ตอนที่ 1905

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,905 : ถึงตาของต้วนหลิงเทียนแล้ว…

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่กล้าฝันเฟื่องวาดหวังว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาจะดีเลิศประเสริฐศรีอะไร! เพราะเขารู้ตัวดีว่าที่เขามีวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติล้วนๆ!!

 

ชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น อัตราการไหลของห้วงเวลามันช้ากว่าด้านนอกถึง 5 ต่อ 1 ซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่ชวนให้สะพรึงนัก!

 

เพียงอาศัยเรื่องนี้อย่างเดียว ความเร็วในการบ่มเพาะของเขา ก็เหนือกว่าผู้ฝึกตนที่มีพรสวรรค์ระดับเดียวกันกับเขาถึง 5 เท่า!

 

สูดอากาศเข้าลึกๆไม่กี่คำ แววตาที่เลื่อนลอยของต้วนหลิงเทียนพลันกลับมากระจ่าง ว่ายมองไปตกยังร่างอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 ทันที ตอนนี้พวกมันกำลังเฝ้ารอผลการทดสอบของคน 4 คนที่วางมืออยู่บนลูกแก้ววิญญาณเบื้องหน้า

 

ทั้ง 4 นั้นหลังจากที่นำมือไปวางบนลูกแก้ววิญญาณแล้ว ก็จำต้องรอถึง 10 ลมหายใจกว่าผลการทดสอบจะออกมา

 

วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!

 

ลูกแก้ววิญญาณของคน 3 คนส่องสว่างออกมาด้วยแสงสีเหลือง!

 

วิ้ง!

 

ส่วนลูกแก้ววิญญาณของคคนสุดท้ายนั้น กลับส่องแสงสีแสดสว่างออกมา

 

“วิเศษจริงๆ…”

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เขาไม่คิดเลยว่าลูกแก้วเล็กๆเพียงเท่านี้กลับสามารถเปิดเผยพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนออกมาได้จริงๆ…

 

นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ถึงความซับซ้อนของข่ายอาคมมากมายที่กระจุกอัดแน่นอยู่ในลูกแก้ววิญญาณเหล่านั้น

 

ถึงแม้ว่าข่ายอาคมดูแล้วจะไม่ได้ยากเย็นอะไรมากมาย ทว่ามันเรียงตัวซับซ้อนและเชื่อมโยงกันหลากหลายอาคมนัก ยิ่งกว่าวงจรไฟฟ้าของอุปกรณ์ทันสมัยในโลกเก่าเขาเสียอีก…

 

“พวกเจ้าชื่ออะไร?”

 

หลังจากผลการทดสอบออกมาแล้ว อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 4 ก็ยกสมุดออกมาเล่มหนึ่ง ถามไถ่นามของทั้ง 4 ออกมาเพื่อทำการจดชื่อ และผลลัพธ์การทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน

 

“ส่วนเจ้า รากวิญญาณของเจ้าเป็นเพียงรากวิญญาณสีแสด…หากพลังฝึกปรือของเจ้ายังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภา คงเป็นไปมิได้เลยที่เจ้าจะผ่านบททดสอบพลังฝีมือไปได้”

 

หนึ่งในอาวุโสเพลิงทองแดงมองไปยังชายชราที่ผลการทดสอบออกมาเป็นรากวิญญาณสีแสด ค่อยกล่าวออกอย่างไร้แยแส

 

“รากวิญญาณสีแสดหรือ?”

 

ใบหน้าชายชราเผยความขื่นขมออกมาทันใด แววตายังสั่นไหวไปคล้ายทดท้อ เห็นชัดว่ามันพึ่งได้รู้ก็วันนี้…ว่ารากวิญญาณของมันมีสีแสด…

 

“รากวิญญาณสีแสดหรือ…เฮ่อ สหายเฒ่าผู้นั้นหมดหวังแล้วล่ะ หากมิได้พบพานวาสนาโดยบังเอิญกระทั่งยังต้องเป็นวาสนาปาฏิหาริย์ เกรงว่าชั่วชีวิตมันกระทั่งเซียนนภายังมิอาจบรรลุถึงได้…”

 

ตอนนี้เองเหล่าผู้ที่รอทดสอบอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา

 

และภายใต้สายตาของผู้คน ชายชราเจ้าของรากวิญญาณสีแสดก็โค้งคำนับอาวุโสเพลิงทองแดงครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเหินร่างจากไปทันที…

 

แผ่นหลังที่ค่อยๆห่างออกไปไกลตา แลดูเปลี่ยวเศร้าเหงาหงอยนัก

 

“ข้าหวังว่ารากวิญญาณของข้าจักมิใช่รากวิญญาณสีแสดหรอกนะ…”

 

หลายคนอดไม่ได้ที่จะรำพันออกมากับตัวเองเบาๆ พวกมันเองก็กลัวไม่น้อยว่ารากวิญญาณของตัวเองจะเป็นเพียงรากวิญญาณสีแสด เพราะยากนักที่จะกล่าวบอกว่ารากวิญญาณของใครเป็นสีอะไรเพียงมองจากพลังฝึกปรือในปัจจุบัน

 

ช่องว่างของระดับพลังฝึกปรือขั้นสูงๆยิ่งมาก็ยิ่งห่างชั้นกันมากขึ้น เช่นนั้นหากไม่มีพลังฝึกปรือถึงจุดหนึ่งก็ยากจะบ่งบอกได้ว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณคือระดับใดกันแน่…

 

เช่นเดียวกันกับคนที่มีรากวิญญาณสีแสดกับสีเหลือง ก่อนที่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ความเร็วในการบ่มเพาะของพวกมันจะไม่ได้แตกต่างกันมากมายอะไร!

 

จนเมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว ความแตกต่างถึงจะเริ่มเห็นได้ชัดเจน

 

และสุดท้ายผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง จะสามารถบุกทะลวงไปยังขอบเขตเซียนปฐพีได้อย่างง่ายดาย กระทั่งยังมีโอกาสทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเซียนนภาสูงไม่น้อย

 

หากแต่มีมากมายหลายคนนักที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีส้ม ที่แม้จะทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว ถึงจะมีโอกาสทะลวงไปยังขอบเขตเซียนปฐพีได้ แต่พวกมันกลับแทบไม่มีความหวังที่จะทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนนภาได้เลยตลอดชั่วชีวิต!

 

“ส่วนรากวิญญาณของพวกเจ้าทั้ง 3 คือรากวิญญาณสีเหลือง หากพลังฝึกปรือของพวกเจ้ายังไม่ทันบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพี ข้ามิแนะนำให้พวกเจ้าเข้าร่วมการทดสอบพลังฝีมือ…แต่แน่นอนว่าพวกเจ้าสามารถเลือกที่จะลองได้ แต่พวกเจ้าจำต้องเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับอาการบาดเจ็บล้มตายไว้ด้วย…”

 

ผู้อาวุโสเพลิงทองแดงที่กล่าวออกก่อนหน้าพลันพูดขึ้นมาอีกครั้ง ให้คำแนะนำแก่ผู้ทดสอบ 3 คนที่มีรากวิญญาณสีเหลือง

 

ทั้ง 3 คนพยักหน้ารับทราบ และมีเพียง 2 คนที่รั้งอยู่ต่อ ส่วนอีกคนเลือกที่จะเหินร่างจากไป

 

คนที่จากไปนั้นพลังฝึกปรือของมันเพียงพึงทะลวงถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น โอกาสในการผ่านการทดสอบของมันเรียกว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดิน!

 

เหตุผลเดียวที่มันมาปรากฏตัวที่นี่วันนี้เพียงเพราะมันอยากรู้ว่า รากวิญญาณของมันใช่มีสีเขียวหรือไม่…

 

หากพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเป็น รากวิญญาณสีเขียว เช่นนั้นความยากลำบากของบททดสอบพลังฝีมือ ก็จะลดระดับความยากลงไปมากมาย ถึงจุดที่ขอแค่เป็นเซียนมนุษย์ขั้นต้นก็สามารถผ่านได้…

 

การประเมินคัดเลือกศิษย์ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟนั้น ดำเนินการตามหลัก ยิ่งพรสวรรค์สูงส่งการประเมินจะยิ่งง่ายขึ้น!

 

ยกตัวอย่างเช่น…ขอเพียงผู้เข้าร่วมการประเมินมีพรสวรรค์รากวิญญาณเป็นรากวิญญาณสีเขียว ตราบใดที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นต้น ก็จะสามารถผ่านบททดสอบพลังฝีมือไปได้อย่างง่ายดาย และกลายเป็นศิษย์ลัทธิบูชาไฟได้สำเร็จ!

 

เพียงเพราะคนที่มีรากวิญญาณสีเขียวนั้น เรื่องทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น และโอกาสทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ยังมีสูงนัก!

 

คนที่มีศักยภาพเช่นนี้เมื่อเติบโตขึ้นไป วันหน้าย่อมกลายเป็นกระดูกสันหลังของลัทธิบูชาไฟได้แน่นอน!

 

สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเหนือกว่ารากวิญญาณสีเขียว คนเหล่านี้จะถูกยกเว้นจากการทดสอบพลังฝีมือและได้กลายเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟได้ทันที กระทั่งยังอาจต้องตาพึงใจอาวุโสเพลิงทอง จนถูกรับเป็นศิษย์ส่วนตัว…

 

เพราะในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น มีกฏเหล็กอยู่ประการหนึ่ง

 

ผู้ใดก็ตามที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเหนือกว่ารากวิญญาณสีเขียวขึ้นไป หากไม่ตกตายไปเสียก่อน ล้วนทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้แน่นอน!

 

หลังจากที่ 4 คนแรกผละออกมา 4 คนต่อไปก็เหินร่างเข้าไปทำการทดสอบ

 

แต่ละรอบนั้นสามารถทำการประเมินพรสวรรค์รากวิญญาณได้แค่ 4 คนเท่านั้น

 

หลังทดสอบไปได้อีกพักหนึ่ง ผู้ที่พบว่ารากวิญญาณของตัวเองเป็นเพียงรากวิญญาณสีแสด ก็เลือกที่จะจากไปทันที

 

คนส่วนใหญ่นั้นมีรากวิญญาณสีเหลือง และแทบทั้งหมดก็เลือกจะเฝ้ารอทดสอบพลังฝีมือที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้…นอกจากนี้บางส่วนก็เลือกที่จะจากไป เพราะรู้ว่าพลังฝีมือไม่สูงพอ

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน ไม่นานก็หลงเหลือผู้คนเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำการทดสอบ

 

และตอนนี้ผู้ที่เหลืออยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬก็มีไม่ถึงพันคนแล้วด้วย

 

“รากวิญญาณสีเขียว!”

 

ตอนนี้เองในบรรดา 4 คนที่เข้ารับการทดสอบ เมื่อมือของหนึ่งในนั้นวางลงบนลูกแก้ววิญญาณและตัวลูกแก้ววิญญาณเปล่งแสงสว่างสีเขียวออกมา มันก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนทันที!

 

เป็นชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาผิวพรรณเกลี้ยงเกลาดั่งหยกเสลา มาในชุดเรียบร้อยแลคล้ายบัณฑิตนักศึกษา ท่าทางจะมีฐานะไม่ใช่ชั่ว ตอนนี้ใบหน้ามันเผยความตกตะลึงไม่น้อยเมื่อพบว่าตัวเองมีรากวิญญาณสีเขียว

 

หลังจากนั้นไม่นานความสุขความยินดีก็เผยออกมาบนใบหน้ามันล้นปรี่

 

“เป็นรากวิญญาณสีเขียวจริงๆ!”

 

“กว่า 400 คนแล้วที่ขึ้นไปทำการทดสอบ ในที่สุดคนที่มีรากวิญญาณสีเขียวก็ปรากฏตัว…ลองเจ้านั่นมีรากวิญญาณสีเขียวเช่นนี้ บททดสอบพลังฝีมือของมันก็นับว่าผ่านได้ง่ายดายนัก แค่บรรลุเซียนมนุษย์ก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว…”

 

“รากวิญญาณสีเขียวหรือ…ข้าเองก็หวังว่ารากวิญญาณของข้าจะมีสีเขียวบ้าง หาไม่แล้วเกรงว่าข้าคงยากจะเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟได้ หากอาศัยพลังฝึกปรือสูงสุดเซียนมนุษย์นี้ของข้า…”

 

 

หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกันออกมา สายตาที่ใช้มองชายวัยกลางคนที่มีรากวิญญาณสีเขียวยังเผยความอิจฉาออกมาชัดเจน บ้างก็ถึงกับเผยความริษยาออกมาให้เห็น…

 

“พลังฝึกปรือของเจ้าเป็นเช่นไรแล้ว?”

 

อาวุโสเพลิงทองแดงมองถามชายวัยกลางคนในชุดบัณฑิตด้วยรอยยิ้ม

 

เพราะอาวุโสเพลิงทองแดงคนนี้ก็มีรากวิญญาณสีเขียวเท่านั้น

 

ตราบใดที่ชายวัยกลางคนเบื้องหน้ามันเข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟได้ สักวันฐานะของอีกฝ่ายอย่างน้อยๆก็จะทัดเทียมกับมัน ด้วยเหตุนี้มันจึงปฏิบัติกับอีกฝ่ายด้วยความเท่าเทียมเสมือนอยู่ในระดับเดียวกัน

 

“ข้าเพียงบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นต้นเท่านั้น”

 

ชายวัยกลางคนในชุดบัณฑิตกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“อะไร! บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นต้นแล้ว!?”

 

“ไม่เพียงมากพรสวรรค์กระทั่งพลังฝึกปรือยังร้ายกาจ…เช่นนั้นก็สมควรได้เป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟแน่นอนแล้ว! กระทั่งวันใดหากเจ้านั่นบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภา อาจจะได้บัตรผ่านเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ!”

 

“สำหรับมันแล้วการประเมินวันนี้เป็นดั่งพิธีการที่เพียงกระทำให้ผ่านๆไปเท่านั้น…ด้วยศักยภาพของมัน มีแน้วโน้มสูงนักที่จะกลายเป็นอาวุโสเพลิงทองแดง เหล่าอาวุโสเพลิงเงินเองก็คงต้องตาพึงใจหมายรับตัวมันเป็นศิษย์ไม่น้อย”

 

……

 

สายตาของผู้คนส่วนใหญ่ต่างมองชายวัยกลางคนด้วยความอิจฉา

 

‘มีคนทดสอบไปแล้ว 400 กว่าคน กลับมีรากวิญญาณสีเขียวโผล่มาแค่คนเดียว…ดูเหมือนว่าอย่างดีรากวิญญาณของข้าก็คงมีสีเหลืองแน่แล้ว! หวังว่ามันจะไม่เป็นสีแสดก็พอ…’

 

มองไปยังชายวัยกลางคนที่ลอยร่างอยู่ไกลห่าง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดไปในใจ ลึกลงไปในแววตาเขาก็เผยความอิจฉาออกมาเช่นกัน

 

ในตอนที่เขายังอยู่ในทวีปมนุษย์อย่างทวีปเมฆาล่องนั้น ด้วยนมผา 10,000 ปี มันก็ได้ยกระดับศักยภาพพรสวรรค์ของเขาจนบรรลุถึงจุดสูงสุด!

 

แต่นั่นเป็นเพียงพรสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปมนุษย์เท่านั้น!

 

ศักยภาพพรสวรรค์ที่สูงสุดในทวีปมนุษย์ พอมาอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ไม่นับเป็นตัวอะไร!

 

บางทีอาจเป็นเพราะชายวัยกลางคนในชุดบัณฑิตที่มีรากวิญญาณสีเขียวคนแรกนั้นนำโชคมาให้ก็เป็นได้ เพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่รอบ คนที่ขึ้นไปทำการทดสอบชุดล่าสุดก็เป็นผู้ที่มีรากวิญญาณสีเขียวอีกคน!

 

“พรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวมาอีกคนแล้ว!”

 

ไม่เว้นต้วนหลิงเทียน ทุกคนหันไปมองผู้ที่มีรากวิญญาณสีเขียวเป็นคนที่สองทันที

 

มันเป็นชายหนุ่มหน้าตาแลดูธรรมดาสามัญคนหนึ่ง หากจับไปวางไว้ในฝูงชนเกรงว่าคงปะปนไปจนยากจะแยก นอกจากนี้คล้ายมันยังไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองมีรากวิญญาณสีเขียว ถึงกับตะลึงอึ้งค้างไปพักหนึ่ง

 

จนเมื่ออาวุโสเพลิงทองแดงกล่าวทักมัน จึงค่อยได้รู้สึกตัว กระทั่งยังโห่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น!

 

เปรียบเทียบกับชายวัยกลางคนในชุดบัณฑิตที่เพียงตกตะลึงและเผยใบหน้ายินดีแล้ว คล้ายมันจะตื่นเต้นดีใจกว่ากันมาก!

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดว่าอาการนี้ของมันจะเกินเหตุอะไร ยังคิดว่าเป็นเรื่องปกตินัก…หากเป็นพวกมันบ้างเกรงว่าเผลอๆอาจจะแสดงความตื่นเต้นยินดียิ่งกว่านี้ด้วยซ้ำ!!

 

“ฮ่าๆๆ! ยินดีกับเจ้าด้วยเผิงฮุย!!”

 

ไม่นานสหายของชายหนุ่มคนดังกล่าวพอทราบว่าสหายของมันมีรากวิญญาณสีเขียว ก็เร่งกล่าวคำแสดงความยินดีออกมาทันที

 

ขณะเดียวกันมันก็ไม่ลืมที่จะกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจกับผู้คนรอบๆ “อัจฉริยะที่มีรากวิญญาณสีเขียวคนนี้เป็นดั่งพี่น้องแท้ๆของข้า! ข้าหลงคิดว่าอาศัยเพียงพลังฝึกปรือเซียนมนุษย์ชั้นกลาง สหายข้าคงยากจะเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟได้แล้ว แต่มิคิดเลยว่าสหายประเสริฐผู้นี้ของข้า ที่แท้กลับมีรากวิญญาณสีเขียว!!”

 

เซียนมนุษย์ขั้นกลาง! รากวิญญาณสีเขียว!!

 

นั่นหมายความว่าสามารถเป็นศิษย์ลัทธิบูชาไฟได้แน่นอนแล้วสิบส่วนเต็ม!

 

มาตอนนี้ผู้คนรอบๆก็เข้าใจได้ทันทีว่าไฉนมันถึงได้แลดูตื่นเต้นยินดีนัก

 

หากรากวิญญาณของมันไม่ใช่สีเขียว และกลายเป็นแค่สีเหลืองขึ้นมา เช่นนั้นวันนี้มันคงสิ้นสุดวาสนากับลัทธิบูชาไฟแล้ว เพราะพลังฝึกปรือมีแค่เซียนมนุษย์ขั้นกลางเท่านั้น…แต่ตอนนี้เรื่องราวที่ว่าคงไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะรากวิญญาณของมันมีสีเขียว!!

 

‘ข้าหวังว่าข้าจะมีโชคเหมือนกับเจ้านั่นบ้าง…’

 

หลายคนลอบภาวนาอธิษฐานอยู่ในใจ และส่วนใหญ่แล้วพลังฝึกปรือของพวกมันก็อยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ทั้งสิ้น

 

เวลาค่อยๆไหลผ่านไปเรื่อยๆ ผู้ที่มีรากวิญญาณสีเขียวก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นอีกหลายคน ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่รู้ตัวดีว่าพลังฝีมือไม่ถึงและเลือกที่จะจากไป…

 

และในที่สุดก็ถึงตาที่ต้วนหลิงเทียนจะขึ้นไปทดสอบแล้ว

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและอีก 3 คนกำลังเหินร่างขึ้นไปหาอาวุโสเพลิงทองแดงนั้น ฉากเรื่องราวโดยรอบกลับกลายเป็นเงียบงันลงทันใด!

 

สายตาของผู้คนล้วนไปตกอยู่ที่ร่างของต้วนหลิงเทียนกันหมด!

 

การประลองเป็นตายเมื่อวานนี้กับหยางหวู่ ทำให้พวกมันรู้สึกประทับใจต้วนหลิงเทียนกันไม่น้อย!