควรกับอวิ๋นจิ่นคิดว่ามีไม่กี่คนหรอกใช่หรือไม่?”พระพันปีรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาด องค์หญิงใหญ่มีน้องสาวมาอย่างไร้เหตุผล วันนี้ต้องการปูนบำเหน็จรางวัลต้องการสินเดิมของฝ่ายหญิง ต้องการสินเดิมต้องการประทานการแต่งงาน คุณชายของตระกูลใดกันถึงได้ฟุ่มเฟือยเช่นนี้

องค์หญิงใหญ่กล่าวว่า“คือท่านแม่ทัพ”

“ท่านแม่ทัพ?”

พระพันปีใช้ความคิดอยู่สักครู่หนึ่ง ตรัสทายออกไปกี่คนก็ไม่ถูกเลย จนพระพันปีหมดความอดทน

“องค์หญิงใหญ่ เจ้าบอกข้ามาสักทีเถิด?”

“ฉีจือซาน!”

องค์หญิงใหญ่กล่าวออกมา พระพันปีชะงักงันอยู่เป็นเวลานาน มองอวิ๋นจิ่นกับองค์หญิงใหญ่สลับกัน จากนั้นกล่าวตรัสว่า“องค์หญิงใหญ่ล้อเล่นใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่การล้อเล่น ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ข้าได้ดูเรื่องการแต่งงานแก่อวิ๋นจิ่น ได้ถูกฉีจือซานพูดว่าไม่สมฐานะไม่คู่ควรกัน ผลสรุปการแต่งงานนี้เลยสับสนวุ่นวาย!”

“ห๊ะ?”พระพันปีตรัสอย่างอึมครึม นี่คือการคิดบัญชีกับฉีจือซานหรือ?

พระพันปีมองอวิ๋นจิ่นอย่างละเอียด ตรัสว่า“มองดูแล้วท่าทางเป็นเด็กที่ดี

อวิ๋นจิ่นยินยอมหรือไม่?”

“อวิ๋นจิ่นนางฟังข้า”องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างอำนาจบาตรใหญ่

พระพันปีตรัสด้วยความยากลำบากใจว่า“ต่อให้อวิ๋นจิ่นยินยอม แล้วแม่ทัพฉียินยอมหรือไม่?”

“เขาจะยินยอมหรือไม่นั้นไม่ต้องสนใจ หากเขาไม่ยินยอมแต่งอวิ๋นจิ่นนับว่าก่อกบฏ”องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือ

พระพันปีรู้สึกว่าค่อนข้างน่าสนใจดี

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะประกาศพระราชโองการ บอกว่าองค์หญิงใหญ่เป็นผู้ขอร้องเรื่องการแต่งงาน เป็นอย่างไร?”

“พระพันปี บอกว่าอวิ๋นจิ่นร้องขอเถิด”อวิ๋นจิ่นลุกขึ้น กล่าวอย่างเคารพนอบน้อม

พระพันปีเห็นอวิ๋นจิ่นใจลอย เลยตรัสขึ้นว่า“ที่จริงหากเจ้าไม่ยินยอม ก็มิเป็นไร ข้างกายฝ่าบาท….”

“พระพันปี หมายความว่าอย่างไรกัน?”องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น

พระพันปีโบกสะบัดมือ ตรัสขึ้นว่า“ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ อย่างนั้นก็มอบแก่องค์หญิงใหญ่ให้จัดการเลย”

“อืม เช่นนั้นขอพระพันปีทรงมอบประทานการแต่งงานด้วย”

พระพันปีคิดพิจารณาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวตรัสว่า“ก็ดี เช่นนั้นข้าจะประทานการแต่งงานแก่องค์หญิงอวิ๋นจิ่นกับแม่ทัพฉี”

องค์หญิงใหญ่ถือพระราชโองการเดินไปหาองค์จักรพรรดิอวี้ตี้

พระพันปีรอคนไปแล้วได้เรียกไห่กงกงไปหา

“อาไห่ เจ้ารู้สึกหรือไม่ อวิ๋นจิ่นผู้นี้เคยเจอที่ไหน?”

“เคยเจอหรือไม่นั้น ไม่เคยเลย แต่ต้องบอกว่าเคยได้ยินชื่อถึงจะถูก อวิ๋นจิ่นไม่ใช่แม่นางที่ดูแลจวนอ๋องเย่หรือพ่ะย่ะค่ะ อยู่ที่เมืองหลวงก็มีชื่อเสียง”

“อ้อ…เช่นนั้นนี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?เหตุใดถึงได้วุ่นวายเช่นนี้ ผู้ดูแลจวนอ๋องเย่ ต้องการแต่งงานกับแม่ทัพฉี เหตุใดถึงไปองค์หญิงใหญ่มาสู่ขอ?”

“พระพันปี นี่ยังดูไม่ออกหรือพ่ะย่ะค่ะ ฐานะอย่างไรเล่า มาเอาฐานะ”ไห่กงกงดูออก

พระพันปีพยักหน้า ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

ไห่กงกงลังเลอยู่ครู่หนึ่งกล่าวว่า“พระพันปี แต่ไปหาฝ่าบาท พระพันปีไม่รู้สึกว่าคิดบัญชีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“คิดบัญชี?”

“พระพันปีลืมแล้วหรือ เมื่อสมัยนั้นองค์หญิงใหญ่เดิมต้องแต่งกับแม่ทัพฉี ต่อมาฝ่าบาทรั้งไว้ จัดการออกแบบองค์หญิงใหญ่ วันนี้สินเดิมและของที่ให้เป็นรางวัลล้วนมีแล้ว แล้วจะไปทางฝั่งของฝ่าบาททำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“อย่างนั้นก็เหลือแต่คิดบัญชี โชคดีที่ข้ารู้สึกได้ถึงการมาร้ายขององค์หญิงใหญ่ เอาตั๋วเงินสองล้านตำลึงจีนที่เก็บสะสมมาหลายปีล้วนหยิบออกมา อีกอย่างเหล่านั้นข้าอยากให้ฝ่าบาทออก ข้าไม่มีแล้ว”

“พระพันปี เมื่อครู่ตอนที่พระองค์กล่าวถึงเรื่องตั๋วเงินสองล้านตำลึงจีน กระหม่อมเห็นมือขององค์หญิงใหญ่สั่น คล้ายดั่งว่ากำลังคำนวนว่ามีเท่าไหร่พ่ะย่ะค่ะ ดีที่ว่าพระพันปีให้ตั๋วเงินแล้ว ไม่อย่างนั้นดูท่าทางที่ไม่มาดีขององค์หญิงใหญ่ หากไม่ยอมเอาตั๋วเงินออกมา ไม่ยอมจบเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”

“อืม ตั๋วเงินไม่มีแล้วก็คือไม่มี ข้าไม่ได้ใช้หรอก ตอนที่เพิ่งเข้ามาในพระราชวังทุกวันข้าคิดอยากจะหาตั๋วเงินเยอะๆหน่อย ต่อมาพบว่าไม่ได้ใช้อะไร แม้แต่องค์หญิงยังไม่สามารถเกิดมาได้ แล้วก็ให้สินเดิมไม่ได้

ครั้งนั้นข้าว่าจะให้มู่เหมียน แต่นางพยายามแต่งเข้ามาในพระราชวัง ข้าไม่อยากให้นางเข้ามาในพระราชวัง น่าเสียดายที่เฉินอวิ๋นเจี๋ยไม่มีความสามารถ ความกล้าหาญกล้าน้อย ไม่กล้าพานางไป หากว่าไปแล้ว เช่นนั้นมันจะดีแค่ไหนกัน!”

ไห่กงกงนึกถึงมู่เหมียน อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา

“จวิ้นจู่เติบโตอยู่ข้างกายพระพันปีตั้งแต่เล็ก พระพันปีไม่รักทะนุถนอมใครจะรักทะนุถนอมล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

ไห่กงกงร้องไห้ขึ้นมา

พระพันปีโบกสะบัดมือ กล่าวตรัสว่า“ไม่ต้องร้อง ข้ายังไม่ร้องเลย”

ไห่กงกงเช็ดซับน้ำตา กล่าวว่า“พระพันปี อีกสักครู่ทางฝั่งของฝ่าบาทด้านนั้นจะไม่เกิดเรื่องใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ช่างเขา เขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร หากไม่ใช่เขา มู่เหมียนจะต้องตายหรือ แม้แต่พระมเหสีหวายังดูความคิดความรู้สึกของมู่เหมียนออกเลย มู่เหมียนอยากจะอยู่กับฝ่าบาทอย่างแท้จริง เป็นเขาที่กลั่นแกล้งรังแกมู่เหมียน ข้าไม่ไปคิดบัญชีกับเขา เขาน่าจะปิติยินดี!”