เมืองจักรพรรดิใต้ดิน

การจะจัดการกับผู้วิเศษจิงเต้านั้น จะต้องจัดการให้อยู่หมัดในดอกเดียว อย่าให้เขาได้มีโอกาสสวนกลับได้ ไม่งั้นโจวเหวินเองก็คงไม่มีทางต้านทานพลังของกระจกหยินหยางได้แน่ๆ

แต่ก่อนหน้าที่จะทำแบบนั้นได้ โจวเหวินคงต้องยอมทำตามที่ผู้วิเศษจิงเต้าสั่งไปก่อน

ทั้ง3คนขึ้นมานั่งบนหลังของอสูรปฐพี ก่อนที่โจวเหวินจะสั่งให้อสูรปฐพีขุดหลุมเข้าไปในสุสานตามพิกิดที่ผู้วิเศษจิงเต้าบอก อสูรปฐพีเองก็มุดขุดดินลงไป ตอนที่โจวเหวินกลับมามองเห็นได้อีกรอบ เขาก็พบว่าอสูรปฐพีนั้นลงมายืนอยู่บนเสาหินขนาดใหญ่

เสาหินนั้นมีหน้ากว้างมากกว่า4เมตร และสูงมากกว่า30เมตร ข้างใต้ของเสาหินนั้นมีของเหลวสีเงินไหลเวียนอย่างช้าๆ

มันเป็นโลกใต้ดินขนาดยักษ์ มีพื้นที่กว้างหลาย100 ตารางเมตร ทุกๆหลายร้อยเมตรจะมีเสาหินขนาดใหญ่อยู่ แต่เสาหินพวกนั้นเหมือนเป็นเสาที่ค้ำยันเพดาน มีเพียงแค่เสาเดียวที่พวกเขายืนอยู่นั้นที่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีอยู่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

ใต้พื้นที่ใต้ดินนั้นเต็มไปด้วยของเหลวสีเงิน ถ้าเกิดตำแหน่งมุดดินไม่เป๊ะจริงๆละก็ เลยไปนิดเดียวพวกเขาก็อาจจะตกลงไปในของเหลวสีเงินพวกนั้นได้

โจวเหวินกับหลิวหยุนมองของเหลวสีเงินพวกนั้นแล้วก็คิด แต่ผู้วิเศษจิงเต้าพูดตัดขึ้นมา “นั้นคือปรอท โลหะชนิดเดียวที่เป็นของเหลวในอุณหภูมิห้อง ปรกติแล้วปรอทจะเป็นพิษกับร่างกายมนุษย์ แต่ด้วยความสามารถของพวกเราแล้ว ปรอทพวกนี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอกแต่หลังจากที่เกิดพายุมิติแล้ว ในสารปรอทพวกนั้นมีสิ่งมีชิวิตต่างมิติอาศัยอยู่ด้วย แม้แต่ฉันเองถ้าตกลงไปในนั้นก็ไม่มีทางรอดออกมาได้แน่ๆ”

“ตัวอะไรอยู่ข้างใต้นั้นกันหรอ”โจวเหวินถาม

“ถ้าอยากรู้ก็ดูเอาเองละกัน”ผู้วิเศษจิงเต้าพูดแล้วอัญเชิญหนูตัวเล็กๆออกมาก่อนจะปล่อยมันลงไปในปรอท

หนูตัวนั้นทันทีที่แตะปรอท ปรอทรอบๆตัวของมันก็รวมตัวกันจนเกิดเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตตัวยาวที่ดูคล้ายงูมีปีก ก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะกัดหนูตัวนั้นอย่างแรง

ทันทีที่หนูตัวนั้นโดนน้ำลายของมันร่างกายของมันก็เน่าและเสื่อมสลายทันที

พอเห็นร่างของหนูตัวนั้นตายแล้วโจวเหวินกับหลิวหยุนก็อึ้งมากทันที เจ้าตัวที่อยู่ในปรอทตัวนั้นต้องเป็นระดับเร้นลับแน่ๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ตราบใดที่ไม่ไปแตะปรอท มันก็จะไม่ทำอะไรเราหรอก”ผู้วิเศษจิงเต้าพูดแล้วอัญเชิญนกออกมาก่อนจะนั่งบนนกแล้วขี่ตามกันไปที่ส่วนลึกของโลกใต้ดิน

โจวเหวินเก็บอสูรปฐพีแล้วอัญเชิญสัตว์ขี่มาพร้อมๆกับหลิวหยุน ตามผู้วิเศษจิงเต้าไป

“เห็นมีแต่คนบอกว่าภายในสุสานแห่งปฐมกษัตริย์นั้นเต็มไปด้วยอันตราย พอลงมาจริงๆก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี้”หลิวหยุนมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นอันตรายอะไรเลย

“ก็เพราะเรายังไม่ได้เข้าไปในนั้นจริงๆตั่งหากละ”ผู้วิเศษจิงเต้าพูด

โจวเหวินใช้สดับวานรแสกนดูรอบๆ แล้วเขาก็เห็น สุดปลายของทะเลปรอทนั้น มีประตูโลหะขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ตรงกลางของประตูนั้นมีแท่นหรือรูบางอย่างที่มีช่องพอที่จะให้ดาบโบราณเสียบพอดี

หลังจากที่ทั้ง3คนบินมาถึงประตูแล้ว ผู้วิเศษจิงเต้าก็ชี้ไปที่ช่องว่างที่ประตูแล้วพูด “เอาดาบโบราณเสียบเข้าไปในนั้นแล้วเปิดประตูซะ เราจะเข้าไปในสุสานของจริงกันแล้ว

หลิวหยุนลังเลเล็กน้อย แต่ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในมือของผู้วิเศษจิงเต้าอยู่ เขาเลยต้องจำใจเดินตรงไปที่ประตูแล้วค่อยๆเอาดาบเสียบลงไปเหมือนกุญแจ

ตอนที่ดาบเสียบลงไปจนสุดลำแล้ว มันก็เกิดเสียงกริ๊กขึ้น

หลิวหยุนรีบกระโดดถอยตัวออกมาทันที ประตูค่อยๆเปิดออกมาช้าๆเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูนั้น

โจวเหวินมองดูดีๆแล้วก็ตกใจเล็กน้อย เพราะด้านหลังประตูที่อยู่สุดปลายทะเลปรอทนั้นคือเมืองโบราณขนาดยักษ์ที่มีปราสาทและตำหนักโบราณมากมาย พร้อมกับรูปปั้นรถม้าทองแดงขนาดใหญ่อยู่กลางจัตุรัสของเมือง

ปลายสุดถนนนั้น มีปราสาทหลังงาม ที่ด้านหน้าของปราสาทนั้นมีเทพสีทอง12องค์นั่งอยู่ แต่ละองค์นั้นใหญ่โตขนาด3เมตร เหมือนกับว่าเป็นเทพทองคำที่ปกป้องปราสาทแห่งนั้น

กรึกกก

ทันทีที่ทั้ง3คนก้าวเท้าเข้ามาในประตู เหล่าทหารทองแดงจากทั่วทั้งถนนก็ยกมือขึ้นแล้วหันหน้ามาหาทั้ง3คนทันที

ทหารทองแดงเหล่านี้เหมือนกับรูปปั้นทองแดงที่อยู่นอกสุสานเป๊ะๆ แต่รูปปั้นนอกสุสานนั้นจะมือเปล่าไม่มีอาวุธแต่ในสุสานแห่งนี้ทหารทองแดงทุกตัวติดอาวุธมาด้วยเป็นดาบหรือหอก

ดาบของทหารพวกนั้นชักออกจากฝักแล้วพุ่งตรงมาหาทั้ง3คนทันที

“ทหารทองแดงพวกนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”หลิวหยุนเปิดฉากพุ่งเข้าไป

เดิมทีไข่สัตว์อสูรรูปปั้นทองแดงนั้นหายากอยู่แล้ว แถมเจ้าพวกนี้มีอาวุธด้วย ถ้าดรอปไข่ออกมาคงจะได้ราคาสูงมากแน่ๆ

แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากที่หลิวหยุนเข้าต่อสู้แล้วเขาก็พบว่าทหารทองแดงพวกนี้สู้แบบเดียวกับที่นักรบสู้ในสนามรบจริงๆ มันมีแบบแผนและทุกอย่างที่เป็นระเบียบมากๆ

แต่โชคยังดีที่หลิวหยุนเองก็แข็งแกร่งมากเหมือนกัน ถุงมือของเขามันไวพอที่จะจับดาบของเหล่าทหารทองแดงมาฟันทหารทองแดงที่อยู่ข้างๆกันเองจนหมดเกลี้ยง

เพล้ง

ทหารทองแดงแต่ละตัวพยายามฟันหลิวหยุน แต่หลิวหยุนก็สามารถหลบได้หมด ไม่ว่าจะฟันท่าไหน เขาก็สามารถหลบได้หมด

หลังจากที่ฆ่าทหารทองแดงไปแล้ว ไข่สัตว์อสูรก็ดรอปออกมาจริงๆ ซึ่งมือของหลิวหยุนก็เร็วพอที่จะหยิบไข่สัตว์อสูรพวกนั้นมาด้วยก่อนที่เขาจะลงถึงพื้นซะด้วยซ้ำ

หลิวหยุนตั้งใจจะฆ่าพวกทหารทองแดงต่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นรูปปั้นสีทองตัวนึงยืนขึ้นมา ตอนนั่งตัวของมันก็สูง3เมตรแล้ว ตอนยืนมันยิ่งตัวใหญ่กว่าเดิมอีก

รูปปั้นสีทองตัวนั้นค่อยๆเดินลงมาจากบันไดก่อนจะตรงมาทางถนน ทีละก้าว ความเร็วของแต่ละก้าวมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จนพอผ่านไปไม่กี่ก้าว ความเร็วของมันก็เริ่มเหมือนสิงโตวิ่งแบบเต็มที่ก่อนจะกระโดดพุ่งเข้าใส่หลิวหยุนที่อยู่ในระยะห่างออกไป100เมตร ก่อนจะกระโดดถีบอย่างแรง

หลิวหยุนตอบสนองทันที เขาใช้ถุงมือที่มีเข้ารับเท้าของรูปปั้นนั้นอย่างแรงโดยที่ไม่ถอย

ตู้มม!!!!

หมัดและเท้าเข้าผสานกันอย่างแรง แต่เป็นหลิวหยุนเองที่กระเด็นออกไปแล้วกระแทกกับพื้นก่อนจะกลิ้งอีกหลายตลบแล้วไปชนกับกำแพงด้านหลัง

“จ…เจ้ารุ่นน้อง …ดูเหมือน…ว่าฉันจะไปต่อไม่ไหวแล้ว….ฝาก..ที่เหลือด้วยนะ…อยู่ต่อไป…แทนฉันด้วยนะ…”หลิวหยุนนั้นพยายามฝืนตัวเองให้พูด ฝืนตัวเองให้ลุกหลายครั้งแต่ก็ลุกไม่ขึ้น เลือดไหลออกมาจากปากของเขากระอักก่อนที่เขาจะพูดจบแล้วล้มลงกับพื้นหัวใจหยุดเต้น ไร้ลมหายใจ เหมือนกับตายไปแล้ว

ผู้วิเศษจิงเต้าหยิบดาบจักรพรรดิฉินขึ้นมาแล้วเอามาสะกิดที่น่องของหลิวหยุน แต่หลิวหยุนกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย กล้ามเนื้อและประสาทเหมือนจะไม่ตอบสนองแล้วด้วย

“ดูเหมือนว่าจะตายไปจริงๆซินะ น่าสงสารจริงๆเลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปล่า ฉันจะเอาหัวใจของนายมากินเพิ่มอายุเอง”ผู้วิเศษจิงเต้าเตรียมดาบจะแทงเข้าไปกลางอกของหลิวหยุน

“อั้ก…ไม่ ฉัน ฉันฟื้นแล้ว….” หลิวหยุนจู่ๆก็ลุกขึ้นมานั่งทันที หัวใจกลับมาเต้น ลมปราณกลับมาไหลเวียนอีกครั้ง ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม