ตอนที่ 1034

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หากได้รับกล่องหยกนั่นมา แน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องดี แต่ถึงไม่ได้มันมา หลิงฮันก็อยากลงไปสำรวจโบราณสถานที่ที่มีลำแสงพุ่งออกมา

หลังจากที่ได้ยินเรื่องต้นกำเนิดของมหาสมุทรดวงดาว หลิงฮันก็รู้สึกสนใจใต้ทะเลมาก แล้วด้วยความโชคดีของเขา บางทีอาจค้นพบสมบัติบางอย่างก็เป็นได้

ก่อนหน้านี้จอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนได้พูดไว้ว่าเสาแสงนั่นเป็นซากโบราณสถานของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเท่านั้น

ถึงพวกเขาจะไม่สนใจ แต่หลิงฮันนั้นสนใจเป็นอย่างมาก!

ก่อนอื่นเขาจะต้องตามหากล่องหยกก่อน จากนั้นค่อยไปสำรวจซากโบราณสถานนั่น

สิบเมตร ร้อยเมตร พันเมตร… หลิงฮันยังคงดำดิ่งสู่ใต้ท้องทะเลอยากต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบรรยากาศรอบตัวเขาก็เริ่มมืด แรงดันน้ำเองก็หนักหน่วงมากขึ้นเรื่อนๆ เช่นกัน

มันเป็นแรงดันน้ำที่น่าสะพรึงกลัวมาก! ราวกับมีภูเขามากดทับ

ด้วยพลังของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราพวกเขาสามารถแบกภูเขาหลายลูกได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่น้ำทะเลของที่นี่หนึ่งหยดก็หนักเท่าเท่ากับภูเขาแล้ว มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

กุญแจสำคัญคือยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ แรงดันน้ำก็จะยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อจอมยุทธดำลงไปในทะเล พวกเขาจะต้องเกราะพลังก่อเกิดขึ้นมา มิฉะนั้นร่างกายของพวกเขาจะถูกบดขยี้ภายในไม่กี่วินาที

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่มีใครสามารถอยู่ในใต้ทะเลได้นานนัก เพราะพลังก่อเกิดคงจะหมดก่อน และตายในท้ายที่สุด แต่หลิงฮันต้องการดำดิ่งสู่ก้นทะเล

แน่นอน หลิงฮันไม่ใช่คนธรรมดา

ประการแรก เขามีกายหยาบที่แข็งแกร่ง อย่างน้อยตอนนี้ก็สามารถรับแรงดันน้ำไหว แต่กระดูกของเขาก็เริ่มส่งเสียงแตกหักแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าแรงดันน้ำของที่นี่น่ากลัวแค่ไหน ประการที่สอง เขายังมีหอคอยทมิฬอยู่ ถ้าพลังปราณก่อเกิดเขาหมด เขาก็สามารถเข้าไปหลบด้านในและฟื้นฟูพลังปราณได้

เมื่อดำดิ่งลงถึงหนึ่งพันเมตร ทิวทัศน์รอบข้างก็เริ่มมืดสนิท

หนึ่งพันหนึ่งร้อยเมตร หนึ่งพันสองร้อยเมตร หนึ่งพันสามร้อยเมตร หลิงฮันยังคงดำดิ่งสู่ก้นทะเลไม่หยุด

หากคนอื่นทราบเรื่องนี้เข้า พวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน เพราะทุกคนที่มาที่ทะเลแห่งนี้ต่างก็มาเพื่อค้นหาสมบัติที่หายสาบสูญอยู่ใต้ทะเล แต่โดยปกติแล้วพวกเขาจะออกค้นหาในทะเลที่มีระดับความลึกไม่มากเท่าไหร่นัก

ในระดับความลึกหนึ่งพันเมตรจะเรียกว่าทะเลลึก

ทะเลลึกนั้นอัตรายเกินไป แค่แรงดันน้ำเพียงอย่างเดียวก็สามารถฆ่าจอมยุทธระดับภูผาวารีได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทะเลลึกยังมีสัตว์อสูรระดับสุริยันจันทราอาศัยอยู่อีกด้วย ซึ่งพวกมันสามารถสังหารจอมยุทธที่ดำลงมาได้ภายในไม่กี่วินาที

– ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ จอมยุทธยังจะมีน้ำยาอีกหรือไม่?

หนึ่งพันหกร้อยเมตร หนึ่งพันเจ็ดร้อยเมตร หนึ่งพัดแปดร้อยเมตร…

เมื่อหลิงฮันดำดิ่งสู่ความลึกสองพันเมตรก็เริ่มมีแสงสว่างอันเลือนรางปรากฏให้เห็น ซึ่งมันคือแสงสว่างจากเกล็ดปลาที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึก

มันส่องแสงเงาวับและแพรวพราว

สองพันห้าร้อยเมตร สองพันแปดร้อยเมตร

เมื่อมาถึงระดับความลึกในระดับนี้ กระดูกของหลิงฮันก็ไม่สามารถต้านทานแรงดันน้ำได้อีกต่อไป เขารีบโคจรพลังปราณสร้างเกราะป้องกันแรงดันน้ำทันที แต่เกราะพลังปราณนั้นใช้พลังปราณมหาศาลมาก ดังนั้นเขาจึงต้องหยิบผลึกก่อเกิดออกมาช่วยด้วย

สามพันเมตร!

ในที่สุด หลิงฮันก็ดำลงมาถึงก้นทะเล ทว่าพื้นทะเลกลับไม่เรียบเหมือนหาดทราย แต่เต็มไปด้วยภูเขาและเนินมากมาย และหินที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนกับปลาที่ส่องแสงก่อนหน้านี้

นี่คือโลกที่งดงาม หากไม่มีแรงดันน้ำที่น่าสะพรึงกลัวแบบนั้น หลิงฮันก็อยากเรียกสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกมาจากหอคอยทมิฬเพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี้ด้วยกัน

แต่น่าเสียดายที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่มีกายหยาบที่แข็งแกร่งเหมือนกับเขา และนางยังเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุดเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะต้านทานแรงดันน้ำที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ได้ หากนางออกมาจากหอคอยทมิฬ ร่างของนางคงระเบิดตายในพริบตา

ในระยะไกลมีแสงสว่างแพรวพราว ถึงแม้อยู่ไกลจากตรงนั้นมาก แต่หลิงฮันก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

มันคือซากโบราณสถานของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา

หลิงฮันรีบมุ่งหน้าไปตรงนั้นทันทีอย่างไม่ลังเล

ส่วนกล่องหยกหากเขาโชคดีก็อาจจะได้พบเจอมัน

เพราะจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานั้นดำดิ่งสู่ก้นทะเลได้เร็วกว่าเขามาก ตอนนี้พวกเขาอาจจะหากล่องหยกเจอแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจะต้องสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน

หลิงฮันเดินไปตรงนั้นด้วยความยากลำบากแลดูตะกุกตะกัก และความเร็วของเขาลดลงไปมาก หากคนอื่นเห็นเข้าพวกเขาจะต้องหัวเราะเยาะอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ หลิงฮันเลยใช้เวลากว่าครึ่งวันกว่าจะเดินมาถึงซากโบราณสถาน

นี่มันน่าจะเป็นประตูทางเข้าภูเขา

มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่นี่คือภูเขา แต่ตอนนี้ยอดเขาส่วนใหญ่ถูกตัดออกไปแล้ว และมีหลายส่วนที่จมอยู่ในน้ำทะเล มีเพียงแค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้นที่โผล่ออกมา

ตรงกลางภูเขามีเสาหินตั้งตระหง่านอยู่ มันมีความสูงอย่างน้อยร้อยฟุตและหนาสิบฟุต ทั้งยังให้แสงที่ส่องประกาย

ด้านข้างของเสาหินมีถ้ำที่มีแสงสว่างอันเลือนลางโผล่ออกมา แต่เนื่องจากเสาหินนี่สว่างเกินไป จึงทำให้แสงที่ออกมาจากถ้ำเลือนลางมาก

หลิงฮันเดินสำรวจไปมาและอยากเข้าไปสำรวจในถ้ำ แต่ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นน้ำพุ่งเข้ามาหาหลิงฮันและมีฉลามยักษ์ปรากฏตัวอยู่ในสายตาของเขา ซึ่งลำตัวของมันมีวงแหลมสีทองพันอยู่รอบตัว

ฉลามทองคำ สัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด!

ฉลามทองคำเองก็สังเกตเห็นหลิงฮัน มุมปากของมันยกขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่ามันมีสติปัญญาแล้ว และในสายตาของมันหลิงฮันเป็นเหมือนเหยื่อที่แสนจะอ่อนแอของมัน

ทันใดนั้นเอง หางของมันก็กระดิกไปมาอย่างลูกศร และพุ่งเข้ามาหาหลิงฮันพร้อมกับอ้าปากกว้างหวังที่จะเขมือบเขา

งับ เมื่อปากมันปิด สีหน้าของมันก็กลายเป็นมึนงง เพราะมันรู้สึกเหมือนไม่ได้กัดอะไร

เจ้ามนุษย์ตัวน้อยหายไปแล้ว!

มันว่ายน้ำค้นหาไปทั่วไม่หยุดอยู่สักพัก และในที่สุดมันก็ล้มเลิกความพยายามที่จะหาหลิงฮัน และว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำ

– มันเองก็ถูกเสาแสงมาที่นี่เหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้มีจอมยุทธระดับดาราสองคนปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวมากจึงว่ายหนีออกไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานและไม่พบกลิ่นอายของจอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนแล้ว มันจึงว่ายน้ำอย่างกล้าหาญมาที่นี่อีกครั้ง

เหล่าสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ที่นี่เองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน หลิงฮันเห็นสัตว์อสูรมากมายไม่ว่าจะเป็นเต่า ปู ม้าน้ำและปลาหมึกยักษ์

สัตว์อสูรพวกนั้นน่าจะมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกมันจึงไม่ต่อสู้กันเอง แต่หลังจากเผชิญหน้ากันชั่วครู่ พวกมันก็สื่อสารผ่านสัมผัสสวรรค์และเข้าไปในถ้ำทีละตัว

“หืม!”

หลังจากที่เข้าไปในถ้ำ สัตว์อสูรพวกนั้นก็อุทานด้วยความตกใจ เพราะมันไม่มีน้ำอยู่ภายในน้ำ แต่กลายเป็นพื้นที่แห้ง