ตอนที่ 7-2 กล้องสลับลาย
หลังจากขบวนพาเหรดแสดงเสร็จ รุ่นพี่และฉันก็เริ่มเดินชมที่ต่างๆ ในสวนสนุกอย่างสนุกสนาน พวกเราทั้งเล่นม้าหมุน ถ่ายรูปโดยมีพื้นหลังเป็นสวนดอกไม้ นั่งรถไฟที่ถูกประดับประดาเอาไว้อย่างน่ารักวนรอบสวนสนุก แถมยังกินฮอตดอกกันคนละไม้ขณะเดินชมสวนสัตว์อีก
เมื่อถึงเวลาที่ดอกไม้ไฟยักษ์สุดตระการตาถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าสีดำจนท้องฟ้าเป็นประกายระยิบระยับ พวกเราหยุดการสนทนาที่กำลังออกรสออกชาติ แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย
ตลอดเวลาอันยาวนานนั้น ฉันและรุ่นพี่ไม่ได้ปล่อยมือจากกัน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นเกินจะบรรยายนี้ อย่างกับว่าฉันได้กลายเป็น ‘แฟน’ ของรุ่นพี่ และเราก็กำลัง ‘เดต’ กันอยู่จริงๆ เลย
“สนุกไหม”
“ค่ะ สนุกมากเลยล่ะค่ะ”
“ดีใจจัง”
ตอนนี้มือข้างที่รู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของกันและกัน มันทั้งร้อนแล้วก็จั๊กจี้
บนรถเมล์ขากลับ พวกเราเอาหัวพิงกันพลางสัปหงก และในตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาสะลึมสะลือ รุ่นพี่ก็กำลังก้มลงมามองใบหน้าของฉัน พร้อมกับยิ้มบางๆ มือที่ยังคงจับกันอยู่นั้นแนบสนิทแทบจะไม่มีช่องว่างเลย คืนนี้มันเหมือนอย่างกับมีเวทมนตร์ขึ้นมาจริงๆ
“วันนี้ขอบคุณนะคะ ฉันสนุกมากเลยล่ะค่ะ”
พวกเราลงตรงป้ายรถเมล์ที่ไร้ผู้คน อากาศของคืนกลางฤดูร้อนช่างน่าอึดอัด ฉันโค้งตัวเพื่อบอกลา ส่วนรุ่นพี่ก็ลูบหัวฉันพลางยิ้มอย่างเดียวโดยไม่พูดอะไร สักพักลมเย็นๆ ก็พัดผ่าน
พอเดินผ่านซอยมา ก็มาจนถึงหน้าบ้านของฉัน ฉันจ้องมองไปที่มือของรุ่นพี่ที่ต้องปล่อยไปอย่างน่าเสียดาย แล้วโค้งหัวให้อีกครั้ง
“กลับบ้านดีๆ นะคะ รุ่นพี่”
“…ฮวีกยอม”
ฉันที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดไป หยุดเดินแล้วหันกลับไปตามเสียงของรุ่นพี่ที่เรียกฉัน รุ่นพี่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉันแล้วยื่นกำปั้นมาข้างหน้าฉัน
ฉันที่มึนงงอยู่ได้แต่เบิกตาโพลง จ้องมองไปที่ใบหน้าของรุ่นพี่กับกำปั้นนั้นสลับไปมา รุ่นพี่ทำเสียงประกอบพร้อมทั้งกางมือออก ในมือของรุ่นพี่มีที่ห้อยกุญแจรูปทรงกระบอกเล็กๆ ที่มีสีสันสดใสอยู่
“ของขวัญ”
“นี่อะไรเหรอคะ”
ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ฉันรับเจ้าสิ่งนั้นมาถือไว้ แล้วหมุนดูรอบๆ รุ่นพี่จับไหล่ของฉัน แล้วหันตัวของฉันให้หันหน้าไปทางเสาไฟถนน ต่อจากนั้น เขาก็เดินมาตรงด้านหลังแล้วเอาคางมาเกยที่ไหล่ของฉัน ลมหายใจอ่อนๆ ของรุ่นพี่รดลงที่ต้นคอ
“ถือมันไปทางแสงไฟถนน ต่อไปก็ส่องดูข้างในจากรูตรงนี้”
“…เอ่อ”
“เร็วสิ”
ฉันยกที่ห้อยกุญแจนั้นขึ้นมา แล้วหันไปทางไฟถนนโดยไม่รู้ตัวตามที่รุ่นพี่เร่งเร้า ต่อด้วยการเอาตาไปทาบลงตรงรูเล็กๆ ของกระบอก
“…อ๋า!”
แล้วคำอุทานเบาๆ ก็ออกมาจากปากที่อ้ากว้างขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว ข้างในกระบอกที่มองลอดเข้าไปผ่านรู มีแสงหลากหลายสีกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ณ วินาทีนั้น มือของรุ่นพี่ที่จับเบาๆ ลงตรงหัวไหล่ก็เลื่อนลงมาโอบเอวของฉันอย่างเบามือ
“สวยไหม”
ถึงจะมองไม่เห็น แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่ารุ่นพี่กำลังยิ้มอยู่ แสงไฟเล็กๆ ที่ฉูดฉาดกำลังส่องแสงเป็นประกายไม่หยุดในรูปทรงหัวใจเล็กๆ แสงนั่นสวยงามมากเสียจนฉันไม่อาจจะปิดปากที่อ้าอยู่ได้ และได้แต่ร้องอุทาน ว้าวๆ ออกมา รุ่นพี่มองฉันที่ทำท่าทางแบบนั้น พลางหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกระซิบเบาๆ
“กล้องสลับลายน่ะ”
“ของแบบนี้ ฉันเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกเลยนะคะ”
“พี่ทำเองเลยนะ”
“เอ๋ จริงเหรอคะ”
“อือ ตั้งใจจะให้เธอ”
พอฉันหันหน้าไปด้วยแววตาตกใจ ใบหน้าของรุ่นพี่ก็อยู่ใกล้เสียจนปลายจมูกเฉียดผ่านกันได้ ตอนนั้นหัวใจของฉันก็เต้นเหมือนจะหลุดออกมา ฉันมัวแต่ตั้งสมาธิไปกับหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรง จนไม่สามารถแสดงสีหน้าใดๆ ออกไปได้
“ไม่รู้ทำไมพี่รู้สึกว่า ถึงจะมองไม่เห็น แต่ถ้าเป็นเจ้าสิ่งนี้ล่ะก็ จะต้องทำให้สามารถมองเห็นได้แน่”
“…”
“แล้วพี่ก็คิดว่า เธอจะมองไม่เห็นเลยเหรอ หัวใจของพี่น่ะ”
รุ่นพี่ไม่ได้ยิ้มอยู่ แขนของรุ่นพี่ที่โอบเอวของฉันอยู่นั้น ให้ความรู้สึกร้อนและฉันสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจผ่านทางหน้าอกของรุ่นพี่ที่แนบชิดอยู่ที่หลังของฉัน ตึกตัก ตึกตัก
ดวงตาของรุ่นพี่ที่มองตรงมายังดวงตาของฉันอย่างตั้งใจ เมื่อกระทบเข้ากับแสงไฟถนน มันก็ส่องเป็นประกายเฉกเช่นดวงดาว ฉันไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยจริงๆ ค่ำคืนนี้ จะต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ
* * *
เพลงรักอันแสนหวานถูกเล่นซ้ำอย่างกับเพลงประกอบหนัง ลมที่พัดผ่านทำให้ค่ำคืนนี้ค่อนข้างจะเย็นสบาย แต่เป็นเพราะความร้อนรุ่ม เลยทำให้ฉันไม่อาจข่มตาหลับได้ลง
หัวใจที่ส่องประกายอยู่ในกล้องสลับลาย อย่าบอกนะว่า… เป็นไปไม่ได้หรอก พอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่ หัวใจที่กว่าจะทำให้สงบลงได้ก็เริ่มเต้นตึกตักขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าของรุ่นพี่ที่ถูกแสงไฟจากริมถนนส่องลงมาจนกลายเป็นสีส้ม ช่างดูงดงามจริงๆ รวมไปถึงภาพแผ่นหลังที่หายไปท่ามกลางความมืด หลังจากที่พูดทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนตอนบ่ายๆ นะ ช่วงเวลาทั้งหมดนั้นยังคงฉายเป็นภาพซ้ำอยู่บนเพดานมืดๆ อย่างไม่สิ้นสุด จนสุดท้ายก็เล่นเอาจนฉันต้องลืมตาตื่นอยู่จนสว่าง
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น ฉันที่หลับๆ ตื่นๆ ลุกขึ้นจากเตียงด้วยสภาพตาโหล ก่อนจะขยี้หัวอย่างรุนแรงจนผมยุ่ง พลางกรีดร้องออกมาอย่างไร้เสียงว่า โกหก โกหก ฉันพึมพำอย่างนั้นอยู่สักพัก
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาจนถึงโรงเรียนได้อย่างไร เซจินที่มาถึงโรงเรียนช้ากว่านิดหน่อย มองฉันที่นั่งทำหน้าเป็นร่างไร้วิญญาณตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะทำปากจู๋ แล้วพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่แม้แต่เสียงดังกังวานนั่นก็ยังไม่ทะลุเข้าไปในหูของฉันเลยสักนิด
“นี่ นี่!”
“…หะ หืม”
“ทำไมถึงได้เหม่อขนาดนั้นล่ะ”
“โทษที ว่าไงนะ”
“ฉันถามว่ารุ่นพี่อีกงสบายดีไหม!”
เซจินยื่นปากจู๋ กลอกตาไปมาพลางเอ่ยถาม รุ่นพี่อีกง ชื่อนี้ทำให้หัวใจของฉันตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม ฉันที่กลัวว่าเซจินซึ่งเป็นคนตาไวจะสังเกตเห็นเข้า จึงรีบหันหน้าไปเปิดตู้เก็บของ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ออกมาใส่กระเป๋าไว้ ขณะเดียวกันก็พยายามตอบกลับไปอย่างไม่สะทกท้าน ให้ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็สบายดีนะ”
“การซ้อมยังเป็นไปด้วยดีอยู่ไหม”
“ก็เรื่อยๆ แหละ”
“จริงเหรอ”
“เธอต่างหากล่ะ คืนดีกับซูฮยอนหรือยัง”
ฉันที่ตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องจึงเนียนหยิบเรื่องของซูฮยอนขึ้นมาพูด แต่อยู่ดีๆ เซจินก็เงียบไป แล้วปิดประตูตู้เก็บของอย่างแรง นั่นทำให้ฉันตกใจจนสะดุ้งเฮือก ก่อนจะแอบสังเกตท่าทีของเซจินอย่างลับๆ เซจินปรายตามองฉัน ก่อนจะทิ้งบรรยากาศอันเยือกเย็นและว่างเปล่าเอาไว้ แล้วเดินเข้าห้องเรียนไป
“…งอนหรือเปล่านะ”
เฮ้อ ฉันถอนหายใจออกมา ถ้าเป็นปกติล่ะก็ ฉันคงจะวิ่งไปง้อแล้วล่ะ แต่ในวันนี้ ภายในหัวของฉันมันยุ่งเหยิงเสียจนฉันไม่สามารถจะคิดเรื่องอะไรได้เลยจริงๆ ฉันเอามือกดลงบนหน้าอกที่ยังคงเต้นรัว พร้อมกับสูดลมอุ่นๆ จากบริเวณท้องด้านล่างขึ้นมา แล้วพ่นออกไป
ในตอนบ่ายฉันก็จะได้เจอกับรุ่นพี่ พอคิดว่าจะได้เจอหน้าเขาเข้าจริงๆ คิดไม่ออกเลยว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรกับรุ่นพี่ดี ฉันเอาหัวพิงประตูตู้เก็บของ แล้วค่อยๆ หลับตาลง ใบหน้าสีส้มๆ ของรุ่นพี่ลอยขึ้นมาอย่างไม่มีสิ้นสุด
“…อะไรกัน ให้ตายสิ”
ถ้าเรื่องเมื่อวานเป็นแค่ความฝันยังจะดีเสียกว่า หัวใจของฉันจะได้ไม่ต้องมาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งแบบนี้ เพียงแต่ว่า…
ฉันล้วงมือเขาไปข้างในกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบที่ห้อยกุญแจที่รุ่นพี่ให้ออกมา กล้องสลับลายเล็กๆ ทรงกระบอกนั่นคือหลักฐานที่บอกว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก เมื่อฉันเอาตาทาบลงไปที่รูของกล้องสลับลาย แสงไฟรูปหัวใจที่วิบวับเพราะแสงสว่างของแดดยังคงส่องประกายอย่างสวยงามเหมือนเมื่อวาน
‘แล้วพี่ก็คิดว่า เธอจะมองไม่เห็นเลยเหรอ หัวใจของพี่น่ะ’
จากที่เกี่ยวที่ห้อยกุญแจด้วยนิ้วก็หันมากำเอาไว้ในมือแทน ทันใดนั้น ภายในลำคอก็รู้สึกจั๊กจี้จนเหมือนจะสะอึกขึ้นมา
ฉันขยี้ผมจนหัวยุ่ง ขณะที่นั่งพรวดลงตรงนั้น ซบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมาลงบนขา วูบวาบ วูบวาบ ตึกตัก ตึกตัก จะบ้าตายอยู่แล้ว ให้ตายสิ