บทที่ 1986 – ดัชนีหยินหยาง
หลังจากผ่านพิธีการรับสาวกคนใหม่ ชิงสุ่ยก็ยิ่งอยากสนับสนุนชิงซี หญิงสาวผู้อาภัพ เขาจึงมอบขวดยาให้กับเธอ 2-3 ขวด “ตามข้ามา เดี๋ยวข้าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้า”
“ขอบคุณมากนายท่าน”
ชิงสุ่ยนำทางชิงซีไปยังสวนที่อยู่ด้านหลังบ้าน จากนั้นก็ชำระล้างสิ่งสกปรก บ่มเพาะรากฐานพลังภาพเข็มทองคำ น้าด้วยการฟื้นฟูพลังทั้งหมด ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็มาปรากฏขึ้นอีกครั้ง นั่นก็หมายความว่าชิงซีได้บรรลุจากขั้นปลายของดินแดนบัญชาสวรรค์พินาศขึ้นไปอยู่ในดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
แน่นอนว่าการพัฒนาครั้งนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่ขั้นที่ 1 เธอก้าวกระโดดไปสู่ขั้นที่ 2 ของดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทันที
ปริมาณสายฟ้าจำนวนมากฟาดฟันเข้าใส่
หลังจากผ่านพิธีการรับสาวกคนใหม่ ชิงสุ่ยก็ยิ่งอยากสนับสนุนชิงซี หญิงสาวผู้อาภัพ เขาจึงมอบขวดยาให้กับเธอ 2-3 ขวด “ตามข้ามา เดี๋ยวข้าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้า”
“ขอบคุณมากนายท่าน”
ชิงสุ่ยนำทางชิงซีไปยังสวนที่อยู่ด้านหลังบ้าน จากนั้นก็ชำระล้างสิ่งสกปรก บ่มเพาะรากฐานพลังภาพเข็มทองคำ น้าด้วยการฟื้นฟูพลังทั้งหมด ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็มาปรากฏขึ้นอีกครั้ง นั่นก็หมายความว่าชิงซีได้บรรลุจากขั้นปลายของดินแดนบัญชาสวรรค์พินาศขึ้นไปอยู่ในดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
แน่นอนว่าการพัฒนาครั้งนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่ขั้นที่ 1 เธอก้าวกระโดดไปสู่ขั้นที่ 2 ของดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทันที
ปริมาณสายฟ้าจำนวนมากฟาดฟันเข้าใส่ร่างกายของเธอ และเมื่อเธอขึ้นมาถึงขั้นสูงสุดของดินแดนสวรรค์ขั้นที่ 2 เธอก็พยายามรักษารากฐานพลัง และเมื่อพลังคงที่ทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จบสิ้นลง เธอก็กลายเป็นอีกคนนึงที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
ชิงซียิ้มอย่างมีความสุข ตอนนี้เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าชิงสุ่ยเป็นคนมีความสามารถเพียงใด และเธอก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นเพียงแค่ยอดเขาส่วนเล็กๆของความสามารถที่แท้จริง เธอไม่รู้หรอกว่ามันเป็นโชคชะตาหรือไม่ที่ทำให้พบเจอกับชายคนนี้ แต่การที่เขาได้กลายมาเป็นเจ้านายของเธอ มันถือว่าเธอได้รับโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
ชิงสุ่ยนำอุปกรณ์ศาสตราวุธต่างๆที่เขาสร้างขึ้นออกมา แม้ว่าศาสตราวุธเวทจะเหมาะสำหรับยอดยุทธที่มีพลังต่ำกว่าระดับปราณจักรพรรดิ แต่งแล้วก็ตามของทุกอย่างก็ถูกสร้างขึ้นในมือของชิงสุ่ย จึงทำให้มันสามารถปลดปล่อยพลังได้ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ หรือระดับกึ่งสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เครื่องแต่งกายด้ายเงิน รองเท้าเมฆาวายุ และถุงมือผ้าฝ้ายนภาเงิน
สิ่งของเหล่านี้เพิ่มพูนความสามารถให้กับชิงซีเป็นเท่าตัว เสื้อผ้าจะช่วยกระชับร่างกายและป้องกันการโจมตี รองเท้าจะช่วยเพิ่มความเร็ว ส่วนถุงมือจะทำให้เธอสามารถต้านทานพิษและค่อยๆรวบรวมเข้ากับร่างกายเพิ่มภูมิคุ้มกันพิษ
“ชิงซี ลองโจมตีข้าด้วยทักษะดัชนีหยินหยาง”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ นายท่าน”ชิงซีรู้ดีว่าชิงสุ่ยอยากจะเห็นความสามารถในการต่อสู้ของเธอ
ในตอนแรกเธอมั่นใจในความสามารถของตนเอง แต่ตอนนี้เธอเริ่มเป็นกังวลเล็กน้อย เขาคือเจ้านายของเธอ มันไม่สำคัญหรอกว่าดัชนีหญิงอย่างของเธอนั้นจะเป็นที่ยอมรับของเขาหรือไม่ อย่างแย่ที่สุด เธอก็เพียงแค่ต้องปรับแต่งกระบวนท่าเพื่อทำให้เจ้านายของเธอยอมรับ
ชิงซีเริ่มเคลื่อนไหวบนร่างกายเพิ่งปรับสภาพและยังไม่คุ้นเคยมากนัก แต่เธอก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ในไม่ช้ากระบวนท่าก็เข้ากับร่างกายของเธอ การเคลื่อนไหวของเธอเปลี่ยนไปเป็นความแปลก ร่างแยกของเธอปรากฏขึ้นรอบ 7 ทิศทาง หรืออาจเรียกได้ว่ามันช่างคล้ายคลึงกับกระบวนท่าย่างก้าว 7 ดารา
ชิงซีโจมตีชิงสุ่ยด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างเหมือนราชาอสรพิษที่แสงว่องไว การเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงมายา พลังการโจมตีที่กระแทกใส่ชิงสุ่ยปลดปล่อยออกมาจากข้อนิ้วมือราวกับเป็นธรรมชาติ ชิงสุ่ยไม่รู้สึกเกรงกลัวกับการโจมตีที่เธอปลดปล่อย เขาลองหลบมันอยู่ 2-3 ครั้ง ก่อนจะปล่อยให้เธอโจมตีร่างกายของเขาด้วยนิ้วมือของเธอ
หืม!!
ชิงสุ่ยเริ่มตกตะลึงเมื่อดัชนีหยินหยางกระทบร่างกายของเขา ทักษะของเธอแปลกมาก เมื่อวานโดนจุดใดจุดนั้นจะเริ่มร้อนขึ้นแต่บางจุดก็เย็นยะเยือก “มันเป็นแบบนี้นี่เอง”ชิงสุ่ยรับรู้ได้ว่ามือขวาของเธอเปรียบเสมือนตัวแทนหยิน มือซ้ายไม่ต่างอะไรจากตัวแทนหยาง หยินหยางในมือแต่ละข้าง คอยช่วยเหลือเธอราวกับเธอจะสามารถล้มโลกทั้งใบ
ส่วนรูปแบบย่างก้าวที่เธอใช้ จะเป็นย่างก้าวหยินหยางพลิกกลับ
มันคือทักษะการก้าวเดินที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน แล้วถ้าฝึกฝนมาอย่างดี มันจะสามารถดึงพลังงานปริมาณมหาศาลออกไปได้ ท่วงท่าในการเดินจะคล้ายกับการสกัดจุด ที่พร้อมจะถ่ายเทพลังไปทำลายพลังหยินหยางที่อยู่ในร่างกายของศัตรู
อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างพลังของชิงสุ่ยและชิงซีมันมีมากเกินไปจนพลังดังกล่าวไม่มากพอจะทำลายอะไรร่างกายของเขาได้
แล้วตัวของชิงสุ่ยก็มีทักษะเบิกเนตรสวรรค์ ทำให้เขาสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของพลังงานแสงเลือกรับได้อย่างแม่นยำและง่ายดาย อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถลอกเลียนแบบกระบวนท่านี้ได้ และสามารถปลดปล่อยส่วนหนึ่งของกระบวนท่าที่ยากที่สุดแสนจะเกินกว่าจะเข้าใจได้โดยง่าย
หลังจากนั้นไม่นานชิงสุ่ย ก็บอกให้ชิงซีหยุด “ในอนาคตมันจะต้องดีแน่หากเจ้าฝึกฝนกระบวนท่าดัชนีหยินหยางเช่นนี้ต่อไป นอกจากนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะต้องเรียนรู้ทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับจุดชีพจร จุดเส้นลมปราณ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับพลังปราณ ถ้าหากเจ้าได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ พลังดัชนีหยินหยางของเจ้าก็จะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และนอกจากนี้เจ้าจะต้องขยันหมั่นเพียรเรียนรู้วิชาแพทย์”
“ข้าน้องทำตามสิ่งที่นายท่านสอนสั่ง”ชิงซีกล่าวด้วยความดีใจ
……………..
ในวันต่อมา หอคอยจักรพรรดิก็เริ่มรักษาผู้คนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 3 วัน ชิงสุ่ยลงมือทำแต่เพียงผู้เดียวและชิงซีคอยสังเกตวิธีการจากด้านข้าง ระหว่างที่เขารักษาเขาก็เริ่มอธิบายกระบวนการและอาการป่วยของผู้ป่วยให้เธอได้รับรู้ ซึ่งเมื่อเธอฟังคำอธิบาย มือของเธอต้องจดข้อมูลด้วยความตั้งใจ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอได้อ่านตำราแพทย์หลายต่อหลายเล่มนับไม่ถ้วน เธอเพียงแค่ขาดอาจารย์ที่จะคอยเติมเต็มความไม่รู้ของเธอ
ชิงสุ่ยใช้คำพูดอธิบายง่ายที่สุด และเริ่มอธิบายให้เธอฟังถึงขั้นตอนการวินิจฉัยโรค รวมถึงตัวยาที่สมควรใช้
หลังจากนั้นไม่นาน ชิงสุ่ยก็ตัดสินใจจะสอนชิงซีทักษะรักษาห่วงวิญญาณ ด้วยความสามารถของทักษะ จะยิ่งทำให้เธอวินิจฉัยโรคความเจ็บปวดของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ ชิงสุ่ยทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะสามารถจดจำอาการบาดเจ็บ และยาทุกประเภทได้อย่างสมบูรณ์
…………….
มันเป็นเรื่องปกติที่คนบางคนต้องการผลประโยชน์จากบางสิ่ง แม้ว่าถนนสายนี้จะเป็นถนนที่เต็มไปด้วยธุรกิจ แต่ก็ยังอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมาเพื่อเยี่ยมชมร้านค้าต่างๆ หรือมาเพื่อทำธุระ แต่เมื่อทุกคนเห็นหอยาที่เปิดทำการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย มันย่อมต้องดึงดูดความสนใจของทุกคน
อย่างไรก็ตาม สำหรับพวกคนชั้นสูง คนเหล่านี้มักจะดูถูกหมอทั่วไป เพราะพวกเขาเองก็มีหมอประจำตระกูลที่เก่งกาจมากมาย
ชิงสุ่ยก็ไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนี้ เขาทำได้เพียงแค่พยายามสร้างชื่อเสียง โดยอาศัยวิธีการรักษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ความเร็วในการวินิจฉัยของชิงสุ่ยเป็นอะไรที่ผู้คนแทบไม่อยากเชื่อ เขาเขียนใบสั่งยาและจ่ายยาที่มีคุณภาพซึ่งได้รับมาจากหลางซีให้กับทุกคน
หลางซีคอยช่วยเหลือจ่ายยา ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้
ในวันที่ 2 ชื่อเสียงของหอคอยจักรพรรดิแพร่สะพัดออกไปไกลๆทั่วทั้งเมือง สิ่งที่เด่นที่สุดคือชิงสุ่ยให้การรักษากับทุกคนอย่างเท่าเทียมและไม่คิดค่าใช้จ่าย
ในด้านของความสามารถทางการแพทย์ ชิงสุ่ยถือว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร เขารักษาทุกคนได้อย่างแม่นยำ แม้แต่บางคนที่จมอยู่กับความสิ้นหวัง หรือบาดเจ็บสาหัส เขาก็สามารถใช้ตัวยาชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งได้
โดยปกติแล้ว เหล่าผู้คนที่มีสถานะสูงแทบจะไม่ลงมาข้องเกี่ยวอะไรกับพวกหมอเลย พวกเขามักจะใช้งานนักปรุงยา แต่ครั้งนี้อะไรอะไรก็เปลี่ยนไป
ชิงซีเป็นคนมีพรสวรรค์มาก มากเสียจนชิงสุ่ยอึ้งไปในบางครั้ง ในวันที่ 3 หลังจากที่เขาเฝ้ามองดูชิงซีทำหน้าที่รักษา เขาตรวจสอบทั้งการวินิจฉัย การจ่ายยา เธอเรียนรู้ทุกอย่างและพัฒนาความสามารถของตนด้วยอัตราที่ก้าวกระโดด
และในวันที่ 3 นั้น การรักษากำลังจะจบลง กลุ่มคนประมาณ 60 คนที่สวมเสื้อผ้าหรูหราโดยมีผู้นำเป็นชายหนุ่มรูปร่างอ่อนเยาว์ ก็ได้ยืนมองชิงสุ่ยอยู่ไม่ห่างไกลจากหอคอยจักรพรรดิ