บทที่ 1461 ปิดตายประตู / บทที่ 1462 นอนแป๊บหนึ่งแล้วค่อยคุยกัน?

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1461 ปิดตายประตู

แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่คิดจะดึงมือกลับมา เธอพูดต่อว่า “นายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่ คุณว่ายังไงล่ะ?”

ชีซิงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งเตือนเสียงต่ำ “พี่เฟิ่ง ไม่ได้นะ…”

เป่ยโต่วเห็นหัวหน้าของตัวเองแซวนายแห่งอาชูร่าต่อหน้าคนมากมายก็ตกใจเหงื่อแตก รีบเตือน “พี่เฟิ่ง อย่าวู่วามสิ…”

ถ้าล่วงเกินนายแห่งอาชูร่าตอนนี้ล่ะก็ สถานการณ์ต้องเลวร้ายแน่ๆ

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองทั้งสองอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วพูดอย่างไม่แยแส “ที่นี่คนเยอะคุยไม่สะดวก นายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราคุยกันเงียบๆ สองคนดีไหม?”

ชีซิงกับเป่ยโต่วได้ยินอย่างนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา

เชี่ย! ยังคิดจะคุยกันสองคนอีก?

เวลาอย่างนี้จะให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังได้ยังไง?!

ผู้อาวุโสตระกูลหยวนที่ยืนอยู่ข้างหนึ่งเดือดดาล “นังแม่มด คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก!”

เยี่ยหวันหวั่นแค่นหัวเราะเบาๆ ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความเจ็บปวดแสนสาหัสกลับแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย เยี่ยหวันหวั่นไม่ทันตั้งตัวจึงเสียการควบคุมไปชั่วขณะ หน้าซีดเหมือนกระดาษ

โชคดีที่เป็นแค่ไม่กี่วินาที อาชูร่ากับคนของตระกูลหยวนเลยไม่ทันสังเกต

ในตอนนี้เอง เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นในห้องรับแขก “ออกไปให้หมด”

เจียงเหยียนร้อนรน “นายท่าน ไม่ได้นะครับ…เกิดผู้หญิงคนนี้ทำอะไรนายท่าน…”

หลินเชวียที่ปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดรีบพูดขึ้น “เจียงเหยียน บังอาจ เดี๋ยวนี้ถึงขนาดกล้าขัดคำสั่งนายท่าน นี่นายกำลังสงสัยในความสามารถของนายแห่งอาชูร่าเหรอ? คิดว่านายท่านรับมือไม่ได้รึไง? ยังไม่ออกไปอีก!”

หลินเชวียกล่าว ลึกๆ ในใจก็อดคิดไม่ได้ โธ่ ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้

เมื่อกี้ยัยนั่นแค่ดูไม่สบายนิดหน่อย พี่เก้าก็รีบโยนเหตุผลทุกอย่างไว้ข้างหลังทันที

สุดท้าย เจียงเหยียนทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่กัดฟันเดินออกไป ผู้อาวุโสหยวนเองก็รีบเดินตามออกไป

นายแห่งอาชูร่าเป็นใคร เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้หญิงคนนี้จะเล่นตุกติกอะไรได้

ไม่นานคนของอาชูร่าก็ออกจากห้องตามคำสั่ง

เห็นชีซิงกับเป่ยโต่วยังยืนอยู่ตรงนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงเหลือบมองพวกเขาแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “มัวยืนทำอะไรอยู่? คิดว่าตัวเองยังสว่างไม่พอรึไง?”

ชีซิงเงียบ

เป่ยโต่วพูดไม่ออก

โดนด่าว่าเป็นหลอดไฟ[1]ซะแล้ว ฮืออ…

เป่ยโต่วกลอกลูกตาไปมา ไม่รู้ว่าจู่ๆ นึกอะไรออก รีบเข้ามากระซิบข้างหูเยี่ยหวันหวั่น “พี่เฟิ่ง พี่มานี่แป๊บหนึ่งได้ไหม? ผมมีเรื่องจะบอกพี่!”

เยี่ยหวันหวั่นเดินตามเป่ยโต่วไปด้านหนึ่ง เป่ยโต่วกระซิบเบาๆ ข้างหูเธอ “พี่เฟิ่ง ให้ผมช่วยพี่ไหม! ผมมีความคิดดีๆ!”

เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าเขา “นายจะช่วยยังไง?”

เป่ยโต่วกระซิบกระซาบ “คืองี้…ผมจะสั่งให้คนวางยาเสน่ห์ในน้ำชาของนายแห่งอาชูร่า…เขาจะได้ทำตามที่พี่ต้องการไง พี่เฟิ่ง ผมฉลาดมากใช่ไหมล่ะ?”

เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเขา แล้วหรี่ตาแผ่รังสีอันตราย “นายคิดว่า…ฉันจะนอนกับผู้ชายคนหนึ่ง…ต้องวางยาเขา งั้นเหรอ?”

เป่ยโต่วตกใจยกมือปาดเหงื่อ “ไม่ใช่ๆๆๆ…ผมไม่ได้หมายความอย่างงั้น…พี่เฟิ่ง พี่น่ะงามจนมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์

หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง…ถ้าถูกใจผู้ชายคนไหน…มีเหรอจะต้านทานความงามพี่ได้…แต่…”

ประโยคถัดไปที่เป่ยโต่วยังไม่ได้พูดออกไปก็คือ แต่พี่ดันไปถูกใจนายแห่งอาชูร่าน่ะสิ!

นายแห่งอาชูร่าเป็นถึงระดับจอมมาร ใช่ผู้ชายธรรมดาซะที่ไหนล่ะ!

สุดท้าย ชีซิงกับเป่ยโต่วไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ถูกเยี่ยหวันหวั่นไล่ออกไปทั้งคู่

ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากแล้ว

ถึงต้องเสี่ยง ก็คงต้องให้พี่เฟิ่งลองซักตั้ง

“พี่เฟิ่งทำเกินไปจริงๆ เห็นผู้ชายหล่อแล้วลืมพี่น้อง! ถึงขนาดไล่ฉันออกมา!”

ชีซิงมองเป่ยโต่วอย่างนึกปวดหัว ตอนนี้เรื่องนั้นใช่ประเด็นสำคัญเหรอ?

“ไม่รู้ว่าชิวสุ่ยหาทางออกได้บ้างไหม” ชีซิงพึมพำ

“เธอจะไปหาทางออกอะไรได้…” เป่ยโต่วบอกพลางค่อยๆ ย่องไปหน้าประตู ท่าทางลับๆ ล่อๆ ไม่รู้ทำอะไรอยู่

ชีซิงเดินไปหา แล้วขมวดคิ้วถาม “นายทำอะไรอยู่”

เป่ยโต่วลงกลอนประตูแล้วบอกว่า “ฮิๆ ฉันปิดตายประตู! เพื่อรับประกันว่าพี่เฟิ่งจะได้ทำงานราบรื่น!”

ชีซิงพูดไม่ออก

————————————————————————————-

บทที่ 1462 นอนแป๊บหนึ่งแล้วค่อยคุยกัน?

พอทุกคนออกไป ในห้องก็เหลือแค่เยี่ยหวันหวั่นกับนายแห่งอาชูร่า

หลังจากอาการคันยุบยิบและเจ็บปวดในร่างกายผ่านพ้นไป ความรู้สึกทรมานแสนสาหัสเหมือนโดนภูเขาไฟกลืนกินก็จู่โจมเข้ามา เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้ว่าตัวเองทำเป็นใจเย็นต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง

ไอ้บ้าเนี่ยอู๋หมิงสมควรถูกประหารพันดาบ!

ว่ากันตามจริงแล้วถ้าไม่ใช่เพราะหมอนั่นกินเงินทั้งสองฝั่ง เธอก็คงไม่ต้องโดนพิษประหลาดของกู่พิษอย่างงี้

แล้วดูตอนนี้สิ พวกเขาสะบัดก้นหนีกลับไปก่อน ไม่สนใจชีวิตเธอด้วยซ้ำ

นาทีนี้ ชายหนุ่มวางแก้วชาในมือลง แล้วมองหญิงสาว “หัวหน้าไป๋มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ”

“พูดตรงๆ? อ้อ…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า แล้วถามว่า “นายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่ คุณง่วงไหม?”

ชายหนุ่มทำประหลาดใจ

เยี่ยหวันหวั่นเดินไปนั่งข้างเขา ยกมือเกยคางแล้วบอกว่า “ถ้าคุณง่วง เรานอนแป๊บหนึ่งแล้วค่อยคุยกันไหม?”

ซือเยี่ยหานเงียบ

เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบว่า “ไม่ล่ะ”

เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้แปลกใจ แต่สีหน้ากลับดูเสียดายนิดหน่อย สายตาร้อนแรงจับจ้องไปที่เรือนร่างของชายหนุ่ม แล้วเอ่ยปากแช่มช้าว่า “ถ้างั้น…ฉันก็คงต้อง…ใช้ไม่อ่อนไม่สำเร็จก็ต้องใช้ไม้แข็งแล้วล่ะ…”

พูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็โน้มตัวเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว วินาทีต่อมา กลีบปากคู่บางนิ่มพุ่งเข้าไปประกบปากของชายหนุ่มอย่างไม่ลังเล…

เมื่อกลีบปากนุ่มนิ่มและอุ่นร้อนของหญิงสาวประกบลงมา ในที่สุดสีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป รูม่านตาสีดำขลับเย็นชาพลันหดเล็ก มือที่อยู่ข้างลำตัวยกขึ้นเหมือนจะผลักหญิงสาวออก แต่สุดท้ายกลับค้างเติ่งไว้กลางอากาศ

ผ่านไปหลายวินาที ในที่สุดชายหนุ่มก็ผลักหญิงสาวออก เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มฟังดูเครียดขึง “หัวหน้าไป๋โปรดรักนวลสงวนตัว”

เยี่ยหวันหวั่นหอบหายใจ รักนวลสงวนตัวหาพระแสงอะไร!

ถ้าคนตรงหน้าคือซือเยี่ยหานจริง แล้วเขาตั้งใจจะปกปิดตัวตนกับเธอ ด้วยความฉลาดของซือเยี่ยหาน เธอไม่มีทางสู้เขาได้แน่

พอตระหนักเรื่องนี้ได้ ลึกๆ เยี่ยหวันหวั่นก็รู้สึกท้อแท้

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงพลันจู่โจมหัวใจ เยี่ยหวันหวั่นหน้าซีดเหมือนกระดาษ เธอยกมือกุมหน้าอกตัวเองแรง “อึก…”

“คุณ…” ชายหนุ่มรีบยื่นมือไปประคองร่างอันสั่นเทาหญิงสาวทันที

สีหน้าของซือเยี่ยหานดูไม่ดีนัก หรือว่าเธอโดนพิษกู่พิษที่เขาไม่เคยได้ยินนั่นจริงๆ…

เยี่ยหวันหวั่นกลืนเลือดในปากลงคอ สูดหายใจลึกๆ แล้วยืนตัวตรง “นายแห่งอาชูร่าผู้ยิ่งใหญ่เชิญกลับไปเถอะ”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

หน้าผากเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เธอยิ้มแล้วบอกว่า “ขอโทษด้วยจริงๆ ต้องบอกตรงๆ ว่าวันนี้ฉันไม่สะดวกรับแขก ผู้นำตระกูลหยวนวางพิษกู่สองใจเป็นหนึ่งใส่ฉัน…ฉันต้องนอนกับคนรักภายในสิบสองชั่วโมงถึงจะแก้พิษได้ ตอนนี้…ยังเหลืออีกสองชั่วโมง…”

สีหน้าของซือเยี่ยหานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

น้ำเสียงของเยี่ยหวันหวั่นไม่เหมือนกำลังโกหก ปฏิกิริยาทางร่างกายของเธอก็คงโกหกไม่ได้เหมือนกัน

ถ้าตอนนี้เขาไม่ช่วยเธอแก้พิษ เธออาจจะตาย

ถ้าเขาช่วยเธอแก้พิษ ความลับก็อาจถูกเปิดเผย

เธอสงสัยเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…

เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันต้องไปแก้พิษก่อน”

คำพูดของเยี่ยหวันหวั่นแทบไม่ต่างจากกำลังบอกว่า “ฉันต้องไปหาผู้ชายที่ชอบแล้วนอนกับเขาก่อน” เลยซักนิด

มือของซือเยี่ยหานที่ประคองหญิงสาวบีบแน่น…

ในตอนนั้นเอง เสียงเอะอะโวยวายของคนกลุ่มหนึ่งดังมาจากข้างนอก

“เป่ยโต่ว ชีซิง! เสี่ยวเฟิ่งล่ะ? พวกนายสองคนมายืนทำอะไรตรงนี้? ทำไมประตูถึงล็อก?” ชิวสุ่ยเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็ถามอย่างไม่เข้าใจ

……………………………………………………….

[1] หลอดไฟ หมายถึง ก้างขวางคอ